วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2562

Aloha Sunset Homestay จันทบุรี

                    เมื่อหลายปีที่แล้ว เราได้มีโอกาสไปทริปกินปูพร้อมที่พักที่โฮมสเตย์แห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี แล้วก็เกิดความประทับใจในการบริการ ในที่พัก และในอาหารแต่ละมื้อที่ได้รับ พอดีกับปีนี้ในช่วงเวลาที่เขาคิชกูฏเปิดให้สาธุชนได้ขึ้นไปสักการะ เรากับแฟนสามารถลางานเพิ่มได้นิดหน่อย จึงตัดสินใจ จัดทริปไปพักที่โฮมสเตย์ที่จันทบุรีก่อนสักหนึ่งคืน แล้วค่อยเดินทางขึ้นเขาคิชกูฏกันในวันต่อมา

                        ด้วยความที่อยากลองพักที่ใหม่ๆบ้าง ว่าแต่ละที่จะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร หลังจากสอบถามกับเพื่อนที่พักอาศัยอยู่ในจังหวัดจันทบุรี ก็ได้ให้คำตอบว่า ที่อโลฮ่า ซันเซ็ท โฮมสเตย์ ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงดัง และเปิดให้บริการมานานหลายปีแล้ว พวกเราจึงตัดสินใจทำการจองที่พักกันที่นี่ครับ สำหรับการจองก็เหมือนกับสถานที่อื่นๆ คือโอนเงินมัดจำ 50% ก่อน แล้วส่วนที่เหลือไปชำระ ณ วันที่เข้าพักครับ โดยพวกเราได้ราคาคนละ 1,800 บาท พร้อมอาหาร 3 มื้อ 

                   พวกเราออกจากกรุงเทพฯกันในเวลาประมาณ 6.30 น. ด้วยสภาพอากาศที่ขมุกขมัว ไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก สลับกับเบา ปรอยๆ เรียกว่าฝนตกแทบตลอดทั้งการเดินทางมาที่จันทบุรี แถม Google map ยังพาพวกเราไปท่าเรือผิดทางอีกต่างหาก ระหว่างทางที่ขับมาในอ.ขลุง ก็มีป้ายบอกทางที่พักอโลฮ่าอย่างดี แต่พอมาถึงทางแยกจะเข้าสู่ซอยที่จะนำไปท่าขึ้นเรือ กลับไม่มีป้ายบอกทางใดๆ และGoogle map ก็บอกเส้นทางผิดไปยังทางตัน ทำให้เสียเวลาวนรถออกมาครับ และในที่สุดพวกเราก็มาถึงท่าเรือสำหรับที่พักอโลฮ่าในเวลาประมาณเกือบ 11 โมงครับ 


ซอยลงเรือ ในซอยนี้จะมีของหลายที่พักเลยครับ

มีป้ายบอกทางไปลานจอดรถ

ลานจอดรถของอโลฮ่า ซันเซ็ท



สัมภาระพร้อมสำหรับการเดินทาง

ศาลาสำหรับรอลงเรือ

                            การเดินทางไปยังอโลฮ่าโฮมสเตย์ เราจะต้องนำรถมาจอดไว้ที่ลานจอดรถ จากนั้นนั่งเรือต่อไปประมาณ 15 นาที สำหรับขาไป ส่วนขากลับ ด้วยเราจะต้องทวนกระแสน้ำ ถ้ากลับในช่วงบ่ายอาจจะช้าถึงประมาณ 40 นาที ด้วยเป็นช่วงกระแสน้ำค่อนข้างแรงครับ










                          ระหว่างนั่งรอเรือมารับ ทางที่พักก็มีเรือกำลังขนน้ำแข็ง ไอศครีม และสิ่งของอื่นๆกลับไปยังที่พักครับ ซึ่งทางพนักงานก็มีน้ำใจครับ สอบถามพวกเราว่า ไปพร้อมกับเรือขนสินค้าเลยไหม แต่พวกเราเลือกที่จะรอเรือลำต่อไปที่จะมารับลูกค้าดีกว่าครับ เพราะมองบนเรือแล้ว เหลือช่องว่างให้นั่งเพียงไม้แผ่นเดียว เรามีกัน 4 คน ไหนจะสัมภาระอีก รอได้ครับ






