วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ชาบูนางใน

         ต่อเนื่องจากทริปไปกินปูที่จันทบุรี ขากลับเข้ากรุงเทพฯ มาตามเส้นทางมอเตอร์เวย์ แล้วรู้สึกว่าอยากกินอะไรร้อนๆ ความคิดแวบแรกที่มาในหัวก็ต้องสุกี้ ชาบู ไหนๆเราก็บุฟเฟ่ต์กันมาหลายมื้อแล้ว มื้อนี้ก็อย่าแปลกแยก กระนั้นนเลยเราเลือกมาทานที่ร้าน ชาบูนางใน สาขาหลังเดอะไนน์ พระราม 9

       ร้านชาบูนางใน เป็นร้านชาบูที่มีหลายสาขา และในแต่ละสาขาจะมีเมนูไม่เหมือนกันทั้งหมดทีเดียวนะครับ บางสาขามีเวลากำหนดในการทานด้วย สำหรับสาขาแรกที่ หลังเดอะไนน์ พระราม 9 สาขาไม่จำกัดเวลาในการทาน เมนูอาจจะมีไม่มากเท่าสาขาตามห้าง แต่เรื่องความสด และคุณภาพนี่ ต้องบอกว่าอันดับ 1 ในใจ เลยครับ



ป้ายหน้าร้าน


ที่จอดรถภายในร้าน

ประตูทางเข้าร้าน


                อย่างที่ทราบกันนะครับ ที่ร้านสาขานี้มีที่จอดรถให้บริการภายในร้าน จอดได้เพียงคันเดียว ถ้ามาทานแล้วที่จอดนี้มีท่านอื่นจอด แนะนำให้ไปจอดที่เดอะไนน์ครับ สามารถจอดได้ฟรี 2 ชม. โดยไม่ต้องประทับตราร้านค้า วันนี้เรามาถึงในเวลาเกือบบ่าย 2 แต่ก็ยังมีลูกค้ามาทานกันอยู่ มีรถจอด ทำให้เราจอดส่งผู้ร่วมทริปลงที่หน้าร้าน ก่อนจะนำรถวนไปจอดภายในเดอะไนน์ (บางท่านอาจจะเสี่ยงจอดรถตามข้างถนน บริเวณร้าน แต่อยากขอแนะนำว่า ความปลอดภัยค่อนข้างน้อยนะครับ ยอมเสียเวลาเดินนิดนึงน่าจะดีกว่า)

                 ประตูทางเข้าด้านหน้าร้าน จะมีของวางขายไว้หลากหลาย สามารถเลือกซื้อกลับบ้านกันได้นะครับ แต่ในเวลานี้ ความหิวและความอยากทานชาบูมีมากกว่าสิ่งอื่นใด จึงมุ่งหน้าเข้าไปภายในร้าน เนื่องจากเอารถไปจอด พอมาถึงที่โต๊ะ ก็พบว่า มีของสดหลากหลายวางอยู่เต็มโต๊ะแล้วจ้า ที่นี่บริการเสิรฟ์กันฉับไว ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องสั่งแล้วได้อาหารช้านะครับ


สันคอหมู


เบคอนหมู


กุ้ง ลูกชิ้นกุ้ง ปลาม้วนไส้ไข่เค็ม


ชุดผักรวม


ไข่ไก่


อีกฝั่งก็วางกันเต็มโต๊ะเช่นกัน

             
              เนื่องด้วยเรามากัน 5 ท่าน จึงเลือกเป็นโต๊ะยาว วางได้ 2 หม้อ ที่นี่มีน้ำจิ้มหลากหลายบริการให้เลือกมากมาย ทั้งน้ำจิ้มพอนสึ น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มถั่ว และน้ำจิ้มแบบเวียดนาม พร้อมด้วยพริก กระเทียม มะนาว และต้นหอม



สันนอกหมู


สันคอหมู


เบคอนหมู


สันคอหมูหั่นสไลด์ แผ่นใหญ่ แต่บาง


แกว่งในน้ำเพียง 2 ที ก็สุก พร้อมทาน


จิ้มไข่ไก่สด ก่อนทาน หวานอร่อยสุดๆ


เบคอนก็มาครับ


สันคอหมูอีกจาน


                   หลังจากทานเซ็ทแรกหมด ก็เพิ่งได้ฤกษ์จับเมนู ที่นี่มีบริการของหวานนะครับ แต่ไม่รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ สำหรับเครื่องดื่ม มีบริการน้ำเปล่าฟรี



เมนู บุฟเฟ่ต์

เมนูตามสั่ง

เบคอนอีกจาน

ปลาม้วนไส้ไข่เค็ม รสชาติอร่อยๆ

กุ้งกะหมึกรอบสอง

คริสตัลไข่ปลา และลูกชิ้นปลาอินทรีย์

สันคอหมูจานที่ 3

เบคอนจานที่ 3

คริสตัลไข่ปลา ข้างในอัดแน่นด้วยไข่ปลา มีความเป็นลาวา

สันคอหมู จานที่ 4

ผักบุ้ง ผัดกาดขาว แก้เลี่ยน

เต้าฮวยนมสด มะพร้าวอ่อน

มาแบบเป็นเกล็ดน้ำแข็ง

                   
               เนื้อสันนอกหมูจะออกแนวแห้งเล็กน้อย เพราะมาแบบไม่มีมัน แต่ถ้าผ่านน้ำนำขึ้นมาจิ้มกับน้ำจิ้มถั่ว จะอร่อยอย่าบอกใครครับ แต่โดยส่วนตัวชอบเบคอนกับสันคอหมูมากกว่า แค่จิ้มไข่ไก่สด ด้วยความสดและคุณภาพหมูอย่างดี ทำให้ทานจนเพลินไปหลายจาน ลูกชิ้นที่ติดใจจะเป็นคริสตัลไข่ปลา กับปลาม้วนไส้ไข่เค็ม

              ทางด้านของทะเล กุ้ง ปลาหมึก ก็สดอร่อยนะครับ แต่ด้วยที่ยังคงอัดแน่นมาจากจันทบุรี จึงขอเลือกทานหมูมากกว่า น้ำซุปและน้ำจิ้มที่นี่อร่อยมาก ทานแล้วกลับบ้านไม่คอแห้ง หาน้ำหวานๆซดกันเป็นเหยือกแบบหลายๆที่ สำหรับของหวาน เต้าฮวยนมสดมะพร้าวอ่อน อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือว่าความผิดพลาด ที่นำออกมาเสิรฟแบบเป็นเกล็ดน้ำแข็ง หาสัมผัสของเนื้อเต้าฮวยไม่เจอ แต่ยังเจอเนื้อมะพร้าวอ่อนอยู่บ้างครับ รสชาติก็ทำออกมาทานได้ หอมกลิ่นมะพร้าวอยู่

