วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ร้านแม่สำอางค์ - ร้านเพ็ญ วัดหลวงพ่อโสธร

                         เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้ไปสักการะไหว้หลวงพ่อโสธรกันที่ วัดโสธรวรารามวิหาร ที่ฉะเชิงเทรา หลายๆท่านน่าจะคุ้นเคยกับแหล่งรวมร้านอาหาร และขายของฝากมากมาย ที่อยู่ติดกับลานจอดรถตรงข้ามกับวัดหลวงพ่อโสธร โดยเราขอกล่าวถึงการซื้อไข่ต้มไปไหว้หลวงพ่อกันก่อนสักนิดนะครับ ตั้งแต่เลี้ยวเข้ามาในซอยจากเส้นมอเตอร์เวย์ จะพบกับป้ายขายไข่ต้มจำนวนมาก หลังจากสอบถามราคาแทบทุกร้าน เพราะรู้สึกยังไม่ถูกใจ ก็จะพบกับราคามาตราฐานอยู่ที่ประมาณ ไข่เบอร์ 4 จำนวน 100 ใบ ราคาต้มแล้วอยู่ที่ 280 บาท ด้านหน้าๆจะมีแถมตะกร้าพร้อมน้ำปลาหอยหลอด 1 ขวดเล็ก และมีน้ำเปล่าให้ 1 แก้ว 

                          เมื่อมาสอบถามตามร้านช่วงกลางซอย ก็จะพบกับราคา 280 บาทจะเป็นบรรจุใส่ลังกระดาษเหมือนที่ขายเป็นถาดทั่วไป มัดไว้พร้อม 100 ใบ ต้องการใส่ตะกร้าจะอยู่ที่ราคา 300 บาท เมื่อใกล้ถึงตัววัดมากขึ้น ราคาก็จะกลายเป็น ตะกร้าละ 320 บาท แต่มีแถมธูปเทียน ทอง ดอกไม้ ให้ 2 ชุดครับ โดยที่กล่าวมาจะเป็นไข่เบอร์ 4 นะครับ ขนาดเบอร์ใหญ่ขึ้น ราคาก็จะขึ้นไปตามขนาด แต่ถ้าเรามาซื้อไข่ต้มตรงที่ลานจอดรถตรงข้ามวัด ราคาก็จะสูงขึ้นเป็นตะกร้าล่ะ 350-400 บาท สำหรับขนาดเบอร์เดียวกันทันทีจ้า อันนี้เลือกกันได้ตามอัธยาศัยนะครับ ว่าชอบใจที่จะซื้อที่ร้านไหน ราคาเท่าใด 

                                 กลับมาที่ร้านอาหารของเราในวันนี้กันครับ หลังจากที่เราไปสักการะหลวงพ่อโสธรกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาหาร้านอาหารทานกัน โดยบริเวณที่ลานจอดรถจะเห็นได้ว่า มีร้านขายหอยทอดเป็นจำนวนมากครับ หลากหลายร้าน สามารถเลือกทานกันได้ตามใจชอบ แต่สำหรับครอบครัวเราจะมีร้านประจำที่ทานกันมากว่า 20 ปี ตั้งแต่สมัยที่คนขายยังเป็นรุ่นคุณแม่ จนมาถึงรุ่นลูก ด้วยความคงที่ของรสชาติและความสะอาด ทำให้ไม่เคยเปลี่ยนใจหรือคิดไปลองทานร้านอื่นนอกจาก "ร้านแม่สำอางค์"








                     ที่ร้านแม่สำอางค์ ไม่ได้มีจำหน่ายเพียงแต่หอยทอดนะครับ เมนูตามสั่งก็มีมากมายหลายเมนู โดยเฉพาะเมนูรสจัด ผัดกระเพรา ผักพริกแกง รสชาติจะเข้มข้นอร่อยมากๆ จะเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำทะเล สุกี้ ก็มีจำหน่าย่ รสชาติอร่อยกลมกล่อมครับ หลังจากเดินเข้ามาในร้านก็สามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบครับ มีพัดลมตั้งไว้บริการตามจุดต่างๆ หลังจากสั่งอาหารและเครื่องดื่มกันเป็นที่เรียบร้อย ทางคนเสริฟ์ก็จะยกขนมถ้วยมาให้บริการเลือกทานครับ (ขนมถ้วยไม่ได้มีทุกวันนะครับ แล้วแต่ทางคนขายว่าจะมาจำหน่ายหรือเปล่า) ระหว่างรออาหารเครื่องดื่มที่สั่งก็เริ่มทะยอยนำออกมาวางให้บริการครับ หลังจากวางน้ำให้ ไม่ถึง 5 นาที อาหารที่สั่งก็เริ่มทะยอยเอามาส่งที่โต๊ะครับ


