วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

นพรัตน์ ภัตตาคาร จ.สุพรรณบุรี

 

Cover

                    ปกติครอบครัวเรามาสักการะศาลหลักเมือง และวัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรีกัน ก็ไม่รู้ว่าจะทานอาหารกันที่ร้านอะไรดี จนได้ดูรายการทีวีแนะนำให้มาทานกันที่ร้านนี้ วันนี้เราจึงมาลองทานกันบ้าง พิกัดร้านตั้งอยู่ตรงข้ามวัดป่าเลไลยก์เลยครับ แต่เมื่อออกจากวัดแล้ว ต้องไปกลับรถไกลสักนิดหน่อยครับ สำหรับลานจอดรถ เข้ามาในซอยข้างร้านได้เลย หลังร้านมีลานจอดรถไว้ให้บริการพร้อม


ป้ายข้างร้าน

ร้านหยุดทุกวันพุธ

ทางไปยังลานจอดรถหลังร้าน

หน้าร้าน

บรรยากาศภายในร้าน

บรรยากาศภายในร้าน


                        ด้วยเราไปใช้บริการในช่วงบ่ายแล้ว ทำให้ลูกค้าภายในร้านไม่ค่อยมาก สามารถเลือกที่นั่งได้ตามอัธยาศัยครับ ถึงจะมากันเพียง 3 คน แต่เมื่อคำนวนจากรายการอาหารที่อยากจะลองสั่งมาทานแล้ว เราจึงเลือกนั่งกันที่โต๊ะกลมกันครับ กำแพงภายในร้าน จะแขวนตกแต่งไปด้วยภาพวาด ซึ่งจะมีชื่อศิลปินผู้วาด พร้อมราคาแปะไว้เรียบร้อยครับ ถ้าท่านใดสนใจอยากได้ สามารถแจ้งกับทางร้านได้เลยครับ หลังจากนั่งกันเป็นที่เรียบร้อย เราก็ได้รับเมนูอาหารกันครับ


เมนูอาหาร

เมนูอาหาร

                  หลังจากสั่งอาหารกันแบบหนำใจ กันเรียบร้อยแล้ว ไม่นานน้องพนักงานก็เริ่มนำเครื่องดื่ม ชาร้อน และน้ำแข็ง มาเสริฟ์ พร้อมๆกับถ้วยน้ำจิ้มก็เริ่มตามมาครับ


อุปกรณ์ในการทานอาหารและน้ำชาจีน

น้ำจิ้มและซอส

พริกตำและน้ำจิ้มซีฟู้ด

ชามใส่เศษอาหาร

                   ใช้เวลาเพียงไม่นานนะครับ รายการอาหารที่เราทำการสั่งเอาไว้ ก็เริ่มทะยอยนำออกมาเสริฟ์กันแบบต่อเนื่อง


ออส่วน

ห่อยจ๊อเนื้อปู

ลูกชิ้นกุ้งแปะฉ่าย

ด้านในห่อยจ๊อ

พล่าปลาช่อน

ข้าวผัดไข่จานกลาง

ปอเปี๊ยะกุ้ง

เครื่องเคียงข้าวผัด

ขนมจีบ

หมั่นโถว (เครื่องเคียงขาหมู)

ขาหมู

ปลาม้านึ่งซีอิ๊ว

สาหร่ายยัดไส้ปูอัดนึ่ง

กุ้งแม่น้ำเผา 2 ตัว

กุ้งมันเยิ้มๆ

มันกุ้งจัดเต็ม

เนื้อกุ้งแม่น้ำเด้งๆ


                                 สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของครอบครัวเรานะครับ ขอเริ่มจากเมนูออส่วนแบบนิ่ม รสชาติปกติครับ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น / ขนมจีบโดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบสักเท่าไรครับ ด้วยทางร้านมีการโรยกระเทียมทอดมาแบบทั่วถึง ทำให้ยากในการเขี่ยออก และไส้ด้านในไม่ใช่ทางของเราสักเท่าไรครับ
 