              สรุปในราคาต่อท่าน 349 บาท เป็นราคาที่ใกล้เคียงกับร้านชาบูอยู่หลายที่ แต่สำหรับความเห็นส่วนตัว ถึงที่นี่จะไม่หลากหลายในเรื่องเมนูอาหาร แต่ด้วยคุณภาพของเนื้อหมู และการไม่คอแห้งจากน้ำซุปและน้ำจิ้ม ร้านชาบูนางในยังคงเป็นอันดับหนึ่งในใจ สำหรับการทานชาบูบุฟเฟ่ต์ครับ และที่สำคัญเหมาะสำหรับท่านที่ทานได้เรื่อยๆ เพราะที่นี่ไม่จำกัดเวลานะจ๊ะ ปิดไฟหม้อเมื่อไร ถึงจะนำบิลมาวางจ้า

วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

มณีแดง โฮมสเตย์

        เมื่อมีความอยากพาท่านแม่ไปทานบุฟเฟ่ต์ปูทะเลไม่อั้น เราจึงเริ่มทำการหาข้อมูล จากแรกเริ่มที่จะพาไปทานตามร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ด จนถึงตามโรงแรม แล้วก็มาพบกับแพคเกจบุฟเฟ่ต์อาหาร 3 มื้อพร้อมที่พักโฮมเสตย์ ภายในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีให้เลือกเป็นจำนวนมาก ทั้งบริเวณแหลมสิงห์ไปจนถึงขลุง นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มาแรงแซงทางโค้ง เพราะจะได้ไปพักผ่อน สัมผัสบรรยากศธรรมชาติและยังได้ทานอาหารบุฟเฟ่ต์ 3 มื้อ ในราคาประมาณ 1500-2200 บาท/ท่าน/คืน ตามแต่สถานที่พักนะครับ

         หลังจากทำการสืบค้นข้อมูลโฮมสเตย์หลายที่ อ่านดูรีวิวหลายเว็ปไซด์ รวมถึงถามข้อมูลจากคนในพื้นที่ เนื่องด้วยเรามีข้อจำกัดที่ ผู้สูงอายท่านแม่ของเรา ไม่สะดวกในการลงเรือ ทำให้เราตัดที่พักที่จะต้องจอดรถไว้ที่ท่าเรือ แล้วทำการลงเรือต่อไปยังสถานที่พักออกไป

         ข้อจำกัดต่อมา สถานที่พักต้องสะอาดและไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ สำหรับที่นอนขอเป็นมีเตียง เพราะถ้าเป็นฟูกวางบนพื้น จะลำบากมากในเวลาที่จะนั่ง-นอน และลุกขึ้นมา ต้องมีห้องน้ำในที่พักและต้องเป็นแบบโถนั่ง ถึงจะเป็นธรรมชาติ อากาศสำหรับบางท่านอาจจะเย็นสบาย แต่ด้วยผู้สูงอายุในทริปของเรา ขอเน้นว่า ต้องมีแอร์ และแอร์ต้องมีความเย็นด้วย ที่พักที่มีคนทำการคอมเม้นเรื่องดังกล่าวในเวปไซด์ เราก็ทำการตัดทิ้งออกไปอีกรอบ

         มีที่พักหลายที่ มีจุดเด่นในเรื่องการให้บริการคาราโอเกะ ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีของคอร้องเพลง ที่ให้บริการยาวนานถึงเที่ยงคืน แต่สำหรับผู้สูงอายุในทริปของเรา ถือเป็นข้อต้องห้าม เพราะเป็นการรบกวนการนอน เราจึงตัดที่พักที่มีการให้บริการคาราโอเกะเกินสี่ทุ่มออกไป

          มาถึงจุดๆนี้ เริ่มที่จะถอดใจ เพราะรู้สึกว่าทริปของเรามีข้อจำกัดไม่น้อย หลังจากการตัดรายชื่อที่พักออกไปเรื่อยๆ จากเริ่มที่มีรายชื่อหลายสิบที่พัก จนเหลือเพียงไม่ถึงสามสี่ที่ ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งไม่ค่อยมีการแนะนำในเวปไซด์ มีคนเคยไปพักและทำการรีวิว ผ่านมา 2-3 ปี เป็นส่วนมาก ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เวลาที่ผ่านไป อะไรหลายๆอย่างที่เคยดี จะยังคงดีต่อเนื่องอยู่หรือเปล่า

          และแล้วก็ได้คำแนะนำมาจากคุณน้า ที่ไปพักที่ "มณีแดงโฮมสเตย์" กับทางที่ทำงาน เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ คุณน้าแนะนำว่า ที่นี่มีบ้านพักสะอาดอยู่บนพื้นดิน สามารถขับรถไปจอดที่หน้าบ้านพักได้เลย มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย อาหารอร่อยและไม่อั้นจริงๆ พนักงานบริการเป็นอย่างดี และนั่นคือคำตอบ ที่เราตัดสินใจมาเลือกพักที่นี่



มณีแดงโฮมสเตย์ - ด้านหน้าเป็นที่ติดต่อห้องพัก


               เมื่อได้ที่พักที่ต้องการ ขั้นตอนต่อไปก็คือการจอง ที่พักโฮมเสตย์ที่จันทบุรี ถ้าท่านหวังว่าจะเดินมาหาที่พักข้างหน้า(วอคอิน) ต้องบอกว่า ในคืนวันศุกร์-เสาร์ เป็นไปได้ค่อนข้างยากนะครับที่จะยังมีว่างไว้บริการท่าน เพราะฉะนั้นขอแนะนำว่า ให้จองล่วงหน้าจะปลอดภัยกว่าจ้า

              เริ่มจากเราเข้าไปที่หน้าเวปไซด์ของมณีแดงโฮมเสตย์ ทำการโทรติดต่อเพื่อที่จะทำการจองที่พัก เมื่อเราแจ้งวันที่ต้องการเข้าพัก ทางปลายสายแจ้งว่าว่างและแนะนำว่าให้แอดไลน์ ติดต่อขอข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจทางไลน์จะสะดวกกว่า หลังจากทักไปทางไลน์ ก็ได้รับข้อมูลดังนี้



คำแนะนำ 1

คำแนะนำ 2


คำแนะนำ 3

             หลังจากสอบถามข้อมูล ขอดูรูปบ้านพักแบบต่างๆ เราก็ตกลงเลือกบ้านอบอุ่น เนื่องด้วยบ้านอบอุ่นอยู่บนพื้นดิน และอยู่ค่อนข้างห่างจากโรงทานอาหาร ซึ่งเราสบายใจว่าเสียงดังจากคาราโอเกะในตอนกลางคืนไม่น่าจะมาถึงแน่นอน จากนั้นแจ้งจำนวนผู้เข้าพัก ทางเจ้าหน้าที่ไลน์ของมณีแดง จะทำการแจ้งยอดเงินมัดจำ 50% ของราคาทั้งหมด และให้เราทำการโอนเงินมัดจำไปที่ทางบัญชี ของเราจะเป็นราคาท่านละ 1700 บาท เมื่อทำการถ่ายรูปใบโอนส่งกลับไป  ก็จะได้รับข้อความยืนยันการจองจากทาง มณีแดงโฮมสเตย์ เป็นอันจบกระบวนการจองที่พักครับ