ขนมถ้วย

น้ำเก๊กฮวย

น้ำเปล่า


หอยทอด - แป้งกรอบ

ราดน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้าน

ต้มยำรวมทะเล

ปลาหมึกลวก

    
                        ขอสรุปรสชาติตามความเห็นส่วนตัวนะครับ หอยทอดทำออกมาได้กรอบอร่อยดังเดิม หอยมีปะปนทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ รสชาติหอมอร่อย ถั่วงอกมากรอบ ทานคู่กับน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้านแล้วจะยิ่งเพิ่มความกลมกล่อมครับ ต่อด้วยต้มยำ รสชาติจัดจ้าน ใส่เครื่องมาให้ครบ ทั้งหอย ปลาหมึก และกุ้งครับ ซดน้ำซุปต้มยำร้อนๆ ระหว่างทานหอยทอด ทำให้สดชื่นครับ

                          Mr.T เจ้าประจำของทริปครอบครัว ผู้ไม่ทานพริก เมื่อเห็นความสดเด้งของตัวปลาหมึกในชามต้มยำ ถึงกับอดใจไม่ไหว ขอสั่งปลาหมึกลวกมาทานบ้าง ทางร้านก็จัดใส่จานมาให้ทาน ด้วยความรวดเร็วครับ ปลาหมึกสดๆ เด้งๆ ทานแล้วกรุบกรอบในปาก อร่อยครับ

                         สำหรับน้ำเก๊กฮวย Mr.T ได้ลองทานแล้วบอกว่า รสชาติค่อนข้างหวานมาก อันนี้ไม่ผ่านสำหรับคนไม่ชอบทานหวานนะครับ ส่วนขนมถ้วย ได้ลองทานกันครบทุกคน รสชาติธรรมดาครับ ไม่อร่อยเหมือนที่เคยกิน อาจเพราะน่าจะเปลี่ยนเจ้าคนทำ ทำให้ตัวกะทิ มาค่อนข้างน้อยไม่หอม เข้มข้นแบบเดิม สรุปค่าเสียหายมื้อนี้ อยู่ที่ 520 บาทครับ (หอยทอด 4 จาน)

                           หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยก็ถึงเวลาซื้อของฝากครับ ร้านขนมจากและปูดอง เจ้าประจำของครอบครัวเรา ก็จะเป็น "ร้านเพ็ญ" เป็นร้านเจ้าเดียวในตลาดที่จำหน่ายขนมจาก 3 รสชาติ คือ ข้าวเหนียวดำ, อัญชัน และใบเตยครับ ปกติเราจะซื้อถุงละ 100 บาท โดยข้างในถุงจะมี 5 มัด ใน 1 มัดจะมีขนมจาก 4 อัน ตรงนี้เราสามารถเลือกสั่งแบบรวมรส หรือจะสั่งแยกแต่รสชาติที่ชอบก็ได้นะครับ เจ้าของร้านน่ารัก อัธยาศัยดี อยากแกะให้ชิมตลอด


ขนมจาก แม่เพ็ญ

ขนมย่าง-ขนมจาก

ห่อกันใหม่ๆ

ปูดอง

ปูแสมดอง

ปูม้าไข่ดอง

หอยดอง

ชอปปิ้ง

                เนื่องด้วยร้านเพ็ญทำขนมจากกันสดๆใหม่ๆ ทำให้ในบางครั้งที่ลูกค้ามาเหมาซื้อกันหลายถุง ทำให้เราอาจจะต้องใช้เวลาในการรอนิดนึงนะครับ วันนี้ก็เช่นกันครับ ก่อนหน้าเราเพิ่งมีลูกค้ามาเหมาไป 4 ถุง เราจึงต้องรอย่างใหม่ๆ ระหว่างรอก็เห็นป้ายหน้าร้าน มีเขียนว่าขนมย่าง สอบถามจากเจ้าของร้านได้ความว่า เรียกขนมจาก ว่าขนมย่าง เพราะนำมาย่างกับไฟ และทางร้านใช้มะพร้าวอ่อนน้ำหอมอย่างดี มาเป็นวัตถุดิบในการทำขนมจาก ทำให้ของทางร้านหอม อร่อย