                             ตั้งแต่มาถึงศาลารอเรือ ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีครับ เรือสำหรับรับส่งลูกค้าก็มาถึง ภายในเรือค่อนข้างกว้างครับ สามารถนั่งได้ประมาณ 20 ท่านต่อรอบนึงครับ











                        




                   ระหว่างทางนั่งบนเรือ เราก็จะผ่านที่พักโฮมสเตย์ อีกหลายที่เลยครับ มีทั้งอยู่บนฝั่งที่สามารถขับรถไปถึงได้ รวมทั้งที่พักที่ต้องนั่งเรือไปต่อเหมือนกันกับเรา ใช้เวลาชมวิวทิวทัศน์บนเรือประมาณ 10 กว่านาที เราก็มาถึง Aloha Sunset Homestay กันครับ




                   เมื่อก้าวเท้าลงมาเหยียบบนดิน พนักงานต้อนรับก็เชื้อเชิญพวกเราเข้าไปทานน้ำลำไย พร้อมกับรับประทานอาหารกลางวันกันก่อนเลย โดยสามารถนำสัมภาระไปวางบริเวณหน้าเวทีได้ก่อนครับ เพื่อความสะดวกสบายในการรับประทานอาหาร


Welcome drink -น้ำลำไย-น้ำเปล่า





พนักงานต้อนรับด้านหน้า
          
                         ด้านหน้าของโรงทานอาหารส่วนกลาง จะมีน้องพนักงานแนะนำโปรโมชั่นช่วงนี้ ทำการเช็คอินที่พัก แล้วจะได้รับของที่ระลึก มีให้เลือกหลากหลายอย่างนะครับ ซึ่งพวกเราไม่ได้สนใจอะไร แต่ในตอนต่อมาก็ทำการเช็คอินอยู่ดี ด้วยเหตุผลส่วนตัวครับ ไว้จะกล่าวถึงรายละเอียดอีกทีนะครับ ด้านข้างโต๊ะจะเป็นของที่ระลึกจำหน่ายของทางที่พัก มีชุดระบายสี ถุงผ้าระบายสี

                          หลังจากเดินผ่านส่วนนี้ ก็จะเป็นหน้าเวที ที่สามารถวางสัมภาระ กระเป๋าไว้ก่อน เพื่อไปรับประทานอาหารได้ครับ

โซนส้มตำ

โซนก๋วยเตี๋ยว

ลูกชิ้น ตับ หมูสด

โซนเครื่องดื่ม มีชามะนาวและน้ำเปล่า

ผัดผักรวม กุ้ง-หมึก

หมูชะมวง

ข้าวเปล่า แกงจืด แกงส้ม

ไข่เจียว



ไข่เจียว


กับข้าวที่ลองตักมาชิมครับ




น้ำพริกปลากระพง



ต้มจืด

แกงส้ม

ก๋วยเตี๋ยวลงมือกันเองครับ











เส้นจันทน์ผัดปู





ขนมจีนน้ำยาปลากระพง

ไอศครีมกะทิสด

โซนน้ำแข็งไส

น้ำแข็งไส

                       สำหรับรสชาติอาหารตามความรู้สึกส่วนตัวของพวกเรานะครับ ด้วยเราลองชิมทุกอย่างที่ทางที่พักจัดให้ครับ เริ่มจากก๋วยเตี๋ยวที่ทำเอง อันนี้ไม่ยากครับ แค่นำของมาลวกให้สุก แล้วก็ราดน้ำซุป ชอบรสชาติแบบใดก็ปรุงกันเองได้ตามใจชอบครับ แต่ที่ยากคือ ส้มตำ คือทางที่พักน่าจะมีพนักงานตำให้ครับ การตำส้มตำไม่ได้ง่ายเหมือนก๋วยเตี๋ยวที่แค่ลวกๆ สุกแล้วก็ทานได้ หรืออาจจะเป็นเพราะพวกเราเอง ที่ขาดทักษะทางด้านการส้มตำ ถึงจะตำมาถึง 4 จาน หน้าตาดูน่าอร่อย แต่รสชาติแทบจะทานไม่ได้ครับ

