วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ร้านเจกเม้ง (JM Cuisine)

               ร้านเจกเม้ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ หรือร้าน JM Cuisine เป็นร้านอาหารที่เริ่มมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักอย่างมากหลังจากที่ได้ออกรายการทีวี แต่ร้านนี้จริงๆแล้วแฟนเคยไปทานเป็นประจำตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีสาขาที่เขาวัง โดยส่วนตัวเคยกินสาขาที่เขาวัง เมื่อหลายปีก่อน เพราะไปกับทัวร์ จะมีอาหารเป็นชุดจัดเตรียมไว้รองรับ มาในวันนี้ เลยมาลองทานที่สาขาแรก จะได้สะดวกกับการแวะไปซื้อขนมหม้อแกง แม่กิมไล้ สาขาต้นตำรับด้วย

                 มาถึงร้านก็จะเจอกับป้ายสโลแกนของทางร้านเด่นเป็นสง่า "หน้าไม่งอ รอไม่นาน" แต่ที่หาค่อนข้างยากจะเป็นการหาที่จอดรถครับ เพราะเป็นร้านอยู่ริมถนน ทำให้ต้องหาจอดกันตามข้างทาง และยังอยู่ใกล้กับลอดช่องน้ำข้น กนกพร ยิ่งทำให้เป็นศึกการแย่งชิงที่จอดรถของลูกค้าทั้งสองร้านครับ





                           ที่นั่งจะมีทั้งภายในร้าน และโต๊ะนั่งด้านนอกในซอยข้างร้านครับ ถ้านั่งด้านนอก อาจจะต้องคอยลุกหลบรถที่เข้ามาในซอย แต่ด้วยเวลาเราไปถึง เหลือแต่โต๊ะด้านนอก ก็ทำให้ทราบถึงข้อนี้ครับ เมนูทางร้านก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ได้มีแต่ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และทางร้านก็ทำการแยกหม้อระหว่างหมูกับเนื้อ อย่างชัดเจน ทำให้สบายใจได้ครับ ว่าไม่น่าจะมีเนื้อวัวมาเจือปนกับเนื้อหมู







                      หลังจากเลือกเมนูอาหารที่สนใจได้แล้ว ก็ทำการเรียกน้องพนักงานมาทำการจดรายการอาหารครับ แต่ถ้าเรามีการระบุอะไรพิเศษ หรือเปลี่ยนแปลงรายการในเมนู อันนี้น้องพนักงานอาจจะจดได้ไม่ครบครับ ทางเจ้าของร้านก็จะเดินมาสอบถามบริการด้วยตัวเองเลย อย่างในวันนี้ เราก็ขอเปลี่ยนจากเมนูข้าวไข่ข้นแฮม เป็นข้าวไข่ข้นปู ใช้เวลาประมาณเกือบ 10 นาที อาหารก็เริ่มทะยอยเสริฟ์ออกมาครับ


เส้นหมี่ต้มยำกุ้ง

เนื้อกุ้งมาเต็ม

ข้าวไข่ข้นต้มยำกุ้งซอสน้ำข้น

ข้าวไข่ข้นปู

บะหมี่ไข่เจียวกรรเชียงปูราดซอสตาลโตนด

ก๋วยเตี๋ยวหมูสับโบราณ

บะหมี่ไข่เจียวกรรเชียงปูราดซอสตาลโตนด

                      จะสังเกตุว่า เรามีบะหมี่ไข่เจียวกรรเชียงปูราดซอสตาลโตนด 2 ที่นะครับ เนื่องด้วยเราต้องการที่จะกินแบบแห้ง แต่ไม่ได้ระบุในตอนสั่งครั้งแรกว่าเป็นแห้ง ทำให้ได้เป็นแบบน้ำซุปมา เมื่อทำมาแล้ว ก็ทานกันครับ และสั่งเพิ่มแบบแห้งอีกจาน 