                จากนั้นท่านแม่ก็ทำการเลือกซื้อปูดอง โดยเฉพาะปูม้าไข่ ที่แกะออกมาโชว์ให้เห็นไข่สีส้มสดใส น่าทาน ยั่วน้ำลายให้เอาไปทำยำ ถ้าซื้อกับทางร้านนี้ไม่ต้องกังวลใจนะครับ รับประกันว่ามีไข่ทุกตัว ปูใหม่ๆเทออกมาให้เลือกซื้อตลอด เราจึงได้ทำการจัดมาอย่างละ 1 โล น้องคนขายแพ็คใส่ถุงพร้อมมีกระดาษหนังสือพิมพ์ห่อกันกลิ่นให้อย่างดีครับ นำกลับมากรุงเทพฯได้อย่างสบายใจ ทางร้านแม่เพ็ญเปิดขายทุกวันนะครับ ไม่มีวันหยุด สามารถมาซื้อทานหรือซื้อเป็นของฝากกันได้ครับ

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ยศ ข้าวต้ม

                      ด้วยความที่เมื่อคืนไปกินร้านข้าวต้ม ปูทอง แล้วรู้สึกคาใจกับเมนูผัดแขนงหมูกรอบ ทำให้ช่วงบ่าย 4 โมงกว่าในวันอาทิตย์ เราจึงเลือกที่จะหาอะไรทานกันที่ร้าน ยศ ข้าวต้ม สาขา 2 ที่มีให้บริการที่จอดรถ ในตอนแรกที่มาถึงหน้าร้าน ก็รู้สึกสะดุดใจว่า ร้านดูมืดๆ เปิดร้านหรือเปล่า เลี้ยวเข้ามาที่จอดรถ ก็มีจอดเพียงรถกระบะ 2-3 คัน หลังจากสอบถามกับทางพนักงาน จึงได้ความว่า เปิดร้านแล้วจ้า

                    ตอนแรกว่าจะนั่งใช้บริการในห้องแอร์กัน แต่มาสะดุดตาที่ป้ายหน้าประตูทางเข้าห้องแอร์ "ค่าบริการแอร์ ท่านละ 10 บาท" เรากับแฟนก็เลยเปลี่ยนใจ นั่งด้านนอกก็ได้ หลังจากเลือกที่นั่งเป็นที่เรียบร้อย น้องพนักงานก็นำเมนูมาให้เลือกสั่งอาหาร พร้อมกับถามถึงเครื่องดื่มครับ







                 เหตุการณ์คล้ายกับเมื่อคืนที่เพิ่งทานข้าวต้มกันไปครับ เมนูแทบไม่ต้องใช้ เพราะมีเมนูประจำในใจกันอยู่แล้ว ทำให้สั่งอาหารกันเสร็จด้วยความรวดเร็ว ระหว่างนั่งรออาหาร สายตาก็มองไปรอบๆร้านครับ






                           ทั้งเราและแฟนมาสะดุดตากันตรงที่ป้าย ยำมะม่วงปลากรอบนี่ล่ะครับ และทางร้านใช้เป็นพริกป่นด้วย ยิ่งถูกใจแฟนเป็นอย่างมาก เพราะแฟนไม่ค่อยชอบยำมะม่วงที่ใส่พริกตำ ทำให้ไม่รอช้าครับ สั่งทันที ยำมะม่วงปลากรอบเพิ่มอีก 1 จาน ที่ร้านยศ ทำอาหารไม่ช้านะครับ ใช้เวลาไม่นาน อาหารก็เริ่มทะยอยนำออกมาเสริฟ์