                               หมูชะมวง รสชาติออกหวานนำ เนื้อหมูแอบแข็งนิดหน่อย แต่ช่วงหนังอร่อยดีครับ ทานคู่กับข้าวเปล่าแล้วจะได้รสชาติที่อร่อยมากๆ ผัดผักรสชาติปกติ ทานได้ และเป็นผัดผักที่จัดกุ้งมาให้อย่างเต็มที่ เรียกว่าตักยังไงก็ได้กุ้งมาทานด้วยแน่นอน 

                                   ต้มจืดและแกงส้ม รสชาติแยกกันแทบไม่ออกครับ ต้มจืดก็จืดปกติ สำหรับแกงส้มรสชาติเจือจางมากๆครับ พอจะทานได้ ต่อด้วยไข่เจียวทอดกันใหม่ๆ รสชาติก็ปกติครับ สามารถบอกน้องพนักงานได้นะครับ ว่าอยากได้แบบไหน ไม่ใส่อะไรก็บอกได้ครับ

                             น้ำพริกปลากระพง รสชาติปกติดีครับ เผ็ดเล็กน้อย เนื้อปลามาเยอะอยู่ ทานคู่กับผักสด ก็ทานได้ครับ ต่อด้วยขนมจีนปลากระพง รสชาติเครื่องพริกแกงเจือจางมากครับ ส่วนรสชาติทานได้ครับ เส้นจันทน์ผัดปู เมนูนี้ออกมาทีหลังครับ แต่แอบผิดหวังเพราะยกมาแบบเย็นเจี๊ยบ รสชาติแค่พอทานได้ 

                        สำหรับของหวานมื้อเที่ยง มีเป็นน้ำแข็งไส รสชาติปกติ กับไอศครีมกะทิ รสชาติออกแนวหวานนิดหน่อยครับ ทานได้ปกติครับ

                     หลังจากทานอาหารอิ่มกันแล้ว จะมีเครื่องเล่นบางส่วนที่ติดกับโรงทานอาหารส่วนกลาง จะเป็นจุดเครื่องเล่นบนน้ำ เรือคายัค บานาน่าโบท โดนัท และสกียืนบนน้ำ ด้านหลังของโรงทานอาหารจะมีห้องน้ำส่วนกลางไว้ให้บริการแบบแยกชาย-หญิงครับ








                     หลังจากสำรวจเบื้องต้นกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปทำการเช็คอิน เพื่อทำการชำระเงินส่วนที่เหลือกับทางที่พัก จะได้นำของไปเก็บที่บ้านพัก และทำการพักผ่อนกันครับ


ห้องสำหรับชำระเงิน รับกุญแจที่พัก





                         ที่ในห้องแห่งนี้ น้องพนักงานในห้องทำการให้คำแนะนำพวกเรา พร้อมกับกุญแจที่พัก และให้ใบตารางกิจกรรมใบเล็กๆ มาให้ครบตามจำนวนแขกที่เข้าพักครับ และบอกกิจกรรมล่วงหน้าให้ทราบว่า เวลาบ่าย 3 - บ่าย 4 โมงจะมีการชมเหยี่ยว สามารถดูจากที่บ้านพักก็ได้ และย้ำว่าทุกกิจกรรมทางน้ำ ถ้าสนใจจะเล่นใช้บริการ ให้มาลงชื่อที่ส่วนกลางก่อนทำการเล่น จากนั้นจึงบอกให้เราไปที่รถสามล้อที่จอดรอไว้ให้บริการไปส่งลูกค้าที่หน้าบ้านที่พักครับ


เลขบ้านพักในคืนนี้ของพวกเรา


                       หลังจากรถสามล้อออกวิ่ง ไม่ถึง 10 วินาที เราก็มาถึงบ้านพักเลขที่ 15 ครับ ซึ่งจริงๆแล้ว ก็คือบ้านพัก หลังที่ 3 ถัดจากโรงอาหารส่วนกลาง สามารถเดินได้สบายๆครับ แต่น้องพนักงานก็มีน้ำใจขับรถมาส่งถึงหน้าบ้านพัก และทำการสอนการใช้งานคาราโอเกะ ที่ติดตั้งอยู่หน้าบ้านพัก


