          และแล้ววันเดินทางของเราก็มาถึง เนื่องด้วยเราเดินทางในช่วงเกือบปลายเดือนสิงหาคม ทำให้ยังคงอยู่ในช่วงฤดูฝน และหลายๆท่านคงทราบดีว่า เส้นทางมุ่งหน้าไปทางจันทบุรี ถ้าเกิดมีฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก รถที่วิ่งบนถนนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะเคยเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากพัดรถที่วิ่งบนถนนหายกันมาแล้ว แต่ด้วยความโชคดีของเรา วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม วันออกเดินทาง ฟ้าโปร่งใสออกแนวเรียกว่าร้อนแสบผิวกันเลยทีเดียว 

          เราเลือกเส้นทางไปจันทบุรี ผ่านทางเส้นบ้านบึง เพราะเป็นเส้นทางแนะนำจากทาง google map แอพยอดนิยมในความรู้สึกส่วนตัว ออกเดินทางจากรัชดาในเวลาประมาณ 7 โมงนิดหน่อย ตั้งจุดแวะพักเส้นทางไว้ที่ ที่พักเดินทางมอเตอร์เวย์ เพื่อทานอาหารเช้า เกือบ 8 โมงเช้าเราก็มาถึงที่พักเดินทาง มีความรู้สึกไม่อยากทานพวกเบอเกอร์ในวันนี้ เพราะร้านยอดนิยมทั้ง 3 ร้านมีลูกค้ารอคิวสั่ง รอรับอาหารกันยาวเหยียด เลยตัดสินใจเข้าร้านอาหารง่ายๆ ร้านข้าวแกงและก๋วยเตี๋ยว

           และนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด เนื่องจากรสชาติข้าวแกงของร้านที่เลือกเข้าไปทาน เรียกว่า กลืนลงคอหอยยากเหลือหลาย ต้มเลือดหมู เครื่องในยังคงความเป็นเครื่องในไว้เป็นอย่างดี ทั้งกลิ่นและรสชาติ เหมือนไม่ได้ล้างอะไรกันมาก่อน จึงขอผ่านไม่ลงรูปร้านอาหารร้านนี้ครับ ขอเก็บไว้สะเทือนใจกันภายในครอบครัว และจะจำไว้ว่า เมนูสิ้นคิดแบบ ข้าวเปล่ากับไข่เจียว/ไข่ดาว เป็นอะไรที่ปลอดภัยที่สุด

        หลังจากออกจากที่พักคนเดินทางเราก็มุ่งหน้ายาวกันไปที่จันทบุรี เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนไปพักผ่อน เราจึงเลือกที่จะไป วัดเทพธารทอง เพื่อไปทำบุญและถวายสังฆทานกันก่อนเข้าตัวเมือง และเมื่อมาถึงตัวเมืองจันทบุรี สิ่งที่ขาดไม่ได้ ก็ต้องเป็นการไปสักการะ ศาลพระเจ้าตากสินมหาราชและศาลหลักเมือง เสร็จพิธีก็เวลาประมาณเที่ยง ด้วยความหิว จึงรีบมุ่งหน้าไปยังที่พัก เพื่อทานอาหารเที่ยงตามโปรแกรม

          ที่พัก มณีแดง โฮมสเตย์  ถ้าวิ่งตามเส้นทางสุขุมวิทที่เป็นเส้นทางหลัก จะอยู่ห่างจากตัวเมือง เป็นระยะทางเพียง 29 กิโลเมตรนิดหน่อยครับ ใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาที ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ และเมื่อมาถึงที่พัก เราก็จะพบกับอาคารทรงจั่วตั้งเด่นสง่า อยู่หลังวงเวียน นั่นคือ สถานที่ติดต่อห้องพัก เมื่อทำการแจ้งชื่อผู้ทำการจอง ทางที่พักจะให้เราชำระเงินส่วนที่เหลือพร้อมวางเงินมัดจำค่ากุญแจ 200 บาท

         ทางเจ้าหน้าที่ผู้ชายท่าทางใจดี ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพักอาศัย (ภายหลังถึงทราบว่าคือ คุณ มณี เจ้าของโฮมเสตย์แห่งนี้) โดยเริ่มจากให้ดูแผนที่ และอธิบายอย่างละเอียด ว่าจุดที่เราอยู่ในแผนที่คือลอบบี้ติดต่อห้องพัก ด้านหลังจะเป็นอาคารสัมนา มีบริการจักรยานให้เลือกใช้ฟรี ตั้งแต่เช็คอินจนถึงเช็คเอ๊าท์ออกจากที่พัก สามารถขี่จักรยานชมวิวหรือออกกำลังกาย และทุกสถานที่สามารถขับรถยนต์วนได้ และมีที่จอดรถตามข้างทางจุดต่างๆ สำหรับบ้านอบอุ่น ถ้าห้องน้ำภายในที่พักไม่พอกับการใช้งาน สามารถมาใช้ห้องน้ำด้านหลังอาคารสัมนา ซึ่งอยู่ข้างๆกันได้ และที่นี่ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาพัก

       รวมถึงแนะนำร้านกาแฟก่อนถึงโรงทานอาหาร ซึ่งที่โรงทานอาหารแห่งนี้ จะเป็นสถานที่สำหรับทานอาหารทั้งมื้อเที่ยง เย็น และมื้อเช้าก่อนกลับ ขั้นตอนการทานอาหาร เพียงแจ้งชื่อผู้จองบ้านพักกับทางเจ้าหน้าที่ในโรงทานอาหาร เจ้าหน้าที่จะนำไปที่โต๊ะที่มีชื่อเราวางไว้เรียบร้อย พร้อมอาหารชุดแรก อาหารที่นี่เป็นบุฟเฟ่ต์ทุกเมนู สามารถสั่งเติมได้ตลอด และแนะนำว่า เราควรมาถึงที่พักก่อนเวลาบ่าย 2 โมง เพราะจะได้ทานอาหารเที่ยงเสร็จทันเวลาไปชมเหยี่ยวแดง ซึ่งจะมีบริการทั้งแบบแพแห้งและแพเปียก โดยแพแห้งจะมีโต๊ะ เก้าอี้ หลังคา บริการให้เรานั่งชมธรรมชาติไปตามแม่น้ำ และแพเปียกจะเป็นแบบท่อ PVC ซึ่งจะมีจุดที่สามารถลงไปเล่นน้ำได้ ทางที่พักมีบริการชูชีพให้เพียงพอ และแพทั้ง 2 ชนิด สามารถรับรองลูกค้าได้ถึง 110 ท่าน เรียกว่า ขนาดใหญ่และมีความปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่าน้ำหนักจะเกิน และขอให้มารวมกันที่หน้าอาคารติดต่อห้องพัก ในเวลา บ่าย 2.45 นาที เพื่อเตรียมตัวขึ้นรถไปที่จุดลงแพสำหรับชมเหยี่ยวแดง