                       สรุปรสชาติอาหารโดยความรู้สึกส่วนตัวของครอบครัวเรานะครับ เริ่มจากเส้นหมี่ต้มยำ รสชาติน้ำต้มยำมากลมกล่อมครับ หอม อร่อย กุ้งก็สด เด้งดี บะหมี่ปู ทั้งน้ำและแห้ง รสชาติก็อร่อยดีครับ เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี แต่แห้งแอบมีน้ำมันค่อนข้างมากสักหน่อย เนื้อปูก็สดดีครับ 

                            บะหมี่หมูสับ รสชาติกลางๆ สำหรับคนที่ชื่นชอบรสจัด อาจจะต้องปรุงเพิ่มสักหน่อยครับ โดยแนะนำวิธีการปรุง ด้วยการใส่พริกป่น ซอสพริก และน้ำตาลเพิ่มสักนิดนึง เพื่อเพิ่มรสชาติให้จัดจ้านขึ้นครับ

                            ข้าวไข่เจียวปู รสชาติอร่อยปกติ ตัวเนื้อไข่ข้น หวานอร่อย ทานคู่กับข้าวสวย เข้ากันเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับเมนู ข้าวไข่ข้นซอสต้มยำกุ้ง รสชาติก็อร่อยครับ ตัวน้ำซอสเข้ากันกับกุ้งสดตัวโตๆ เป็นอย่างดี

                   สรุปค่าเสียหายอยู่ที่ 640 บาทครับ คุ้มค่ากับความอร่อย และคุณภาพของอาหาร ปริมาณอาหารอาจจะไม่ได้มากมาย แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ ถ้ามีโอกาสผ่านมาทางเส้นเขาวัง จ.เพชรบุรี อย่าลืมแวะมาทานกันนะครับ

ร้านข้าวต้ม โฟนลิ้ง

             ด้วยความที่มื้อเที่ยงทานกันหนักกับซีฟู้ดหลากหลายอย่าง ทำให้มื้อเย็น เรารู้สึกอยากจะหาอะไรเบาๆทานกัน อาหารที่ไม่หนักท้องมาก จึงทำการเปิดเวปไซด์ ค้นหาร้านข้าวต้มในหัวหินกันครับ แล้วก็มาสะดุดตากับร้านข้าวต้ม โฟนลิ้ง ร้านข้าวต้มริมถนน ที่มีหลายคนทำการรีวิว เราจึงไม่รอช้าครับ ตัดสินใจไปกันที่ร้านนี้กันเลย




              ร้านข้าวต้ม โฟนลิ้งค์ ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมเลยครับ ทำให้ต้องหาที่จอดรถกันนิดนึงนะครับ ตามข้างทาง ตรงไหนว่าง ถ้าไม่ขวางทางเข้าออก ก็สามารถจอดได้ครับ หลังจากเราวนหาที่จอดประมาณ 4-5 นาที ก็ได้ที่จอดรถครับ






             ภายในร้านจะมีป้ายเมนูแนะนำ ภาพเมนูอาหารมากมายให้เราเลือกทานนะครับ หรือเราจะแอบมองอาหารจากโต๊ะข้างๆ จานไหนที่ดูแล้วน่ากิน สามารถสอบถามทางน้องพนักงาน แล้วสั่งมาลองทานกันบ้างได้นะครับ ตอนเราไปถึงร้าน ค่อนข้างโชคดีที่ มีโต๊ะว่างให้สามารถเข้าไปนั่งทานได้เลยครับ เพราะหลังจากเราประมาณ 5 นาที ลูกค้าต้องมายืนต่อคิว รอโต๊ะว่างกันแล้วครับ

               บนโต๊ะก็จะมีอุปกรณ์การทานครบครัน และมีจานที่วางขนมถ้วยเอาไว้ 4 คู่ สำหรับให้บริการลูกค้าครับ อันนี้ถ้าทานหมดแล้ว สามารถสั่งเพิ่มได้เรื่อยๆนะครับ ซึ่งโต๊ะเราก็จัดการกันเรียบร้อย และทำการสั่งเพิ่ม เรียกว่า เป็นของเรียกน้ำย่อย ระหว่างรออาหารได้เป็นอย่างดีครับ สำหรับน้ำเปล่า ทางร้านมีให้เลือกหลายยี่ห้อเลยครับ ทั้งสิงห์ ช้าง และน้ำดื่มของทางโฟนลิ้งค์เอง