น้ำเปล่า+น้ำแข็ง

อุปกรณ์การทานอาหาร

ยำมะม่วงปลากรอบ

ผัดผักบุ้งไฟแดง

กุ๋ยช่ายขาวผัดหมูสับ

ยำปลาสลิด

ผัดแขนงหมูกรอบ

อาหารเต็มโต๊ะในเวลาไม่นาน

                    ด้วยเรามาถึงที่ร้านค่อนข้างไว ทำให้วันนี้ข้าวต้มสุกไม่ทันครับ ระหว่างที่อาหารทะยอยมาเสริฟ์ น้องพนักงานก็จะมาบอกแทบทุกครั้งว่า รอข้าวต้มสักครู่นะคะ หลังจากเมนูอาหารมาเต็มโต๊ะสักพัก ข้าวต้มหอมกลิ่นใบเตย มาเสริฟ์แบบร้อนสะใจสุดๆ เพราะข้าวต้มเพิ่งสุกครับ 

                     ขอสรุปรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ เริ่มจากยำมะม่วงปลากรอบ รสชาติทำออกมาได้อร่อยกำลังดีเลยครับ ถั่วคั่วใหม่ ไม่เหม็นหืน ปลากรอบก็กรอบกำลังดี ไม่เหม็นหืน มะม่วงเปรี้ยวกำลังอร่อย ปรุงรสชาติมาถึงเครื่องครับ ทานแล้วเพลิน ไม่ได้มีรสชาติอะไรโดดออกมาให้สะดุด 

                        ผัดแขนงหมูกรอบ เมนูที่ทำให้ต้องมาทานที่ร้านนี้ในวันนี้ รสชาติความอร่อยยังคงเดิมครับ ถึงแม้หมูกรอบจะเฉยๆ แต่ความกรอบของผักแขนง ทำให้อภัยกับรสชาติหมูกรอบได้ครับ ผัดผักบุ้งไฟแดง ก็ทำออกมาได้ดีเช่นเดิม กรอบ อร่อย

                           ผัดกุ๋ยช่ายหมูสับ ให้ความรู้สึกอร่อยกำลังดี และยำปลาสลิด ที่ตัวปลามีเนื้อให้ทาน ไม่ได้มีแต่ก้าง และไม่ได้แข็งเหนียวแบบเมื่อคืน ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินในการทานเป็นอย่างมากครับ ใช้เวลาไม่นาน เราสองคนก็จัดการกับข้าวหมดโต๊ะเรียบร้อยครับ ในใจก็อยากจะทานไอศครีมกะทิต่อเป็นการล้างปาก แต่ว่าพื้นที่ในกระเพาะแน่นเริ่มแน่นครับ ไว้โอกาสค่อยมาทานใหม่ ร้าน ยศ ข้าวต้ม ยังคงเป็นร้านข้าวต้มที่ครองใจเราในย่านลาซาลอย่างเหนียวแน่นครับ มากี่ที ไม่มีผิดหวัง ท่านใดผ่านมาแถวนี้ อย่าลืมแวะมาทานกันนะครับ 


บิลค่าเสียหาย

ข้าวต้ม ปูทอง

              หลังจากออกกำลังกายด้วยการตีแบตที่คอร์ดลาซาล 53 เสร็จเวลาประมาณเกือบสองทุ่ม ก็เริ่มรู้สึกหิวกัน แต่ด้วยความเหนื่อยจากการออกกำลังกาย ไม่อยากกินอะไรที่หนักท้องมาก เลยคิดกันว่า จะไปหาข้าวต้มทานกันเบาๆ ทานผักกันดีกว่า จะได้รู้สึกดีว่า ออกกำลังกายเผาผลาญไขมันกันแล้วไม่เพิ่มปริมาณไขมันเข้าไปอีก หนึ่งในสมาชิกแนะนำว่า ไปลองทานร้านข้าวต้มโปรงแดงกันไหม ที่ร้านนั้นมีปูไข่ดองรสชาติแซบอร่อยมาก พวกเราจึงตกลงไปที่ร้านข้าวต้มดังกล่าวกันครับ

              พิกัดร้านข้าวต้มโปรงแดงที่หมายถึงอยู่ที่ถนนเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 แถวแยกอุดมสุขครับ สำหรับที่จอดรถก็ต้องหากันตามอัธยาศัยนะ ตามข้างทางและในซอย แต่ก็ระวังอย่าไปขวางทางเข้าออกบ้านใครสักนิดนะครับ หลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปยังร้านข้าวต้มกันครับ เมื่อมองที่ป้ายชื่อร้าน "ร้านข้าวต้ม ปูทอง" คือหนึ่งในสมาชิกของเราเรียกว่าร้านข้าวต้มโปรงแดง เนื่องจากว่า พนักงานเสริฟ์ในร้านจะใส่ชุดเสื้อนักเรียนสีขาว กระโปรงแดง มันเลยคือที่มาของชื่อ ที่บอกพวกเราในตอนแรก