สถานที่ติดต่อห้องพัก


รายละเอียดบ้านพัก


แผนที่ภายใน มณีแดงโฮมสเตย์


เคาน์เตอร์ติดต่อที่พัก - คุณ มณี (ผู้ชายเสื้อดำ) เจ้าหน้าที่ผู้ให้คำแนะนำเป็นอย่างดี


                 หลังจากได้กุญแจบ้านพัก และผู้ร่วมทริปของเรามีความสงสัย จึงถามถึงความแตกต่างของบ้านพักแต่ละแบบ ซึ่งทางคุณ มณี ก็ได้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆว่า บ้านพักอบอุ่น จะเป็นบ้านพักที่มีเตียง และอยู่บนพื้นดิน โดยจะติดกันทั้งหมด 5 ห้อง ในแต่ละห้องจะมี เตียงเดี่ยว 2 เตียง ซึ่งจะพักมาตราฐานได้ 4 ท่าน แต่เรามา 5 ท่าน จึงทำการเสริมเตียงคู่ไปอีก 1 เตียง

               บ้านโฟม บ้านกลางน้ำ บ้านอารยะ สามแบบนี้ จะอยู่บนน้ำ แต่ละหลังผนังจะไม่ติดกัน และมีน้ำกั้นแยกส่วนกันชัดเจน โดยทุกบ้านจะมีบริเวณหน้าบ้านให้นั่งชิลๆได้ แตกต่างกันไป ทั้งแบบระเบียงปูน และมีชุดโต๊ะเก้าอี้ แต่จะพิเศษที่บ้านอารยะ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น(วีลแชร์) เพราะจะมีทางลาดสามารถเข็นไปถึงภายในที่พัก รอบด้านจะมีราวไว้ให้พยุงตัว ในห้องน้ำก็จะมีราวไว้ให้พยุงตัวขึ้น-ลง

              ในใจตอนแรกก็ว่าจะมุ่งหน้าไปที่โรงอาหารเพื่อทานอาหารกัน แต่ผู้ร่วมทริปแนะนำว่า เราควรไปเลือกจักรยานกันก่อนดีกว่า ในเวลานี้แขกผู้มาพักยังมาเชคอินกันจำนวนไม่มาก เราน่าจะมีโอกาสเลือกจักรยานที่ถูกใจได้มากขึ้น จึงตัดสินใจไปที่โรงจักรยานกันก่อน และทำการเลือกจักรยาน เมื่อลงมาถึง สายตาก็มองเห็นจักรยานพิเศษอยู่คันนึง ที่เป็นที่นั่งคู่พร้อมมีที่กันแดดด้านบน แต่มีสายโซ่ล็อคไว้ เมื่อทำการถามพนักงานแถวนั้น ได้ความว่า เป็นของเจ้าของรีสอร์ตจ้า จักรยานที่นี่แทบทุกคันจะมีเกียร์ สภาพก็สมบุกสมบันกันตามการใช้งาน แต่มีพนักงานคอยช่วยสูบลม และสอนการปรับเบาะให้สูงต่ำ ให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน

              หลังจากเลือกจักรยานกันเป็นที่พอใจ ก็ขี่ไปจอดที่หน้าบ้านพัก เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า จักรยานดังกล่าวมีคนใช้งานแล้วนะ


โรงจอดรถจักรยาน บริการฟรี เลือกกันตามอัธยาศัย


โฉมหน้าจักรยานทั้ง 4 คัน ที่ถูกเลือก  (ท่านแม่ ไม่สะดวกในการงอเข่าขี่จักรยาน เลยไม่เอาจ้า)


              เมื่อเสร็จภารกิจเลือกจักรยาน เป้าหมายต่อไปของเราคือโรงทานอาหาร อาหารมื้อแรกของโปรแกรมที่พัก ด้านหน้าของทางเข้า มีบริการทำทางลาด อำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น ที่โรงอาหารจะต้องทำการถอดรองเท้าก่อนเข้าไป


ทางเข้าโรงทานอาหาร


ด้านหน้ามีป้ายบอกกิจกรรมภายใน มณีแดงโฮมสเตย์


โต๊ะทานอาหาร


ที่ชั้นวางน้ำแข็งจะมีป้ายชื่อผู้จองบ้านพัก


มีบริเวณสำหรับเด็กให้เล่น

                จะมีบริการโซนส้มตำ ที่เราสามารถสั่งน้องพนักงานได้เลยว่าต้องการแบบไหน รสชาติจัด ใส่ปู ใส่ไข่เค็ม ใส่ปลาร้า หรือจะเป็นตำไทย มีทั้งเส้นมะละกอและข้าวโพด ต่อด้วยโซนก๋วยเตี๋ยว ที่ถือว่าเป็นทีเด็ดของที่นี่กันเลยทีเดียวครับ เพราะพนักงานจะบริการลวกเส้น ใส่ผัก แล้วส่งชามกลับมาให้เราทำการเลือกคีบใส่เครื่องกันอย่างจุใจ ทั้งเกี๊ยวทอด ปลาหมึก กุ้ง หมู ลูกชิ้นหมู และฮื่อก๊วย ใส่กันเป็นที่พอใจก็ส่งชามกลับไปทางพนักงานราดน้ำแกงคืนกลับมา เป็นอันเสร็จเรียบร้อย นำไปปรุงรสชาติเพิ่มเติมตามใจชอบ


โซนส้มตำ


เครื่องส้มตำ


มีข้าวโพดสำหรับตำด้วย


เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว


มีบริการครบทั้งเส้นหมี่ เล็ก บะหมี่ วุ้นเส้น


เครื่องสำหรับใส่ในก๋วยเตี๋ยว


เครื่องสำหรับใส่ก๋วยเตี๋ยว


มีน้ำบริการด้านข้าง

ข้าวต้มมัด และอุปกรณ์สำหรับทานก๋วยเตี๋ยว


เผือกแกงบวช


เนื้อเผือกมาเต็มๆ

         

        กลับมาที่บนโต๊ะ จะมีอาหารชุดแรกวางไว้บริการพร้อมจาน ช้อน ส้อม ซึ่งรายการอาหารมีดังต่อไปนี้ แกงส้มชะอมไข่หม้อไฟ ต้มยำเนื้อปลากระพงหม้อไฟ ห่อหมก ไก่ทอด และข้าวต้มมัด ทุกรายการสามารถสั่งเพิ่มได้ตลอดนะครับ