              ถึงแม้ลูกค้าจะคับคั่ง หนาแน่น แต่รายการอาหารที่เราสั่งไป ก็ไม่ได้รอช้าอะไรมากมายนะครับ ใช้เวลาประมาณไม่ถึง 10 นาที อาหารเมนูต่างๆก็เริ่มทะยอยเสริฟ์ออกมาครับ


ทอดมันกุ้ง

ข้าวต้ม

เนื้อข้าวต้มกำลังดี

ผัดผักแขนงน้ำมันหอย ไม่ใส่พริก

ผัดกุ๋ยช่ายขาวหมูกรอบ

ไส้พะโล้ทอด

ห่อยจ้อ

ยำปลาสลิด

กุ้งแช่น้ำปลา

น้ำจิ้มซีฟู้ด

ปลาหมึกแดดเดียว

ปลาทูทอดน้ำปลา

ซุปเปอร์

               หลังจากทานกับข้าวกันอิ่มเป็นที่เรียบร้อย ด้วยความอยากหาของหวานอะไรล้างปากสักหน่อย ไม่นับขนมถ้วยนะครับ อันนั้นทานเป็นของเรียกน้ำย่อยไปเรียบร้อย ก็เลยสั่งเต้าฮวยนมสดมะพร้าวอ่อนมาลองทานกันครับ









             สรุปรสชาติอาหารโดยความเห็นส่วนตัวของครอบครัวเรานะครับ วันนี้มาทานกัน 4 คน มีเรากับแฟน ท่านแม่ และท่านพี่ชายครับ โดยพี่ชายเป็นคนที่ไม่ทานพริกอะไรเลย ทำให้ผัดผักเราจะเลือกที่สั่งแบบไม่ใส่พริกนะครับ รสชาติผัดผักอร่อยมากครับ ผัดมาได้กำลังดี ผักยังกรอบ รสชาติน้ำผัดผัก ก็อร่อยกลมกล่อม แต่ติดที่หมูกรอบครับ หมูกรอบไม่กรอบครับ ออกแนวเหนียว

               ทอดมันกุ้งทอด กับห่อยจ้อ รสชาติค่อนข้างผิดหวังครับ ทอดมันกุ้งถึงข้างนอกจะทอดมากรอบแต่เนื้อไส้ข้างในแอบเละครับ ส่วนห่อยจ้อ ก็ทอดมาได้แห้งแบบไม่ได้สัมผัสถึงเนื้อไส้ด้านในเลย

                ไส้พะโล้ทอด อันนี้ทานได้ครับ ตอนแรกที่เลือกสั่งเมนูนี้ เพราะดูจากรีวิวในเวป และยังเป็นเมนูแนะนำของทางร้านด้วย รสชาติปกติครับ 

                ปลาหมึกแดดเดียว ทอดมาได้สุกกำลังดีครับ ไม่เหนียว ไม่เละ รสชาติก็อร่อยดีครับ

                ยำปลาสลิดและกุ้งแช่น้ำมะนาว ก็รสชาติปกติดีครับ ทานได้ แต่ไม่ถึงกับอร่อยจนติดใจ ตัวปลาสลิดทอดมาไม่กรอบมาก ออกแนวแอบเหนียวเล็กน้อย กุ้งแช่น้ำปลาก็มีความสด เด้งอยู่ครับ

         ปลาทูทอดน้ำปลากับซุปเปอร์ ทั้งสองเมนูนี้ขอบอกว่า อร่อยมากครับ รสชาติน้ำซุปของต้มซุปเปอร์ รสชาติออกมาจัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด ลงตัว ขนาดเราไม่ได้สั่งเป็นหม้อไฟ แต่น้ำซุปก็ยังคงร้อนถึงใจ ตัวตีนไก่ก็มานุ่มกำลังดี สับแบ่งครึ่งมาให้ทานได้ง่ายครับ ปลาทูทอดน้ำปลา ทอดมากรอบ อร่อย ร้อนถึงเนื้อข้างใน ทานไปทีละตัว จนถึงตัวสุดท้าย เนื้อปลาด้านใน ก็ยังคงมีไอความร้อนอยู่ ทานเปล่าๆหรือจะราดน้ำยำ ก็อร่อย่ครับ