                         ทางร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 18.00 น. พวกเรามาถึงร้านประมาณสองทุ่มกว่าๆ โต๊ะภายในร้านค่อนข้างเต็มไปด้วยลูกค้า หลังจากเลือกที่นั่งแล้ว ก็ต้องรอทางน้องพนักงานมาเก็บโต๊ะที่ลูกค้าที่ทานเสร็จก่อนหน้านี้ หลังจากรอคิวเช็ดโต๊ะประมาณ 5-6 นาที โต๊ะเราก็พร้อมสำหรับการทานอาหารกันครับ น้องพนักงานเอาเมนูมาให้เลือกสั่งอาหาร






                              เมนูอาหารมีให้เลือกสั่งค่อนข้างมากหลากหลายแนวนะครับ แต่ด้วยมีรายการในใจที่สั่งทานกันประจำแทบทุกร้านข้าวต้มกันอยู่แล้ว เลยทำให้ใช้งานเมนูไม่ค่อยเต็มที่สักเท่าไรครับ หลังจากสั่งอาหารเสร็จ น้องพนักงานก็นำอุปกรณ์ในการทาน และน้ำมาเสริฟ์ครับ


น้ำเปล่าและน้ำแข็ง


อุปกรณ์ในการทานอาหาร

                         ร้านข้าวต้ม ปูทอง ใช้เวลาในการทำอาหารไม่นานนะครับ เพียงไม่ถึง 10 นาที หลังจากส่งรายการอาหารไป อาหารต่างๆก็เริ่มทะยอยนำมาเสริฟ์ที่โต๊ะครับ


กุ้งแช่น้ำปลา

ผัดแขนงหมูกรอบ

ผัดผักบุ้งไฟแดง

ข้าวต้ม

ผัดกุ๋ยช่ายขาวหมูสับ

ยำปูไข่ดอง

ต้มซุปเปอร์

ผัดใบปอหมูสับ

ยำปลาสลิด


                   ขอสรุปรสชาติอาหารตามความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ด้วยวันนี้เราทานกัน 4 คน แต่ก็ไม่ได้สอบถามความรู้สึกของผู้ร่วมโต๊ะอีก 2 ท่าน ก็ขอยึดตามแค่ตัวเรากับแฟนนะครับ เมนูที่รู้สึกว่าอร่อยที่สุดในมื้อนี้ ขอยกให้ผัดผักบุ้งไฟแดงครับ รสชาติออกมาอร่อย กลมกล่อม ผักบุ้งไม่เละ ไม่เหนียว กรอบกำลังดี ทานแล้วเพลินมากๆ ต่อมาก็ขอให้ต้มซุปเปอร์ครับ น้ำซุปรสชาติเข้มข้น ตัวขาไก่ก็ต้มมากำลังดี นุ่มมากๆ เรียกว่าตักใส่ปากแล้ว ละลายเหลือแต่กระดูกเลยจ้า

                           กุ้งแช่น้ำปลา กับปูไข่ดอง ความสดโอเคดีครับ ส่วนน้ำยำที่ราดมา รสชาติแซบสะใจมาก เรียกว่า ตื่นตัวกันได้เลยจ้า ความเผ็ด เปรี้ยว รสชาติมาครบครับ แต่ส่วนตัวไม่ทานเผ็ด เลยทำให้ต้องขอผ่าน 2 จานนี้ เพราะสู้กับความแซบถึงใจไม่ไหว

                          ผัดใบปอหมูสับ รสชาติออกมาโอเคดีครับ ผักไม่แห้งหรือแฉะจนเกินไป ทานคู่กับข้าวต้มแล้วอร่อยดีครับ สำหรับข้าวต้มก็หุงออกมากำลังดี ข้าวเป็นเม็ด นุ่มอร่อย นำออกมาเสริฟ์ร้อนๆ ถูกใจคนชอบทานของร้อนเป็นอย่างดีจ้า