ต้มยำเนื้อปลากระพงหม้อไฟ



ไก่ทอด-ห่อหมก-ส้มตำปลาร้าไข่เค็ม-ส้มตำไทย-ตำข้าวโพดไข่เค็ม


แกงส้มไข่ชะอม หม้อไฟ


ข้าวต้มมัด


เกาเหลาน้ำ กุ้ง-ปลาหมึก


บะหมี่น้ำ - ใส่เครื่องจนแทบจะมองหาเส้นไม่เจอ


ตำข้าวโพดปลาร้า


เส้นเล็กน้ำ ใส่น้ำพริกเผา


บะหมี่แห้ง


ข้าวต้มมัด-เหนียมนุ่ม ไส้กล้วย


แกงบวชเผือก 


               อาหารมื้อกลางวัน อร่อยแทบทุกอย่างเลยครับ แกงส้มรสชาติเข้มข้น ไหลบัวนี่อ่อน ทานคู่กับกุ้งสดและไข่ชะอมเพลินสุดๆ ต้มยำปลากระพงรสชาติปกติครับ อ่อนไปนิด แต่เนื้อปลาสด เด้ง โดยเฉพาะห่อหมกรสชาติกลมกล่อมมากๆ เผ็ดอ่อนๆ ทานเปล่าๆ หรือจะทานคู่กับข้าวสวยก็อร่อย สั่งเพิ่มไปประมาณ 6 ห่อ ที่ผิดหวังจะเป็นเมนูปีกไก่ทอดครับ น่าจะเพราะเตรียมอาหารไว้ก่อน ทำให้ปีกไก่เนื้อเหนียวมาก 

            ส้มตำ ทำออกมารสชาติดีทุกจานเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นตำไทย ปู ปลาร้า ไข่เค็ม รสชาติอร่อย โดยเฉพาะตำข้าวโพด เนื้อข้าวโพดมีความหวานอร่อยยิ่งทานคู่กับไข่เค็ม เข้ากันเป็นอย่างที่สุดครับ

           ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ขอให้เป็นพระเอกเลยครับ รสชาติน้ำซุปหวานกลมกล่อม มีไช้เท้าหั่นเป็นแว่นๆอยู่ในน้ำซุป โดยเฉพาะเราสามารถเลือกใส่เครื่องได้อย่างจุใจ ชอบอะไรก็ใส่กันตามอัธยาศัย เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม อร่อย แต่เมื่อได้ลองทานเส้นเล็ก ต้องบอกว่าสุดยอดครับ เส้นเหนียวนุ่ม ทานคล่องคอ ยิ่งสั่งเส้นเล็กน้ำใส่น้ำพริกเผา เพิ่มความหอม มัน ยิ่งกลมกล่อม เพลินจนหมดไปหลายชามครับ

           สำหรับของหวาน ข้าวต้มมัด รสชาติปกติครับ นุ่มกำลังดี แต่ที่ถูกใจเป็นพิเศษก็คือแกงบวชเผือกครับ รสชาติไม่หวานมาก เนื้อเผือกหนึบๆ ยิ่งทานยิ่งอร่อยเผลอไปแพพเดียวหมดไปหลายถ้วยเหมือนกัน หลังทานอาหารเสร็จก็เป็นเวลาประมาณ บ่าย 2 โมงนิดหน่อย เมื่อมองแดดที่กำลังระอุ ร้อนแสบผิวสุดๆ จึงตัดสินใจกลับที่พัก ไปนั่งพักเอนหลังตากแอร์ แล้วค่อยออกมาหากิจกรรมทำย่อยอาหาร ก่อนทานมื้อเย็นในเวลา 18.30 น. 




บ้านอบอุ่น ห้องพักจะเรียงติดกัน


ด้านหน้า ด้านข้าง จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ วางไว้บริการ


ด้านในห้องพัก


แอร์ขนาดใหญ่ มีโต๊ะเครื่องแป้งและทีวี LCD อยู่ด้านขวามือ 


เตียงเดี่ยว พร้อมหมอน ผ้านวม และผ้าเช็ดตัว


อ่างล้างหน้าและตู้เย็น


ห้องน้ำมีโถนั่ง ชักโครก พร้อมสายชำระ


เครื่องทำน้ำอุ่นและมีสบู่เหลวไว้บริการ


ด้านบนมีพัดลมไว้ระบายอากาศ จะทำงานทันทีที่เปิดไฟห้องน้ำ


ประตูออกไปด้านหลัง


ตู้เย็น พร้อมน้ำดื่มตามจำนวนวแขกผู้เข้าพัก

          ภายในห้องพักสะอาด ไม่มีกลิ่นอับ ชุดที่นอนก็สะอาด สังเกตได้ว่าเตียงเสริมที่เพิ่มเข้ามา ก็คงเป็นเตียงขนาดเล็กแต่แข็งแรง ขนาดความยาวเท่ากับเตียงที่มีภายในห้อง ไม่ได้เป็นเตียงพับเหมือนบางที่ จากรูปห้องพักรูปแรก จะสังเกตเห็นว่า เตียงเสริมได้ผ้าห่มแบบผ้าขนหนู ซึ่งตรงนี้ทางเราติดต่อทางพนักงานขอเปลี่ยนเป็นผ้านวมครับ เพื่อความเสมอภาคของผู้ร่วมทริป

         ห้องน้ำสะอาด แอบมีกลิ่นท่อเล็กน้อย แต่เมื่อเปิดน้ำใช้งานสักพัก กลิ่นก็เริ่มจางหายไป ขอติที่กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำครับ มีความแอบลื่นเมื่อสัมผัสกับน้ำธรรมดา ยิ่งถ้าเป็นมีฟองสบู่หรือแชมพู ยิ่งลื่นมาก ทำให้เราต้องทำการเพิ่มความระมัดระวังมากกว่าปกติ อ่างล้างหน้าอยู่แยกออกมาจากห้องน้ำ เพิ่มความสะดวกให้ผู้เข้าพัก เพราะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันหลายคน ห้องพักของเรากระจกส่องหน้า แหงนขึ้นตลอดเวลา สงสัยมันคงเหนื่อย เลยอยากพักไม่สะท้อนหน้าใคร