                ข้าวต้มก็หอม อร่อยดีครับ แต่สั่งมาพร้อมกัน บางถ้วยก็ร้อนสะใจ ถึงด้านใน บางถ้วยก็ไม่ร้อนเลยครับ คาดว่าน่าจะมีตักทิ้งไว้ก่อนบางส่วน 

              สำหรับเต้าฮวยมะพร้าวอ่อน รสชาติอร่อยดีครับ เนื้อเต้าฮวยแน่นๆ มีเนื้อมะพร้าวมาให้ด้วย โดยมีป้ายบอกว่า ไม่มีส่วนผสมของนมและกะทิ แต่ก็ไม่ได้บอกครับ ว่าทำมาจากอะไร

             สรุปความคุ้มค่าของอาหาร นับว่าคุ้มค่าครับ ราคาไม่ได้แพง มื้อนี้ค่าเสียหายอยู่ที่ 1,310 บาท รอไม่นาน อิ่ม อร่อยครับ มีบางเมนูที่เราอาจจะไม่ชอบในรสชาติ แต่ท่านอื่นถ้ามาทานอาจจะถูกใจก็ได้ครับ เพราะความชอบของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน ร้านนี้สมกับที่มีหลายๆท่านมารีวิวครับ ถ้ามีโอกาสผ่านมาที่หัวหิน อย่าลืมมาลองทานกันนะครับ




Ibis hua-hin

                   ทริปเร่งด่วนของครอบครัว มาทำธุระกันที่หัวหิน ทำให้ต้องหาที่พักแบบรีบเร่ง โจทย์ที่ได้รับมาคือ เป็นโรงแรมที่มีอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ มีแฮม ไส้กรอก ไข่ดาว อาหารอื่นๆ อีกนิดหน่อย และที่พักจะต้องมีที่จอดรถให้บริการ มีลิฟต์ถ้าจำเป็นต้องขึ้นไปพักชั้นบน และต้องมีห้องสูทสำหรับการพัก 4 คน โดยควรจะมีห้องนั่งเล่น connection room หรือ มีห้อง foyer (ห้องโถง) เพราะผู้ร่วมทริปหลักของเราเป็นผู้สูงอายุ ถ้าคนที่พักด้วยไม่สะดวกที่จะคอยช่วยเหลือ คนที่เหลืออีก 2 คน จะได้มาสลับดูแลได้ โดยไม่ต้องวิ่งไปเคาะประตูที่ห้องพักอีกห้อง

                   หลังจากใช้เวลาไม่นาน เราก็มาตกลงกันที่ Ibis hua-hin ที่มาของที่พัก ก็บังเอิญไปเห็นรายชื่อนี้ในโรงแรมที่ร่วมรายการกับบัตร Ktc มีส่วนลด 5% เพิ่มเติม เมื่อจองที่พักแบบชำระเงินเลย (ไม่ได้เงินคืนนะครับ ถ้าไม่ไปพัก) กับทางส่วนกลางของ Ibis โทรไปสอบถามห้องพักว่าง แล้วก็ตัดสินใจจองกันเลยครับ ด้วยความที่คิดว่า นอนแค่คืนเดียว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก เพราะส่วนตัวก็เคยพักที่ เชียงใหม่และพัทยามาแล้ว

                    ทางเจ้าหน้าที่ส่วนกลางแจ้งว่า สามารถเข้าเช็คอินได้ตั้งแต่เวลา บ่าย 2 โมง และเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรมเวลา 12.00 น. นะครับ เนื่องจากเรายังไม่ทราบเวลาเข้าพักที่แน่นอน ทางส่วนกลางจึงแจ้งว่า ไม่ระบุเวลาเข้า และแจ้งว่า ห้องที่มี foyer จะต้องทำการชำระเพิ่ม 800 บาท ที่โรงแรม Ibis หัวหินเลย ไม่สามารถจองผ่านทางส่วนกลางได้ครับ หลังจากแจ้งเลขบัตรเครดิตและรายละเอียดต่างๆ สำหรับการชำระเงินแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะสอบถามว่า ให้ส่งรายละเอียดทางข้อความหรือทางอีเมลส์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานสำหรับการจอง และเวลาเข้าพัก ต้องนำบัตรเครดิตที่ทำการจ่ายชำระเงิน แนบพร้อมคู่กับบัตรประชาชนครับ