                                 พล่าปลาช่อน เมนูที่ไม่ค่อยคาดหวังนะครับ แต่รสชาติออกมาอร่อยดีครับ เข้มข้น แต่ไม่เผ็ด เนื้อมะม่วงก็เปรี้ยวกำลังดี เนื้อปลาช่อนก็ทอดออกมากรอบนอกนุ่มด้านใน ไม่มีก้างด้วย ทานได้แบบเพลินๆสบายๆครับ ต่อด้วยห่อยจ๊อเนื้อปูครับ เมนูนี้รสชาติปกติครับ ถึงด้านในจะมีเนื้อปูอยู่ แต่ในความเห็นส่วนตัว ไม่ได้โดดเด่นอะไรครับ ต่างจากปอเปี๊ยะกุ้งครับ เมนูนี้รสชาติอร่อยครับ ทอดออกมาได้กรอบกำลังดี แผ่นแป้งไม่ได้บางกรอบจนบาดปาก เนื้อกุ้งด้านในยังมีความนุ่มอยู่ครับ

                              ลูกชิ้นกุ้งแปะฉ่าย กับ สาหร่ายยัดไส้ปูอัดนึ่ง สองเมนูนี้มาแนวทางเดียวกันครับ ในส่วนของลูกชิ้นกุ้ง รู้สึกว่ายังปกติธรรมดาครับ ไม่ได้โดดเด่นอะไร สำหรับตัวสาหร่าย ความอร่อยมีมากกว่าหน่อยครับ ต่อด้วย ขาหมูหมั่นโถวครับ เนื้อแป้งหมั่นโถวมาแบบนุ่ม นิ่ม อร่อยมากๆครับ ส่วนขาหมูอันนี้รู้สึกว่าปกติธรรมดาครับ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นสักเท่าไร

                               ปลาม้านึ่งซีอิ๊ว เนื้อปลาม้า มาแบบสด หวานกำลังดีครับ เสียดายที่น้ำซีอิ๊วที่นำไปนึ่ง ยังไม่ค่อยซึมเข้าไปในเนื้อปลาสักเท่าไร และน้ำซีอิ๊วมีความเข้มข้นน้อยไปสักหน่อย ทำให้ส่วนตัวรู้สึกว่า แอบจืดจางไปสักนิด ต่อด้วยข้าวผัดไข่ เมนูนี้ทางร้านทำออกมาได้ดีครับ ข้าวผัดร่วนกำลังดี เนื้อข้าวไม่แฉะ อร่อยดีครับ ปิดท้ายเมนูด้วย กุ้งแม่น้ำเผา เมนูนี้สมกับเป็นเมนูแนะนำของทางร้านเลยครับ กุ้งแม่น้ำมีความสด มันกุ้งมาแบบเยิ้มๆ ทางร้านจำหน่ายตามน้ำหนักนะครับ เนื้อกุ้งสดเด้งดีครับ

                          สรุปความคุ้มค่านะครับ เมื่อเทียบคุณภาพอาหาร ปริมาณอาหาร และความอร่อยของอาหาร กับราคาอาหารแล้ว เราก็ยังมองว่าคุ้มค่านะครับ ถึงแม้มีหลายเมนู ที่รู้สึกว่าไม่ถูกใจเป็นการส่วนตัวสักเท่าไร แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ปกติทานได้ครับ ถ้าถามว่า มีโอกาสหน้า จะกลับมาทานอีกไหม ต้องตอบว่า กลับมาทานใหม่ครับ เพราะยังมีอีกหลายเมนูที่ยังไม่ได้ลองทานเลย