        เมื่อเข้ามาในห้องพัก สิ่งแรกที่ทำหลังจากวางของแล้ว ก็ต้องเปิดทีวีครับ ทีวีที่นี่เป็นแบบ LCD ติดกับผนัง สามารถต่อ USB ได้ด้วยนะครับ แต่ทางเราพบปัญหาไม่สามารถรับชมช่องทีวีปกติได้เลย เนื่องจากติดที่การตั้งค่า หลังจากพยายามแล้ว ไม่ประสพผลสำเร็จ เลยต้องติดต่อทางพนักงาน ซึ่งในแต่ละห้องจะมีป้ายเบอร์มือถือสำหรับติดต่อไว้ให้ที่กำแพงข้างประตูทางเข้า หลังแจ้งปัญหาการใช้งานเรื่องทีวี เพียงแค่ 1 นาทีก็มีการเคาะประตูห้อง ไม่ได้เป็นน้องพนักงานมาเรืองทีวีครับ แต่เป็นน้องพนักงานมาสอบถามว่า ทางห้องพักของเราต้องการที่จะไปชมเหยี่ยวแดงหรือเปล่า ถ้าสนใจขอเรียนเชิญให้ไปรวมกันที่อาคารด้านหน้าได้เลย รถกำลังมารับแล้ว

       นับเป็นความใส่ใจของทางที่พักครับ เผื่อลูกค้าบางท่านสนใจไปดูเหยี่ยว ล่องแพ แต่ลืมเวลา พวกเราปฏิเสธที่จะไปร่วมด้วย เนื่องจากมองเห็นแดดแล้วรู้สึกเพลีย จากนั้นก็มีน้องพนักงานมาเคาะประตูอีกครั้ง รอบนี้มาทำการตรวจสอบทีวี แต่เนื่องจากเป็นที่การตั้งค่าเฉพาะ ทำให้ต้องรอช่างในช่วงเย็น

        เมื่อไม่มีทีวีให้ดู อาหารก็ยังเต็มพุง จะนอนตอนนี้ก็ไม่น่าจะหลับ จึงตัดสินใจเปลี่ยนชุดไปลุยเล่นกิจกรรมภายในที่พักแทนล่ะกัน ยันไม่ทันจะก้าวขาออกจากที่พัก สายฝนก็เริ่มโปรยปรางมาเบาๆ แต่ด้วยความอยากขี่จักรยานชมที่พัก และเพื่อจะให้ท่านแม่ได้เอนหลังพักผ่อนในที่พักแบบสงบๆ พวกเราจึงออกมาจากห้อง


ร้านกาแฟมณีแดง


ทางไปลานกิจกรรม


ลานกิจกรรม


มีบริการทั้งเรือพายคายัค และเรือแบบถีบ


เพราะสายฝนโปรายปรายลงมา ทำให้พื้นที่นั่งเปียก


น้องพนักงานช่วยทำความสะอาดพื้นที่นั่ง


เจ้าหน้าที่พายไปช่วยเหลือ


ช่วยพายพากลับฝั่ง


บรรยากาศธรรมชาติ

มีชิงช้า แป้นบาสไว้ให้บริการ


              น้องพนักงานที่นี่น่ารักกันทุกส่วนที่ให้บริการนะครับ ถึงฝนจะตกโปรยปราย แต่เมื่อมีลูกค้ามาใช้บริการก็มาช่วยทำความสะอาดเรือถีบให้ พร้อมแนะนำการใส่เสื้อชูชีพ และแนะนำการใช้งานทั้งเรือถีบและเรือพาย หนึ่งในผู้ร่วมทริปของเราประสพปัญหา คันบังคับเรือถีบหักที่กลางทาง ทางน้องพนักงานก็พายเรือคายัคไปช่วยลากพากลับมาที่ฝั่งอย่างรวดเร็ว

           ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้เล่นอีกมากมาย ทั้งเดินบนโฟมลอยบนน้ำ ฝึกการทรงตัว มีมวยทะเลให้เล่น แต่มวยทะเลที่นี่เป็นแบบใส่นวมที่มือกันเลย (แอบนึกว่าเป็นไม้ที่มีปลายเป็นนวม) มีสไลเดอร์,โรยตัว, ไต่เชือกข้ามน้ำ แต่เนื่องจากไม่อยากเปียกในวันนี้ พวกเราเลยไม่ได้ไปเล่นกิจกรรมดังกล่าว

          ถ้ามาเป็นหมู่คณะ มีโซนสาวน้อยตกน้ำให้เล่นด้วยนะครับ แต่ต้องหาคนขึ้นไปนั่งเองนะจ๊ะ เรียกว่ามีกิจกรรมให้เล่นหลากหลาย รวมถึงมีชิงช้าแบบไม้แผ่นยาวให้นั่งชมวิวกันสบายๆ มีแป้นบาสให้เล่นพร้อมลูกบาส (ขาดแต่เพียงลมในลูกบาสจ้า)

        ผ่านไป หนึ่งชั่วโมงกับการเล่นกิจกรรมและขี่จักรยานออกกำลังกาย ชมทิวทัศน์ธรรมชาติ ทุ่งหญ้าสีเขียวๆ สบายตา เราตัดสินใจกลับไปที่พัก เพื่อจะออกไปถ่ายรูปที่จุดชมวิวแนะนำกันดีกว่า เราเลือกเดินทางตามถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ จากจุดที่เราอยู่เรียกได้ว่าเกือบเป็นสุดปลายทางของเส้นทาง ระหว่างทางเลียบถนนจะมีแนวต้นไม้และบ้านคนบดบังวิวทิวทัศน์ทะเลเป็นระยะ จุดแรกที่เลือกไปคือ ชายหาดแหลมสิงห์ ถึงหาดทรายจะไม่ขาว แต่น้ำทะเลก็ใส และตั้งใจจะไปที่หอประภาคาร แต่เนื่องจากเราไปไม่ทันเวลาปิด 17.30 น. ทำให้อดขึ้นไป จึงขับรถไปที่สะพานแหลมสิงห์แทน


วิวข้างถนนบูรพาชลทิศ

แหลมสิงห์

ชายหาดแหลมสิงห์

ชายหาดแหลมสิงห์

ชายหาดแหลมสิงห์

รูปปั้นหน้าชายหาดแหลมสิงห์

สะพานแหลมสิงห์

สะพานแหลมสิงห์


วิวจากบนสะพานแหลมสิงห์

วิวจากบนสะพานแหลมสิงห์

บนสะพานจะมีไหล่ทางให้จอดรถเพื่อลงไปถ่ายรูป

วิวจากบนสะพานแหลมสิงห์


                  บนสะพานแหลมสิงห์ ตรงกลางสะพานจะมีไหล่ทางให้สามารถจอดรถ เพื่อลงมาชมวิวทิวทัศน์ หรือจะทำการถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกได้อย่างปลอดภัย และมีรถเข็นมาจอดขายขนม อาหารว่างให้ทานอีกด้วย จากนั้นเราจึงมุ่งหน้ากลับไปเตรียมตัวทานอาหารเย็นกัน

              กลับมาถึงที่พักกันก่อนเวลา จึงเดินเล่นชมบรรยากาศภายในโฮมสเตย์ สระบัวที่นี่มีความลึกค่อนข้างมากนะครับ จะมีป้ายเตือนให้ระวังเป็นระยะ เพราะบริเวณรอบสระบัวจะมีการเทพื้นปูนให้มาเดินออกกำลังกายได้ แอบเห็นมีกระต๊อบหลังเล็กๆ หลายหลังอยู่ริมรั้ว แอบคิดเองว่า น่าจะเป็นที่พักสำหรับคนขับรถ เพราะภายในมีบริการพัดลมและที่นอนให้