                   มาถึงวันเสาร์ วันที่เราทำการเข้าพักที่โรงแรม เรามาถึงในเวลาประมาณ เกือบ 4 โมงเย็นครับ น่าจะเป็นเวลาที่นักท่องเที่ยวมากันค่อนข้างเยอะ ทำให้ลานจอดรถเต็ม ทาง รปภ. แจ้งว่า ให้เข้าไปทำการเช็คอินก่อน แล้วขนของลงมา จากนั้นนำรถไปจอดที่ข้างทางด้านหน้าครับ แต่เนื่องด้วยทางเรามีผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น จึงสามารถจอดรถด้านหน้าของโรงแรม ที่เป็นที่จอดพิเศษสำหรับผู้ใช้รถเข็นพอดี ความสะดวกตรงนี้ค่อนข้างโอเคครับ สามารถเข็นรถเข็นไปได้ทั่วทุกโซนของโรงแรม จะมีทางลาดบริการไว้ทุกส่วนครับ

                 






               หลังจากจอดรถเข้าที่ทางเรียบร้อยแล้ว เราก็ลงไปทำการเช็คอินกับทางเจ้าหน้าที่ครับ โดยทำการแจ้งรายละเอียดการจอง และแจ้งความประสงค์ว่าต้องการห้อง foyer เพิ่มเติม ทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบห้องที่ว่างให้ พร้อมกับแจ้งว่า ต้องทำการรูดบัตรเครดิตเพื่อทำการกันวงเงินไว้ก่อนจำนวน 1,500 บาท และขอเอกสารบัตรประชาชนของผู้เข้าพักทุกท่านครับ อันนี้เป็นระเบียบของทางโรงแรม แต่เนื่องด้วยทางเราไม่ทราบมาก่อนว่าต้องใช้ของทุกท่านที่เข้าพัก และมีผู้ร่วมทริป ที่ไม่ได้นำบัตรประชาชนติดตัวมาด้วยครับ แต่ทางโรงแรมก็แจ้งว่าไม่เป็นอะไรครับ สามารถยื่นเท่าที่มีได้ครับ

                 จากนั้นก็นั่งรอครับ ทางเจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งแม่บ้าน ให้ขึ้นไปตรวจสอบความเรียบร้อยของห้องพัก ระหว่างนั้น เราสามารถขนของลงจากรถมาเตรียมพร้อมได้ครับ โดยที่ทางโรงแรมจะมีบริการรถเข็นไว้ให้ใช้ครับ อยู่ทางด้านซ้ายมือ แต่ทางโรงแรมไม่มีพนักงานยกของนะครับ เป็น self-service กล่าวง่ายๆคือ ยกกันเองครับ ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตครับ กับการใช้งานรถเข็นของทางโรงแรม

รถเข็นไว้ให้บริการ


ขนของใส่รถเข็นแล้วก็นั่งรอครับ

                   ระหว่างนั่งรอทางแม่บ้านทำการตรวจสอบความเรียบร้อยในห้อง ก็จะพอมีเวลาว่าง เดินสำรวจโรงแรมคร่าวๆครับ มีส่วนของ lobby bar ทางด้านหน้า ขนาดไม่ใหญ่มาก ช่วงนี้มีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แก้ว แถม 1 แก้วด้วยครับ และก็มีส่วนให้บริการ internet ส่วนแนะนำสถานทีท่องเที่ยว และจำหน่ายโปรแกรมทัวร์ รวมถึงมีห้องอาหารไว้ให้บริการครับ และเดินเลยออกไปทางด้านนอกของโรงแรม จะเป็นสระว่ายน้ำ สำหรับให้บริการลูกค้าครับ ขนาดสระค่อนข้างเล็ก และแบ่งเป็นสระเด็ก และสระผู้ใหญ่ (ความลึก 1.2 เมตรทั้งสระครับ)