บิลค่าเสียหาย





ร้านระเบียงกะเพรา ท่าเรือ จ.อยุธยา

Cover


                         วันนี้เราและครอบครัวได้มาทำบุญกันที่วัดสระตือ จ.อยุธยา ตั้งแต่ก่อนออกจากวัดก็ทำการโทรไปสอบถาาร้านระเบียงกะเพรา ที่เคยมาทานเมื่อปีก่อน ว่าเปิดร้านหรือเปล่า จะได้ทำการสั่งเมนูอาหารไว้ล่วงหน้าเลย จากวัดสระตือ มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารใช้เวลาไม่นานครับ ไม่เกิน 15 นาที เราก็มาถึงจุดหมาย เมื่อมาถึง ทำให้ทราบว่า ทางร้านมีการย้ายสถานที่ใหม่ กว้างขวางกว่าเดิมครับ


หน้าร้าน

ป้ายข้างทาง

บรรยากาศหน้าร้าน

อ่างล้างมือหน้าร้าน

ห้องน้ำอยู่ด้านหลังร้าน


                          ทางด้านหน้าร้าน มีวางอ่างล้างมื้อไว้ให้บริการกับทางลูกค้า ไว้สำหรับล้างมือก่อนทานอาหาร ซึ่งนับเป็นความใส่ใจของทางร้านเป็นอย่างดีครับ ตอนเราไปถึง ภายในร้านยังไม่มีลูกค้ามาใช้บริการสักเท่าไร ทำให้สามารถเลือกที่นั่งได้ตามสะดวกครับ

บรรยากาศหน้าร้าน

บรรยากาศภายในร้าน

บรรยากาศภายในร้าน

อุปกรณ์ในการทานอาหาร

                      
                             การตกแต่งภายในร้าน ออกแบบคล้ายที่เดิมครับ หรือจะเรียกว่า ย้ายมาก็เป็นได้ เพียงแต่โต๊ะสำหรับนั่งทานอาหาร เวลาวางจานหรือแก้วน้ำ มีเสียงสะท้อนออกมาค่อนข้างดังเล็กน้อยครับ ถ้าวางแบบไม่ระวัง อาจจะตกใจกับเสียงที่เกิดขึ้นได้ หลังจากนั่งที่โต๊ะเรียบร้อย รายการอาหารเราก็เริ่มหลั่งไหลออกมาเสริฟ์ครับ


แกงส้มชะอมกุ้ง

ปูหลน

ปลาม้าฉู่ฉี่

ปลาน้ำเงินฉู่ฉี่

ข้าวหอมมะลิ

น้ำโซดามะนาว

ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม

เอ็นไก่ทอดงาขาว


                        สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของครอบครัวเรานะครับ เริ่มจากเมนูแกงส้มชะอมกุ้ง ถึงแม้ด้านล่างหม้อไฟจะไม่ได้ใส่เจลความร้อนมาให้ แต่ตอนยกมาเสริฟ์ มาแบบร้อนๆนะครับ และใช้เวลาในการตักไม่นาน ก็แทบจะเกลี้ยงหม้อ ด้วยความกลมกล่อม ของพริกแกงส้ม ต้องขอบอกว่า เข้มข้น จัดจ้านจริงๆครับ ยิ่งได้ทานคู่กับไข่ชะอมทอดแล้ว ยิ่งฟินแบบสุดๆ ตัวไข่ชะอมก็มาแบบแพ แผ่นใหญ่ๆ ไม่มีกั๊กครับ ตัวกุ้งสดเอง ก็ขนาดตัวกำลังดีครับ 