                           3 เมนูสุดท้ายที่แอบเครียดครับ คือผัดแขนงหมูกรอบ ตัวผักแขนงหน้าตาไม่ค่อยคุ้นเคยครับ สีออกจะซีดๆไปทางเหลืองนิดหน่อย หมูกรอบก็ค่อนข้างเหนียวและนิ่ม อีกเมนูผัดกุ๋ยช่ายขาวหมูสับ อันนี้ไม่ค่อยโดนครับ และยำปลาสลิด ใส่ขิงดองกันมาเต็มพิกัด แต่ตัวปลาสลิดค่อนข้างแข็งและก้างปลาค่อนข้างเยอะมาก ทานแล้วแอบแทงเพดานปากไปหลายรอบ

                         สรุปความคุ้มค่า ค่าอาหารก็ไม่ได้แพงมากนะครับ ราคาปกติทั่วไป คุ้มค่ากับปริมาณอาหารที่ได้รับ สำหรับรสชาติอันนี้เราว่าแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน เพราะผู้ร่วมทริปที่แนะนำให้มาลองร้านนี้ ก็มาทานร้านนี้เป็นประจำ ใครผ่านมาแถวเส้นถนนเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 ก็ลองมาทานกันได้นะครับ แต่ก็ต้องทำใจกับการบริการนิดนึง ด้วยความที่มีลูกค้าค่อนข้างมาก ทำให้น้องพนักงานอาจจะเสริฟ์ดูแลได้ไม่ทั่วถึง การขออะไรเพิ่ม อาจจะมีช้าบ้าง


บิลค่าเสียหาย

ส้มตำ พาเพลิน

            ช่วงเที่ยงวันเสาร์ ระหว่างเดินทางไปเซ็นทรัลบางนา มีความรู้สึกอยากทานส้มตำอร่อยๆ ด้วยความที่เข็ดกับร้านไก่ย่างในซอยข้างเซ็นทรัล ที่ไก่ย่างอร่อยเด็ด แต่ส้มตำมีความเครียดระดับสูง เราเลยลองเปิดดูร้านส้มตำแนะนำใน google แล้วก็ได้พบกับคำตอบแนะนำ อันดับ 1 ส้มตำย่านอุดมสุข นั่นก็คือ ร้านส้มตำ พาเพลิน นั่นเอง หลังจากดูพิกัดในแผนที่ เราก็มุ่งหน้าไปที่ซอยอุดมสุขกันเลยครับ ขับไปตามทางเกือบสุดเส้นถนน ในช่วงนี้มีการทำถนน ทำให้รถค่อนข้างหนาแน่น และติดเป็นช่วงๆ

                 ผ่านการฝ่าฝันรถติดภายในซอย ประมาณเกือบ 20 กว่านาที จากปากซอยเส้นสุขุมวิท เราก็มาถึงร้านส้มตำพาเพลินครับ ทางร้านอยู่ในโครงการอุดมสุขมาร์เก็ต มีที่จอดรถภายในโครงการ โดยรับบัตรจอดรถกับป้อมยามด้านหน้า และสามารถประทับตราร้านอาหาร หรือร้านที่มาติดต่อภายในโครงการ เพื่อไม่ต้องเสียค่าจอดรถได้นะครับ

          


               
                   ภายในร้านจะมีให้บริการ 2 โซน ทั้งแบบห้องแอร์ และแบบไม่มีแอร์ วันนี้แดดไม่ค่อยร้อน เลยเลือกที่จะนั่งสบายๆกันด้านนอก เพราะในห้องแอร์มีลูกค้ามาใช้บริการค่อนข้างเยอะ หลังจากแจ้งจำนวนกับน้องพนักงานแล้ว ก็เลือกโต๊ะนั่งกันได้ตามอัธยาศัยนะครับ








                      นั่งสักครู่ น้องพนักงานก็นำเมนูมาให้เลือกสั่งอาหารครับ ส้มตำที่นี่มีให้เลือกสั่งกันมากมายจริงๆ นับๆแล้วน่าจะมีร่วมร้อยรายการส้มตำครับ มีให้เลือกทั้งแบบปกติ แบบถาด ตามแต่ความชอบของแต่ละบุคคลเลยครับ โดยเฉพาะความเผ็ด สามารถเลือกได้หลายระดับ โดยมีบอกในเมนูเรียบร้อยครับ ว่าระดับไหนเป็นอย่างไร ระดับ 1-5 คิดราคาเท่าปกติครับ แต่ระดับ 6 จะมีการเพิ่มราคา เพราะท่าทางจะต้องใช้พริกค่อนข้างมาก และที่นี่สำหรับคนไม่ทานเผ็ด ไม่มีล้างครกให้นะครับ





