                          หน้าบ้านพักจะมีโต๊ะม้าหิน พร้อมเปลญวน ไว้ให้บริการนั่งพัก นั่งเล่น นั่งร้องคาราโอเกะ หน้าบ้านพักได้ตามอัธยาศัย พร้อมมีกระติกน้ำแข็ง น้ำเปล่าขวดใหญ่ และแก้วน้ำไว้ให้บริการตามจำนวนลูกค้าที่เข้าพัก ในส่วนคาราโอเกะ เพลงก็มีให้เลือกค่อนข้างมากมายนะครับ เพลงใหม่ๆก็มีให้บริการ การใช้งานก็เหมือนกับคาราโอเกะส่วนใหญ่ทั่วไป จะเลือกเปิดเป็นเพลงฟังสบายๆ หรือจะเลือกปิดเสียงนักร้อง เพื่อทำการร้องเองก็ได้ตามความพึงพอใจครับ และมีถังขยะใบใหญ่วางไว้ให้บริการของแต่ละบ้านพักอีกด้วย เพิ่มความสะดวกสบายในการทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทางครับ 

                     ทางเข้าบ้านพัก ประตูจะอยู่ด้านข้างนะครับ ตรงนี้การล็อคจากด้านนอก จะใช้เป็นกุญแจโซโลแบบเหล็กคล้องไว้ ด้านข้างประตูจะมีป้ายเตือนอย่าถอดรองเท้าไว้นอกบ้านพัก ระวังสุนัขจรจัด ขโมยรองเท้า ซึ่งพักอยู่ 2 วัน 1 คืน เราก็ไม่เห็นสุนัขสักตัวนะครับ หรือเมื่อก่อนอาจจะมี อันนี้ไม่ทราบได้

                   ส่วนด้านในห้องพัก  มีเครื่องปรับอากาศไว้ให้บริการ ทำความเย็นได้เป็นอย่างดี มีหมอน ฟูก ผ้าห่ม ไว้พร้อม มีที่กั้นเล็กๆ แยกระหว่างโซนเปียกที่มีฝักบัวติดไว้ กับ ชักโครกแบบนั่ง พร้อมสายชำระ และอ่างล้างหน้า สภาพก็น่าจะตามกาลเวลาของการเปิดให้บริการครับ ความสะอาดก็ไม่ได้เลวร้ายแต่อย่างใด แต่ติดที่บ้านพักของเรา ฝักบัวน้ำไม่ไหลออกทุกรู แถมรูที่ไหล น้ำยังเลี้ยวออกด้านข้าง เรียกว่าอาบน้ำลำบากมากๆ ไม่ต้องพูดถึงการสระผมครับ

                     หลังจากพวกเราทำการสังเกตุสีน้ำในบ่อน้ำแล้ว ก็มีความเห็นตรงกันครับว่า ไม่เล่นกิจกรรมทางน้ำดีกว่า จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อนครับ ส่วนเรากับแฟนก็นั่งรอดูเหยี่ยวแดงที่หน้าบ้านพักครับ ระหว่างนั่งรอก็ถ่ายรูปเล่นบริเวณหน้าบ้านพักไปพลางๆ ตั้งแต่เวลาบ่าย 2.40 จนถึงเวลาประมาณ บ่าย 3.25 ก็ยังไม่เห็นมีวี่แววของเหยี่ยวแดงสักตัว ได้ยินแต่เสียงร้องกาๆ มาจากทางด้านหลังบ้านพัก