                              ความเผ็ดร้อนยังคงต่อเนื่องมาถึงฉู่ฉี่ ด้วยมิสเตอร์ที ผู้ไม่กินพริก แต่กลับโปรดปรานเมนูฉูุ่ฉี่ (เรียกว่าเผ็ดไม่กลัว ถ้าไม่เห็นเม็ดพริกครับ) ในวันนี้เราสั่งกัน 2 ปลา เครื่องพริกแกง ทั้ง 2 จาน รสชาติเข้มข้น จัดจ้าน เรียกว่า ข้าวหอมมะลิ โถเดียวสำหรับ 4 คน ไม่พอครับ ต้องจัดกันเพิ่มอีกโถ เพราะแค่เอาเครื่องแกงมาคลุกกับข้าวร้อนๆ ก็อร่อยแบบสุดๆ สำหรับเนื้อปลา ความสดไม่ต้องพูดถึงครับ เนื้อปลามาแบบหวาน ระหว่างปลาม้ากับปลาน้ำเงิน ทุกคนลงความเห็นให้ ปลาน้ำเงินชนะครับ ด้วยความเด้งของเนื้อสัมผัส ปลาน้ำเงินอร่อยกว่าครับ จนอยากที่จะสั่งกลับบ้านอีกสักจาน แต่ติดที่ว่า ปลาน้ำเงินหมดแล้ว เราจึงได้สั่งเป็นปลาเนื้ออ่อนฉู่ฉี่กลับบ้านแทนครับ โดยทางร้านแยกเครื่องแกงไว้ให้ จะได้สะดวกในการอุ่นทาน

                            ปลาฉู่ฉี่ทอดกระเทียมของทางร้าน เป็นปลาตัวใหญ่ครับ ทำให้เราไม่สามารถที่จะเคี้ยวทานได้ทั้งตัวแบบตัวเล็ก แต่ก็เป็นความอร่อยไปอีกแบบ โดยจะต้องระวังก้างกันสักหน่อยครับ ตัวกระเทียมทอดก็หอมกรอบกำลังดีครับ สำหรับคนชอบทานกระเทียมทอด สามารถนำมาคลุกข้าวทานได้แบบเพลินๆเลยครับ

                              ปูหลนกับผักสด เมนูนี้ความอร่อยก็ไม่น้อยหน้าเมนูอื่นๆนะครับ ผักสดทานคู่กับน้ำพริกรสชาติกำลังดี ไม่ได้เผ็ดจนเกินไป ช่วยลดความร้อนแรงของการทานพริกแกงได้เป็นอย่างดี แต่ก็อย่าวางใจนะครับ เพราะในปูหลน มีพริกขี้หนูซอยเอาไว้ด้วย ถ้าเผลอไปทานเข้าล่ะก็ มีได้เผ็ดร้อนกันต่อครับ

                                ปิดท้ายด้วยเมนู เอ็นไก่ทอดงาขาว ทางร้านทอดออกมาได้กรอบกำลังดีครับ ทานกันแบบเพลินๆ เป็นกับแกล้มช่วยลดความเผ็ดได้อีกอย่าง ในส่วนของเครื่องดื่ม โซดามะนาว รสชาติเข้มข้น เปรี้ยวถึงใจ ทางร้านชงน้ำมะนาวได้อร่อยมากๆครับ มีให้บริการทั้งแบบร้อน และแบบเย็น 

                               สรุปความคุ้มค่าของอาหารมื้อนี้นะครับ เมื่อเทียบปริมาณอาหาร คุณภาพอาหารและความอร่อยที่ได้รับ กับราคาค่าอาหารแล้ว ต้องขอบอกว่า คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งครับ เรียกว่าไม่ผิดหวังเลยที่กลับมาทานอีกครั้ง หรือจะเรียกว่า เป็นร้านประจำของครอบครัวไปแล้ว กับการเดินทางมาเส้นทางแถวนี้ ทางร้านให้บริการกันแบบเป็นกันเองครับ ทางร้านมีลานจอดรถให้บริการแบบกว้างขวางครับ จอดรถได้สบาย ท่านใดผ่านมาแถวอำเภอท่าเรือ จังหวัดอยุธยาแล้วล่ะก็ อย่าลืมแวะมาทานกันนะครับ ที่สำคัญ โทรมาสอบถามกับทางร้านก่อนได้นะครับ ว่าในวันที่จะเข้าใช้บริการ มีเมนูปลาอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เพราะในแต่ละวันจะมีเมนูปลาแตกต่างกันออกไปครับ


บิลค่าเสียหาย


บทความที่ได้รับความนิยม