ห้องอาหาร

ส่วนให้บริการอินเตอร์เน็ท

โปรโมชั่นของ Lobby bar

ส่วนให้บริการ Lobby bar

ส่วนให้บริการนักท่องเที่ยว

มีให้บริการทั้งเช่า มอเตอร์ไซด์ และทริปท่องเที่ยวต่างๆ

เคาน์เตอร์บริการเครื่องดื่ม

เคาน์เตอร์บริการเครื่องดื่ม

เคาน์เตอร์บริการเครื่องดื่ม
สระว่ายน้ำกลางแจ้ง อยู่ด้านข้างของโรงแรม ติดกับห้องอาหาร

               หลังจากรอประมาณ 10 นาที ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ห้องเรียบร้อยแล้ว ให้เราสามารถเข้าไปพักได้เลยครับ โดยให้คีย์การ์ดมาห้องละ 2 ใบ ทั้งหมดเป็น 4 ใบ โดยทั้ง 4 ใบ สามารถเปิดเข้าห้องโถง Foyer ได้ทั้งหมด แล้วจากนั้นถึงจะใช้การ์ดแยกในการเข้าไปพักในแต่ละห้องพักครับ ในซองห้องพัก จะมีบัตรแจ้ง รหัส wifi และคูปองเครื่องดื่ม 1 แถม 1 ครับ


คีย์การ์ด

ห้องพักละ 2 ใบ

                     ลิฟต์ทางโรงแรมมีให้บริการ 2 ตัว เป็นลิฟต์ที่ค่อนข้างไวครับ ให้บริการได้ไวมาก ถึงมากที่สุด ตอนขึ้นไปพร้อมรถเข็นสัมภาระ รถเข็นผู้สูงอายุ และคนอีก 3 คน พอไปถึงชั้น 3 ขนาดกดลิฟต์เปิดค้างไว้นะครับ แค่เข็นรถเข็นสัมภาระออกไปจากลิฟต์เสร็จ ประตูลิฟต์ก็ปิดลงแล้วครับ กลายเป็นว่า ผู้สูงอายุนั่งบนรถเข็นกับคนเข็น ขึ้นไปโผล่ชั้น 6 ครับ จากนั้นถึงจะลงมาชั้น 3 อีกทีได้ ลิฟต์ปิดไวจริงๆ

                   เมื่อเรามาถึงชั้น 3 กันแล้ว ก็จะเป็นการเดินไปถึงห้องเรากันครับ ทางเดินไม่ถึงกับแคบมากนัก สามารถเข็นรถเข็นได้สบายๆครับ เมื่อมาถึงห้องพัก ก็เปิดคีย์การด์เข้าไปกันได้เลยครับ ตอนแรกพวกเราเสียเวลาพักใหญ่กับการใช้งาน เข้าใจว่าต้องเสียบรอจนกว่าไฟจะเขียว แต่การใช้งานจริงคือ แค่เสียบแล้วดึงออกเลยครับ จากนั้นไฟจะเขียว ปลดล็อคเข้าห้องได้ครับ


ทางเดินไปห้องพัก

ถึงห้องพักเรากันแล้วครับ

นั่งรอเปิดประตูห้องพัก

                  เมื่อเปิดประตูห้องโถง foyer เข้ามา เราก็จะพบกับโต๊ะรับประทานอาหาร และโซฟาเบด สามารถกางออกเป็นเตียงนอนขนาดเล็กได้นะครับ มีทีวีอยู่ที่ริมกำแพง น้องเจ้าหน้าที่ต้อนรับด้านล่างแจ้งไว้แล้วว่า หลังจากใช้งานรถเข็นขนสัมภาระเสร็จ ให้วางไว้ที่ด้านนอกห้องได้เลยครับ จะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บเอง