                    ในที่สุดเราก็ตัดสินใจเดินไปยังส่วนกลาง ที่โรงทานอาหารของที่พักครับ ตั้งใจจะไปถามน้องพนักงานว่า มีการชมเหยี่ยวแดงที่บ่อน้ำกันไปหรือยัง หรือว่าวันนี้ยกเลิกการชมเหยี่ยวแดงหรือเปล่า เมื่อไปถึง ก็สอบถามน้องพนักงานด้านหน้าห้อง ที่คอยบริการเรื่องการเช็คอิน รับของที่ระลึก เกี่ยวกับการชมเหยี่ยวแดง น้องด้านหน้าห้องจึงถามน้องพนักงานด้านใน ซึ่งเป็นคนบอกเวลากับเรา และบอกว่าสามารถชมที่หน้าบ้านพักได้เลย

                         คำตอบที่เราได้รับก็คือ ทางที่พักทำการโยนอาหารลงไปในบ่อน้ำ เพื่อทำการเรียกเหยี่ยวแดงให้มากินอาหารเสร็จไปแล้ว ตั้งแต่เวลา บ่าย 3 - บ่าย 3.15 นาที มันจบไปแล้ว เราก็ทำหน้างงๆ พร้อมกับพูดว่า อ้าว จบแล้วเหรอ นั่งรอดูอยู่ที่หน้าบ้านพัก ไม่เห็นอะไรเลย น้องคนดังกล่าวจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงรำคาญและชักสีหน้าให้เราต่อว่า ที่พักที่อื่นเค้าไม่่มีกิจกรรมอะไรให้ทำ เลยจะพาไปดูเหยี่ยวแดงด้านนอก แต่ของทางที่พักเรา แค่โยนอาหารลงในบ่อน้ำ เหยี่ยวก็มากินให้เราดูแล้ว เราก็เลยบอกว่า ที่ได้ยินเสียงร้อง กาๆ ที่ผ่านมานั่นหรอ น้องก็ตอบว่า มากันหมดล่ะ ทั้งกา และเหยี่ยว เหยี่ยวแดงก็ตัวที่มีคอขนสีขาวๆ นั่นล่ะเหยี่ยวแดง เราก็ยังถามต่อว่า บ่อน้ำที่ว่า นี่คือบ่อใหญ่ๆด้านหน้าที่พักนี่น่ะเหรอ ตามด้วยคำตอบที่น่าจะรำคาญเราเป็นอย่างมาก ว่าค่ะ

                    คือ เรานั่งอยู่หน้าบ้านพัก ตั้งแต่เวลา 2.40 ถึง 3.25 ก็เห็นแต่ว่ามีเจทสกีลากเรือบานาน่าโบ๊ท โดนัท ผ่านหน้า ผ่านไปผ่านมาตลอด ในบ่อน้ำแทบไม่มีหยุดว่าง แล้วไม่ทราบว่าทางที่พักโยนอาหารลงบ่อน้ำเดียวกันเนี่ยตอนไหน ทั้งๆที่จุดขึ้นลงเครื่องเล่น ก็คือส่วนกลาง แล้วโยนไป เหยี่ยวมันจะมากินยังไง ในเมื่อในบ่อน้ำก็มีการละเล่นตลอด แล้วจะลงเวลาการชมเหยี่ยวแดงในกิจกรรมว่า เวลา บ่าย 3 - บ่าย 4 โมงครึ่งเพื่ออะไร   

                      เป็นความผิดหวังค่อนข้างมากครับ ทำงานบริการ ตอบคำถามลูกค้าดีๆก็ได้มั้ง ไม่เห็นต้องแสดงกิริยามารยาทขนาดนี้ ถ้าไม่พร้อมตอบคำถามลูกค้า ไปทำงานในส่วนอื่นแทนดีกว่าไหม เราเดินออกจากส่วนกลางด้วยความเซ็งครับ มองไปด้านหลังบ้านพัก ที่มีเส้นสายไฟระโยงระยาง พร้อมต้นไม้รกๆ และบ่อน้ำแห้งๆ พอมองเห็นมีนก เหยี่ยวบินไปมา พอที่จะถ่ายภาพให้หายเสียความรู้สึกได้บ้าง




























                     หลังจากถ่ายภาพเสร็จ เราก็ทำการโพสรูปลงเฟซบุ๊ค และทำการเช็คอินที่พัก พร้อมคำบรรยายถึงน้องพนักงานที่ไม่พร้อมตอบคำถามลูกค้า ก็ไม่ต้องตอบ ให้ไปถามคนอื่นที่เค้าพร้อมตอบก็ได้ การบริการถ้าไม่พร้อมอย่าทำเลย มันทำให้ภาพลักษณ์ของที่พักตกต่ำ และแขกที่มาใช้บริการเสียความรู้สึกครับ