         
บรรยากาศยามเย็น


อาคารหอประชุม


รอบบริเวณสระบัวมีศาลาให้นั่งพัก


สระบัว


รอบๆที่พัก เต็มไปด้วยสีเขียว สบายตา


จุดถ่ายภาพ


ทางไปบ้านพักกลางน้ำ


จุดชมป่าชายเลน สาธิตการตกปู


          เมื่อเดินถึงโรงทานอาหาร ก็พบกับมุ้งสีดำ ที่ครอบคลุมไว้ทั้งโรงอาหาร เพื่อป้องกันยุงและแมลงต่างๆ เป็นความใส่ใจที่ดีมากๆเลยครับ เราก็เดินไปนั่งที่โต๊ะเดิมที่เคยนั่งเมื่อตอนมื้อเที่ยง จะยังคงมีป้ายชื่อ พร้อมอาหารเตรียมไว้เรียบร้อย


โรงทานอาหารในช่วงเย็น


กางมุ้งครอบ กันทั้งยุงและแมลง


มีอาหารจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย

          โดยอาหารที่วางไว้จะมีเป็นแกงจืดเต้าหู้ สาหร่าย หมูสับวุ้นเส้น ทอดมัน ยำถั่วพลู ปลาหมึกผัด และลองกอง เครื่องดื่มมีเป็นน้ำเป๊บซี่และน้ำเปล่า พร้อมน้ำแข็ง สามารถเติมได้ตลอด และสามารถนำน้ำแข็งกลับไปทานที่ห้องพักได้ด้วยนะครับ เมื่อมานั่งที่โต๊ะ พนักงานก็จะนำกุ้งและปูนึ่งมาบริการให้ที่โต๊ะ


แกงจืดเต้าหู้ สาหร่าย หมูสับวุ้นเส้น

ยำถั่วพลู ไข่ต้ม

ปลาหมึกผัด

ทอดมันปลา

ปลากระพงทอด


ลองกอง

ปูทะเลนึ่ง

กุ้งนึ่ง


                ขอเริ่มรสชาติอาหารจากที่วางไว้บนโต๊ะก่อนนะครับ แกงจืดรสชาติดี กลมกล่อม ซดแล้วคล่องคอมาก ทอดมันก็เด้งอร่อย ยำถั่วพลูกับปลาหมึกผัด รสชาติธรรมดา แต่ที่แอบผิดหวังอีกรอบก็ต้องเป็นปลากระพงทอดครับ น่าจะเหตุผลเดียวกับ ปีกไก่ทอดเมื่อตอนมื้อเที่ยง เพราะต้องทำจำนวนมาก ทำให้ต้องทอดไว้ก่อน ปลากระพงทอดเลยเย็น เนื้อด้านแข็ง

                ปูทะเล มีทั้งตัวใหญ่และตัวกลางปะปนกันมา รสชาติความสดดีครับ เราทานกันหลายตัว ก็มีหลุดตัวที่ไม่สดมาเพียงตัวเดียว แต่ที่สุดยอดประทับใจคือ กุ้งนึ่งครับ ขนาดกุ้งมาตัวใหญ่มาก ก็แอบคิดกันว่า ใหญ่เฉพาะจานแรกหรือเปล่า สั่งเพิ่มต่อไปขนาดอาจจะเล็กลง แต่ก็เปล่าเลย ขนาดก็ยังคงใหญ่ และขนาดกลางสลับๆกัน หลังๆ จากที่ขอกุ้งเพิ่ม 1 จาน เราจึงเริ่มขอกุ้งเพิ่มทีละ 2 ตัว จนเหลือ ทีละ 1 ตัว เพราะกลัวทานไม่หมด (แอบคิดว่าพนักงานจะเริ่มรำคาญหรือยัง สั่งทีละ 1-2 ตัว แต่น้องพนักงานที่นี่น่ารักทุกคน บริการลูกค้าอย่างดี มีเดินมาถามตลอดว่า รับอะไรเพิ่มไหม)

            ทุกเมนูสามารถขอเพิ่มได้หมดเช่นเดิมนะครับ เราก็มีขอเพิ่มทอดมัน และแกงจืด ระหว่างทานอาหาร ทางมณีแดงโฮมเสตย์ จะทำการเปิดวีดีทัศน์ให้เราดูประวัติการก่อตั้งของที่นี่ จำได้คร่าวๆว่า ที่นี่แต่เดิมตั้งใจจะทำเป็นโรงงานผลิตน้ำดื่ม แต่เนื่องจากอยู่ในโซนพื้นที่สีเขียว เลยปรับเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์ และที่นี่อาคารก่อสร้างส่วนใหญ่ ใช้นวัตกรรมจากแผ่นโฟม ทำให้ระบายอากาศได้ดี และอากาศเย็นสบาย เจ้าของที่นี่คือ คุณ มณี และ คุณ แดง เลยชื่อว่า มณีแดงโฮมสเตย์

           เมื่อจบวีดีทัศน์ ก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งความบันเทิงจากคาราโอเกะ ตรงนี้ท่านใดสนใจอยากร้อง สามารถแจ้งน้องพนักงาน เพื่อทำการขอเพลง และสามารถร้องได้เลยครับ ในช่วงแรกจะไม่ค่อยมีสนใจอยากร้องสักเท่าไร น่าจะสนใจน้องปู น้องกุ้งกันมากกว่า ทำให้ทางพนักงานจะทำการร้องเพลงให้ฟังเอง หลังจากนั้นก็จะเริ่มมีแขกทะยอยวนกันร้อง

           
แกงจืดอร่อยครับ


ดูขนาดกุ้งครับ


เทียบช้อนกับกุ้ง


แต่ละตัวขนาดไม่ได้แตกต่างกันมาก


ขนาดของปู เทียบกับช้อน


แกงจืดหม้อ 2


ทอดมันจาน 2

กุ้งจาน 3

กุ้งจาน 4

ปูจาน2 

กุ้งจาน 5


สั่งกุ้ง 2 ตัว ปู 2 ตัว


สั่งกุ้ง 1 ตัว


สั่งกุ้ง 3 ตัว


สั่งกุ้ง 1 ตัว


             หลังจากทานกุ้งและปู ลงท้องไปเป็นจำนวนมาก เริ่มรู้สึกจุกน้อยๆ จึงสั่งโซดามา 1 ขวด (ไม่รวมในแพคเกจนะครับ สั่งเพิ่มขวดละ 10 บาท) น้องพนักงานน่ารักมาก ให้มะนาว เกลือ พร้อมมีดอันเล็ก จัดการทำเป็นโซดามะนาว ช่วยให้สบายท้องขึ้นเยอะเลย