               เมื่อมองจากห้องโถงจะเห็นประตูห้องอีก 2 ห้อง โดยห้องนอนด้านขวา จะเป็นห้องนอนเตียงคู่ และห้องนอนด้านซ้าย จะเป็นห้องนอนเตียงเดี่ยว ทั้ง 2 ห้องนอน จะมีห้องน้ำ ทีวี โซฟาตัวเล็ก เซฟ ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น และมีประตูเปิดออกไปยังระเบียงเหมือนกันครับ ด้านระเบียงจะมีเก้าอี้ วางไว้ให้ 2 ตัว ในห้องนอนจะมีบริการ กาต้มน้ำร้อน แก้วกาแฟ และกาแฟสำเร็จรูป ไว้อย่างละ 2 ชุดครับ


































วิวด้านระเบียงที่พักครับ

                   หลังจากที่เราทำการจัดสัมภาระให้เข้าที่เข้าทาง พักผ่อนกันสักครู่ เราก็ออกไปหาอะไรทานกันด้านนอก และไปเดินเล่นที่ตลาด cicada ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเลยครับ เสียเวลาหาที่จอดรถนานสักหน่อยครับ หลังจากจอดเสร็จ เดินเล่นได้สักพัก สายฝนก็ตกลงมาปรอยๆ เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพท่านแม่ เราจึงเลือกที่จะเดินทางกลับที่พักครับ

                   ห้องอาหารเช้าของทางโรงแรม พร้อมเปิดให้บริการในเวลาประมาณ 6.30 - 10.00 น. ในการมารับประทานอาหาร แค่แจ้งเบอร์ห้องพักกับทางเจ้าหน้าที่ต้อนรับด้านหน้า จากนั้นก็ไปเลือกหาที่นั่งได้ตามอัธยาศัยครับ เรามาถึงเวลาประมาณ 7 โมงนิดหน่อย ลูกค้ายังมาใช้บริการไม่มาก แต่เพื่อไม่เป็นการรบกวนแขกท่านอื่น เราก็ถ่ายภาพแต่พอประมาณ ไม่ครบทุกเมนูนะครับ




























                สำหรับโซนที่นั่งทานอาหาร จะมีทั้งภายในห้องแอร์ และส่วนด้านนอกที่ติดกับสระว่ายน้ำนะครับ อาหารก็จะมีเป็น ขนมปัง ครัวซอง แพนเค้ก ไส้กรอกหมู ไส้กรอกไก่ แฮม ข้าวเปล่า ผัดหมี่ซั่ว ผัดผักน้ำมันหอย แกงพะแนงหมู ไข่ดาว ข้าวต้มหมู ซุปมันฝรั่ง สลัดบาร์ (อันนี้ไมีมีน้ำสลัดครีมนะครับ) คอร์นเฟลค นมสด สำหรับเครื่องดื่ม จะมีน้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำเปล่า ชา กาแฟจากตู้กดครับ ผลไม้ก็เป็น แตงโม แคนตาลูป ฟรุตสลัดครับ

              เนื่องด้วยเป็นบุฟเฟ่ต์ รายการอาหารที่หมด ก็จะใช้เวลาสักพักนึงในการนำมาเติมนะครับ รสชาติอาหารก็ปกติทั่วไปครับ ไม่ได้โดดเด่น หรือเลวร้ายอะไร หลังจากทานเสร็จ ก็ขึ้นไปนั่งพัก นอนพักผ่อนกันครับ เรากับแฟนจึงขอแยกตัวลงมาว่ายน้ำที่สระ เวลาประมาณ 8 โมงนิดหน่อย เริ่มมีคนมาใช้บริการมากขึ้นครับ และว่ายได้สักพักประมาณ 20 นาที ก็รู้สึกแสบคันตามผิวตัวครับ เลยขึ้นจากสระดีกว่า หลังจากอาบน้ำ พักผ่อน เราก็ทำการเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรมประมาณ 10 โมงนิดหน่อยครับ ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมแจ้งว่า ทำการหักเงิน 800 บาท ออกจากวงเงินที่กันไว้ 1500 บาท ทำให้ทางบัตรเครดิตจะทำการกันวงเงินไว้อีกจำนวน 700 บาท ประมาณ 15 วัน ถึงจะทำการยกเลิกการกันวงเงินครับ

            สรุปโดยความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ขอเริ่มจากเตียงในห้องพักครับ ด้วยเตียงที่มีความสูงค่อนข้างมาก เรียกว่าสูงเกินเข่าเราขึ้นมาอีกครับ จะบอกว่าพวกเราตัวเตี้ยกันเองก็ได้ครับ แต่ค่อนข้างลำบากในการขึ้น-ลงเตียงนอน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ค่อนข้างลำบากกันเลยทีเดียว ตัวเตียงนอนนุ่มแต่ยวบครับ นอนลงไปแล้วมันยวบๆลงเป็นจุดๆ ทำให้นอนแล้วไม่ค่อยสบายสักเท่าไร ถึงจะมีการใช้แผ่นปูรองนอนเสริมขึ้นมาอีกชั้น แต่ก็ยังคงยวบครับ

              ทางโรงแรมมีผ้าเช็ดตัวไว้ให้บริการห้องพักละ 4 ผืน สำหรับใช้ภายในห้องพัก และลงไปใช้บริการที่สระว่ายน้ำ เรียกว่าใส่ใจในการใช้งานในจุดนี้เป็นอยางดีครับ มีน้ำดื่มไว้ให้บริการห้องละ 2 ขวด ก็เพียงพอสำหรับคนทั่วไปครับ ไดร์เป่าผมในห้องน้ำ กำลังลมเป่าใช้ได้จริงครับ  ไม่ได้เบาบางแบบโรงแรมอื่นๆ ภายในห้องพักที่ได้ ทีวีทั้ง 3 เครื่องเป็นยี่ห้อ LG ครับ แต่พวกเราได้รับรีโมท LG 2 อัน กับ Samsung 1 อัน  และที่น่าสนุกสนานกว่านั้นคือ อยู่ๆ ทีวีก็เปิดขึ้น เป็นช่องของทางโรงแรมเอง แล้วสักพักประมาณ 2-3 นาทีก็ดับลงเองครับ ในตอนแรกที่เปิดขึ้น เราก็เข้าใจว่า คงมีการตั้งเวลาไว้มั้ง ว่ามีแขกมาพักในห้อง เสียบการ์ดจ่ายไฟที่กำแพงแล้ว สักพักให้ทีวีติดเอง เพื่อเป็นการโปรโมทโฆษณาโรงแรม แต่การที่ดับเองด้วยนี่ ก็สร้างความสนุกสนานในการนอนหลับพักผ่อนมากอยู่เหมือนกันครับ

                สำหรับสระว่ายน้ำ อันนี้ค่อนข้างเล็กเลยครับ น้ำในสระ มีปริมาณของคลอรีนและค่าความเป็น กรดด่างแจ้งติดอยู่ที่กำแพง แต่โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่า คลอรีนค่อนข้างเข้มข้นครับ และแสบผิวพอสมควรเลย เป็นโซนที่เหมาะกับการมานอนอาบแดดมากกว่า มาว่ายน้ำครับ และการเดินทางมาสระ คือต้องเดินลงมาชั้นล่างสุดของทางโรงแรม ทางออกมีสองทาง คือประตูด้านหน้าโรงแรม และประตูที่เชื่อมกับห้องอาหาร ความรู้สึกไม่ค่อยสะดวกสบาย และไม่เป็นส่วนตัวของแขกที่มาพักในโรงแรมเลยครับ

                สรุปค่าเสียหายครับ ห้องละประมาณ 1800 บาท (รวมอาหารเช้า) และค่าบริการห้องโถง foyer เพิ่มอีก 800 บาท เป็นราคาที่ไม่สูงและไม่ได้ถูกครับ ราคากลางๆ แต่รอบหน้าถ้ามาที่หัวหิน ก็คงไม่มาพักที่นี่ซ้ำครับ ที่นี่อาจจะไม่เหมาะกับครอบครัวเราสักเท่าไรครับ น่าจะเหมาะกับนักท่องเที่ยววัยรุ่น-วัยกลางคน มีสัมภาระคนละใบ

บทความที่ได้รับความนิยม