                     จากนั้นก็ถึงเวลาอาหารว่างครับ ทางที่พักมีให้บริการอาหารว่าง เป็นข้าวเหนียวทุเรียน และกล้วยทอด รสชาติก็ปกติดีครับ ทานได้










                     หลังจากทานอาหารว่างเสร็จ ก่อนจะถึงเวลาอาหารเย็น พวกเราจึงเลือกที่จะไปเดินสำรวจที่พักโดยรอบๆ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง






















                 ในส่วนของสไลเดอร์เล่นกิจกรรมทางน้ำ มีอยู่สองฝั่งของที่พักนะครับ จะมีสลิงไว้ให้โหนเล่น สำหรับทิ้งตัวลงน้ำ มีสไลเดอร์ที่มีความสูง ความโค้งที่ใช้ได้ น่าเล่นอยู่ทั้ง 2 ฝั่งครับ ส่วนกิจกรรมสำหรับบนบก ก็จะมีเป็นสลิงให้โหนตัวนั่งจากมุมหนึ่งไปอีกมุมครับ และก็มีมุมให้ถ่ายรูปตามริมบ่อน้ำ มีชิงช้าและที่นั่งโดยรอบ แต่ก็ต้องระวังการสาดน้ำขึ้นมาจากการเล่นบานาน่าโบทด้วยครับ

                 และแล้วก็ถึงเวลาสำหรับมื้อเย็น การกินปูทะเลนึ่ง และอาหารซีฟู้ดอีกหลากหลายของทางที่พัก ซึ่งตรงนี้จะแตกต่างจากมื้ออื่นๆที่ผ่านมา เพราะทางที่พักจะเตรียมเป็นชุดอาหารไว้ให้บริการพวกเราตามโต๊ะ ที่จะมีป้ายชื่อบ้านพักไว้พร้อม ถ้าต้องการเพิ่มเติมเมนูไหน ก็ให้เรียกน้องพนักงานสำหรับการสั่งเพิ่มครับ เว้นผลไม้และน้ำดื่ม ตรงนี้ต้องไปหยิบมาจากส่วนกลางครับ


































                      สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของพวกเรานะครับ ขอเริ่มจากน้ำจิ้ซีฟู้ด รสชาติที่นี่โอเคเลยครับ มาครบ เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน น้ำจิ้มรสชาติอร่อยดี บนโต๊ะจะมีข้าวเปล่าไว้ให้บริการโต๊ะละ 1 หม้อครับ ตรงนี้พวกเราขอคืนทั้งหม้อ เพราะไม่สนใจที่จะทานข้าวครับ

                    เริ่มจากทอดมัน รสชาติก็ปกติครับ ทานได้ ต่อด้วยกุ้งแช่น้ำปลา กุ้งก็สดปกติดี ทานได้ครับ หอยนางรมสด มาแบบตัวค่อนข้างเล็ก ความสดก็พอได้ ทานคู่กับเครื่องเคียงแล้วก็ปกติดีครับ

                   กุ้งอบวุ้นเส้น รสชาติปกติครับทานได้ ปลากระพงทอดน้ำปลา ทอดปลามาไม่ค่อยกรอบสักเท่าไร รสชาติน้ำปลาราดค่อนข้างธรรมดา เมนูนี้พอทานได้ครับ

                  กุ้งอบ อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นกุ้งอะไร แต่ตามเมนูที่ได้รับจากทางที่พัก แจ้งว่า คือกุ้งแชบ๊วย ก็คงใช่มั้งครับ บางตัวก็สดเนื้อเด้ง บางตัวก็เฉยๆ ปนๆกันไป ตามขนาดและก็ความสดครับ ต่อด้วยเมนูพระเอกของเราครับ ปูทะเลนึ่ง เช่นกันครับ ปนๆกันมา ขนาดตัวเล็กบ้าง ตัวใหญ่บ้าง