โซดาขวดละ 10 บาท


            เจ้าของคุณ มณี และ คุณ แดง มาคอยดูแลแขกทุกท่านอย่างเป็นกันเอง เอาใจใส่ตลอดทุกรายละเอียดครับ เรียกว่านั่งเป็นขวัญและกำลังใจแก่พนักงาน และคุณมณี ได้ทำการแจ้งแก่แขกทุกท่านอีกครั้งว่า อย่าลืมปิดไฟหน้าที่พัก หน้าต่าง และประตูด้านหลัง เนื่องจากแมลง ยุง อาจจะเข้ามาในห้องพัก สร้างความรำคาญในระหว่างพักอาศัยได้


คุณ มณี และคุณ แดง


              หลังทานกันจนอิ่มแล้ว ก็กลับไปที่พัก เครื่องปรับอากาศที่นี่ทำงานได้ดีนะครับ อากาศเย็นสบาย บวกกับฝนตกทั้งคืน ทำให้ค่อนข้างไปทางหนาว ถ้าท่านใดไม่ชอบอากาศหนาวแนะนำให้ปิดเครื่องปรับอากาศได้เลยครับ เพราะที่นี่ อากาศเย็นสบายมาก

           ฟูกที่นี่เป็นแบบไม่ยวบลงไป มีความเด้งหน่อยๆ เรียกว่านอนแล้วหลังเป็นเส้นตรง ผู้สูงอายุในทริปเราชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่สำหรับเรา มีความรู้สึกว่าแอบแข็งไปสักนิด หมอนนุ่มกำลังดี ไม่เละ หลับสบายครับ ผ้านวมเป็นแบบผืนพอดีตัวสำหรับหนึ่งคน

          เช้ามาสายฝนก็ยังคงโปรยปรายต่อเนื่องจากเมื่อคืน ทำให้เราไม่สามารถออกมาวิ่ง หรือขี่จักรยานรับอากาศยามเช้าได้ ก็ถือว่านอนพักผ่อนกันต่อ จนถึงเวลาทานอาาหารเช้า บางท่านก็ขับรถมาที่โรงทานอาหาร เนื่องจากสายฝนยังคงตก ท่านที่มารถทัวร์ก็จะลำบากนิดหน่อย เพราะไม่มีร่ม จะใช้เป็นผ้าเช็ดตัวคลุมตัวกันออกมาจากที่พัก

           สำหรับอาหารเช้า เราสามารถเลือกนั่งโต๊ะเดิม หรือเปลี่ยนตัวโต๊ะได้ตามอัธยาศัย เพราะจะเป็นการตักอาหารมาทานที่โต๊ะ อาหารจะมีเป็นข้าวต้มทะเล ข้าวผัดไข่ ผัดเส้นจันกุ้ง-ปู สลัดผัก ขนมปังปิ้ง ปาท่องโก๋ และไข่ดาว สำหรับเครื่องดื่ม มีบริการ กาแฟ โอวัลติน น้ำส้ม และน้ำเปล่า


โต๊ะทานอาหารมื้อเช้า


เลือกตักได้ตามชอบ


ข้าวต้มรวมมิตรทะเล


ข้าวผัดไข่


เส้นจันผัดกุ้ง


ผักสำหรับโรยเส้นจัน แยกไว้ให้ด้านล่าง พร้อมแตงกวา และพริกน้ำปลา


สลัดผัก


ขนมปังปิ้ง ปาท่องโก๋


โอวัลติน กาแฟ ชงได้ตามใจ


ไข่ดาว มีให้เลือกทั้งแบบไข่แดงสุก และไม่สุก


น้ำส้ม และน้ำเปล่า


โซนสำหรับวางจาน ชาม แก้ว ที่ใช้แล้ว


             อาหารเช้า เป็นมื้อสำคัญ แต่เนื่องจากรู้สึกว่าอาหารเมื่อคืนยังย่อยไม่หมดเลย จึงตักมาทานแบบเบาๆ ขนมปังปิ้งทาเนย มีบริการแยมสับปะรด สตอเบอรี่ และนมข้น ข้าวผัด ข้าวต้ม รสชาติอร่อยปกติครับ แต่ที่อร่อยเป็นพิเศษก็คือเส้นจััน มีความเหนียวนุ่ม เหมือนเส้นเล็กในก๋วยเตี๋ยวที่ทานมื้อกลางวัน เนื้อกุ้ง-ปู ในเส้นจัน แอบมีความแกะเปลือกยากมาก

           สลัดผักสด เนื้อเผือกนึ่งหนึบกำลังดี ข้าวโพดต้มหวานอร่อย เสียดายที่น้ำสลัดเป็นแบบสำเร็จรูป ปาท่องโก๋รสชาติดีมากครับ ที่สำคัญมีน้ำจิ้มเฉพาะไว้ให้บริการด้วย รสชาติไม่หวาน แปลกๆแต่อร่อย จะว่าเป็นน้ำจิ้มของทอดก็ไม่ใช่ ทานแล้วตัดรสชาติเลี่ยนเวลาทานของทอดได้เป็นอย่างดี


ขนมปังปิ้งทาเนย แยม


ปูที่ผัดกับเส้นจัน


สลัดผัก


ข้าวต้มรวมมิตรทะเล


โอวัลติน และปาท่องโก๋


              ที่นี่ให้เช็คเอ๊าท์ได้ในเวลา 11.00 น. นะครับ ขอสรุปตามความคิดเห็นส่วนตัวและผู้ร่วมทริป ราคาต่อท่านคนละ 1700 บาท เป็นราคาที่คุ้มค่ามาก ได้ทานอาหาร 3 มื้อแบบไม่อั้น พร้อมที่พัก มีกิจกรรมมากมายให้เล่น พนักงานบริการดีเยี่ยม อาหารหลายรายการรสชาติอร่อย บรรยากาศเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการมาพักผ่อน

              สำหรับข้อที่อยากฝากไว้ให้ปรับปรุง ก็คือ ห้องน้ำในโรงทานอาหารครับ มีห้องน้ำ ช ญ แต่มีเพียงฝั่งละ 2 ห้อง ซึ่งไม่เพียงพอกับการให้บริการลูกค้าเกือบ 100 ท่านอย่างแน่นอนครับ

         
ใบรับเงิน


           สุดท้ายก่อนออกจากโฮมสเตย์ อย่าลืมนำกุญแจไปคืน เพื่อรับเงินวางมัดจำ 200 บาทกันนะครับ เลี้ยวออกมาจากที่พัก ขับมาสิบกว่านาที ก็พบกับหมอกที่ปกคลุมภูเขาตรงหน้า เลยลงไปถ่ายภาพมาฝากกัน


วิวขากลับจาก มณีแดงโฮมเสตย์

บทความที่ได้รับความนิยม