                                บนโต๊ะจะมีที่วางถุงใส่อาหารพร้อมถุงหิ้วไว้บริการ สำหรับลูกค้าที่ทานไม่หมด แล้วอยากที่จะห่ออาหารกลับบ้าน ก็บริการตัวเองได้เลยนะครับ แต่ไม่เห็นหนังยางนะครับ อันนี้อาจจะต้องขอกับทางน้องพนักงานเพิ่มเองอีกที หลังจากสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อย น้องพนักงานก็จะนำจาน ช้อน ส้อม มาเสริฟ์บริการครับ ช้อนส้อมที่นี่ใส่ถุงพลาสติกมาพร้อม ดูแล้วสะอาดดีครับ จากนั้นไม่นาน ก็นำน้ำดื่มมาบริการให้ครับ เป็นน้ำดื่มของทางร้านเอง









                           ใช้เวลารออาหารประมาณ เกือบ 10 นาที อาหารก็เริ่มทะยอยนำออกมาเสริฟ์ครับ อาจจะเพราะเราสั่งอาหารช้าด้วย เพราะลังเลกับการที่ทางร้านไม่มีบริการล้างครก ทำให้กลัวว่า ความเผ็ดของพริกที่ติดครกมา เราจะทานเองไหวมั้ย แต่สำหรับแฟน สบายๆอยู่แล้ว


ข้าวเหนียว

ตำนัวเนีย ปลาร้า ไม่ใส่พริก 

ตำไทย รสจัด เผ็ดระดับ 4

คอหมูย่าง

              ขอสรุปรสชาติอาหารโดยความรู้สึกส่วนตัวของเราสองคนนะครับ ข้าวเหนียวมาแบบค่อนข้างแฉะ จนเกือบเละเลยครับ อันนี้ทำให้ความอร่อยในการทาน หายไปค่อนข้างมาก ส้มตำนัวเนีย พริกติดครก ก็รสชาติโอเคครับ ไม่เผ็ด มีเม็ดกระถินโรยมา เพื่อเพิ่มความมัน และมีใส่เครื่องมากมาย ที่สัมผัสได้ชัดเจน จะเป็นปลาหมึกกรอบ หมูยอ หอยหวาน ลูกชิ้น แคปหมู คลุกๆกันแล้วก็เข้ากันดีครับ แต่ไม่ได้สั่งไข่ต้มมาทานด้วย เนื่องจากเมื่อเช้าจัดไข่ไปแล้ว 3 ฟอง

                 ส้มตำไทยรสเผ็ดระดับ 4 ของแฟน มีใส่ปลากรอบมาให้ด้วย แฟนบอกว่า เผ็ดค่อนข้างจัดเลยทีเดียว ความอร่อยปกติ ทานได้ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ให้ติดใจ คอหมูย่างก็ย่างมาหอม ทานคู่กับน้ำจิ้มอร่อยดีครับ ติดที่ค่อนข้างมันมากจริงๆ สำหรับคนชอบทานมันเยอะๆ น่าจะถูกใจครับ

                    สรุปคงมาทานกันครั้งเดียวครับ ที่นี่มีเมนูส้มตำให้เลือกมากมายหลากหลาย เรียกว่าเปิดเมนูดูกันแล้วมีแอบตาลายเล็กน้อย มีให้เลือกระดับความเผ็ด ได้ตามใจชอบ เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากทานรสชาติตามความพอใจ จานส้มตำที่นี่ก็ใหญ่พอสมควร ปริมาณอาหารที่ได้ก็เหมาะสมกับราคา แต่สำหรับเรา รู้สึกว่ารสชาติยังไม่โดนครับ ทั้งปลาร้า และตำไทย โดยเฉพาะข้าวเหนียว ที่ทำให้ตัดสินใจมาครั้งเดียวพอ ถ้าท่านใดมีโอกาสลองแวะมาทานส้มตำกันนะครับ 


ค่าเสียหาย

บทความที่ได้รับความนิยม