                   สำหรับจานแรก ปูทะเลมาแบบตัวค่อนข้างใหญ่ครับ และเนื้อปูก็สด หวานอร่อย แต่พอเติมจานที่สอง ขนาดปูก็เริ่มเล็กลง และเริ่มแอบมีความเค็มแทรกเข้ามาในเนื้อปูบ้างเป็นบางตัวแล้วครับ ส่วนการแกะปูก็ไม่ยากครับ ทางที่พักมีให้บริการไม้พร้อมเขียงเล็กไว้ทำการทุบปู

                   ส่วนผลไม้ แตงโมหวานชื่นใจ อร่อยดีครับ และที่อร่อยมาก ก็เป็นน้ำปลาหวานของทางที่พักครับ ทานคู่กับมะม่วงอมเปรี้ยวนิดๆ ทานแล้วอร่อย เพลินสุดๆครับ ระหว่างทานอาหารจะมีน้องพนักงานมาเดินสอบถามลูกค้าครับ ว่าพรุ่งนี้สนใจใส่บาตรหรือเปล่า จำนวนกี่ชุด เมื่อเราสอบถามถึงจำนวนพระ ที่มารับบิณฑบาตร น้องพนักงานก็แจ้งว่า ไม่แน่ใจเรื่องจำนวน อาจจะ 2 รูป พวกเราจึงสั่งชุดใส่บาตรอาหารแห้งคนละ 1 ชุด เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4 ชุดครับ

                   หลังจากทานอาหารเสร็จ ด้านหน้าของโรงทานอาหารส่วนกลาง ก็มีโต๊ะจำหน่ายพลุ ดอกไม้ไฟ ไฟเย็น ไว้จำหน่ายให้ลูกค้าซื้อไปเล่นได้ ข้างๆกันจะเป็นโต๊ะกิจกรรมปาลูกโป่งด้วยลูกดอกครับ ครั้งละ 20 บาท และเป็นที่แน่นอนครับ ก็มีลูกค้าให้ความสนใจ ยืนต่อคิวเล่นกันไม่ขาดสายครับ พวกเราก็เช่นกัน ได้ขนมปลอบใจมากันหลายถุง หลังจากเล่นเสร็จ ก็กลับไปจุดพลุและไฟเย็นกันที่หน้าบ้านพักครับ












                    การให้บริการคาราโอเกะ จะเปิดให้ใช้ได้ถึงเวลาไม่เกินเที่ยงคืนนะครับ เพื่อเป็นการไม่รบกวนลูกค้าท่านอื่นๆ ซึ่งตรงนี้เวลาบ้านพักหลังใดเปิดใช้บริการ เสียงก็ค่อนข้างดังทั่วถึงอยู่ครับ เรายังได้ยินเสียงเพลงมาจากบ้านหลังใหญ่ตรงข้ามบ่อน้ำอีกฝั่งเช่นกันครับ 

                        เวลาในการทานอาหารเช้าคือ 7 โมง ก่อนเวลาทำการใส่บาตรครึ่งชั่วโมง พวกเราจึงตัดสินใจที่จะไปทานอาหารเช้ากันก่อน เพื่อหลังใส่บาตรเสร็จ จะได้มาเตรียมทำธุระส่วนตัว แล้วออกจากที่พักกันเลย ด้วยไม่รู้จะทำอะไรกันในที่พักแล้ว






















                 สำหรับรสชาติอาหารเช้าตามความเห็นส่วนตัวของเรานะครับ เริ่มจากข้าวผัด รสชาติอร่อยดีครับ เครื่องมาเต็ม รสชาติก็ดี ข้าวก็ร่วน อร่อยครับ ส่วนข้าวต้มปลา ก็มาแบบร้อนๆ รสชาติปกติ ต่อด้วยข้าวต้มเปล่า ทานคู่กับไข่เจียวไชโป๊ว รสชาติปกติครับ ทานได้

                  เส้นจันทน์ผัดปู สำหรับมื้อเช้ามาแบบอุ่นๆ แต่รสชาติก็ไม่แตกต่างจากเมื่อวานตอนเที่ยงสักเท่าใดครับ ขนมปังปิ้ง เป็นขนมปังแบบหัวกะโหลกครับ รสชาติก็ปกติ ทาเนย แยม น้ำตาล หรือนม ตามแต่ชอบกันครับ แต่รู้สึกว่าเนย น่าจะเป็นมาการีนครับ ทำให้ส่วนตัวไม่ค่อยชอบสักเท่าไร 

                 ไข่ดาว ก็ทำใหม่ๆตามปกติครับ มีให้เลือกทั้งแบบไข่แดงสุก และไม่สุก ส่วนเครื่องดื่ม สำหรับกาแฟ ชา โกโก้ จะเป็นการใช้บริการจากตู้กดครับ ของเนสกาแฟ ซึ่งตรงนี้ไม่ค่อยชอบรสกาแฟอมเปรี้ยวเป็นการส่วนตัวเองครับ 

               หลังทานอาหารเช้าเสร็จ ด้านหน้าของร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มเพิ่ม จะมีโต๊ะวางจำหน่ายชุดอาหารแห้ง และยารักษาโรคสำหรับใส่บาตรครับ ซึ่งการถามจำนวนชุดใส่บาตรเมื่อคืน คงจะใช้เป็นจำนวนคร่าวๆในการจัดชุดออกมาจำหน่ายมั้งครับ เพราะตอนเราซื้อ พนักงานก็ไม่ได้ถามถึงเบอร์บ้านพัก หรือกล่าวถึงการสั่งจองจากเมื่อคืนเลย ชุดใส่บาตรอาหารแห้ง ราคาชุดละ 60 บาท ส่วนชุดยาตำราหลวงก็จำหน่ายในราคาเดียวกัน ชุดละ 60 บาทครับ ส่วนกรรไกรตัดเล็บและมีดโกน สองอย่างนี้เราเตรียมมาสำหรับถวายพระเองครับ








                   เวลาประมาณ 7.40 พระก็มาถึงยังที่พักครับ เป็นพระมาจากวัดป่าบ้านน้ำแดง จำนวน 4 รูป พวกเราจึงทำการใส่บาตร และได้ร่วมทำบุญทอดผ้าป่ากองเล็กๆ ร่วมกันครับ โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางที่พักกล่าวนำสวดและแผ่เมตตาจนเสร็จพิธี

                   หลังจากเสร็จธุระส่วนตัว และเมื่อพร้อมจะเดินทางออกจากที่พักแล้ว เราสามารถนำสัมภาระมารอรับบัตรคิวสำหรับลงเรือกลับไปยังลานจอดรถ แต่สำหรับพวกเรา ด้วยออกกันในเวลาประมาณ 8 โมงกว่า ยังคงมีเรือจอดรอให้บริการส่งลูกค้ากลับอยู่ เราเลยไม่ต้องรอคิวครับ สามารถขึ้นเรือกลับได้ทันที

                   สรุปสำหรับความคุ้มค่านะครับ ในราคาท่านละ 1800 บาท ถ้าเทียบกับที่เก่าที่เคยไปเมื่อประมาณ 2 ปีีที่แล้ว ที่อโลฮ่า มีกิจกรรมทางน้ำให้เล่นเยอะกว่าครับ และมีคาราโอเกะส่วนตัว แต่ถ้าเทียบถึงบ้านพัก ความสะอาด ห้องน้ำ และอาหาร ที่เก่าที่เคยไปดีกว่าครับ โดยเฉพาะการบริการของพนักงานที่อยู่ด้านหน้า เหมือนเป็นตัวแทนของกิจการที่พักเลยนะครับ ที่ควรจะมีความพร้อมและจิตใจในการให้บริการมากกว่านี้ครับ ที่อโลฮ่าเหมาะสำหรับคนที่อยากมาพักผ่อนพร้อมมีกิจกรรมทางน้ำให้เล่นหลากหลายอย่าง และสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้ เพราะรวมค่าที่พักและอาหารครบ 3 มื้อแล้ว แต่สำหรับพวกเรา ที่นี่คงไม่ใช่ทางครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม