วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2566

La LouBere ร้านกาแฟในตัวเมืองอยุธยา

                               


          วันนี้เราจะมานำเสนอร้านคาเฟ่ หรือร้านกาแฟ ที่กำลังเป็น Landmark แห่งใหม่ในตัวเมืองจังหวัดอยุธยากันครับ ในช่วงต้นเดือนธันวาคม เพื่อนๆหลายคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปสวยๆ น่าจะตั้งใจรอเทศกาลคริสมาสต์กันอยู่ใช่ไหมครับ และสถานที่หลายๆแห่ง ก็เริ่มทำการจัดธีมนี้กัน ไม่ว่าจะเป็นต้นคริสมาสต์ ซานต้าคลอส ตุ๊กตาหิมะ ไปจนถึงการสร้างบรรยากาศต่างๆ

            สำหรับการเดินทางนะครับ พิกัดอยู่ไม่ไกลจากรพ.กลาง ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งโรตีสายไหมของหลายๆท่านอยู่แล้ว แต่ที่อยากให้มีคือลานจอดรถครับ การไปใช้บริการที่ร้านนี้ต้องอาศัยหาที่จอดรถข้างทางเอาครับ อันนี้แล้วแต่ดวงของแต่ละท่านนะครับ ถ้าโชคดีก็อาจจะเจอรูว่างให้เราจอดได้ แต่ถ้าโชคร้ายก็วนกันไป หรือจอดไกลอีกหน่อย แต่ก็อย่าไปจอดขวางทางเข้าออกของสถานที่อื่นๆนะครับ


ป้ายร้าน

ป้ายหน้าทางเข้าร้าน


           สำหรับ La LouBere Cafe & Restaurant ทางร้านทำการตกแต่งในสไตล์ฝรั่งเศส เรียกว่าสวยกันแทบทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นกำแพง ด้านข้างตัวตึก ตลอดจนไปถึงด้านหลังที่ติดริมน้ำ 


ตู้ขนมเค้ก

ด้านหน้าแคชเชียร์

ตู้ครัวซองต์

                    เมื่อเราก้าวเข้ามาในส่วนของตัวร้าน จะพบกลับเคาน์เตอร์สั่งอาหารและแคชเชียร์เลยครับ ตรงนี้จะมีป้ายแจ้งให้สั่งอย่างน้อยท่านละ 1 ออเดอร์นะครับ ตอนเราไปถึงภายในร้านค่อนข้างมีลูกค้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถถ่ายรูปบรรยากาศ โต๊ะภายในร้านได้เลย หลังจากสั่งอาหารและชำระเงินแล้ว น้องพนักงานจะให้ตัวรับสัญญานมา เมื่อทำการสั่นให้มารับรายการของที่สั่งกันอีกครั้งครับ


โต๊ะด้านหน้าร้าน

ใบเสร็จ

                    หลังจากจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อย เราก็มองหาโต๊ะว่างกันครับ ใช้เวลาไม่นานประมาณ 5 นาที เราก็ได้รับสัญญานให้ไปรับรายการของที่สั่งกันได้แล้ว





Arrival of La Loubere

Iced Americano

Basque Burnt Cheesecake

Almond Croissant

               สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ เริ่มจากเมนูกาแฟ อเมริกาโน่เย็น ไม่หวาน ความหอมของเมล็ดกาแฟดีงามอยู่ครับ เข้มข้นดีในเกณฑ์ปกติ ต่อด้วยเมนูที่ทางร้านมีแนะนำไว้ Arrival Of La Loubere เมนูนี้รสชาติก็อร่อยแบบแปลกๆดีนะครับ เป็นการผสมผสานของมะขามกับกาแฟ ออกแนวเปรี้ยวอ่อนๆ ทานแล้วเพิ่มความสดชื่นได้ดีครับ

                 ในส่วนของขนม เราสั่งกันเป็นชีสเค้กและอัลมอนด์ครัวซองต์ เนื้อสัมผัสของชีสเค้กค่อนข้างแน่น ความอร่อยก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ สำหรับครัวซองต์มาในแบบฉ่ำเนยมาก สัมผัสนุ่มๆ รสชาติอร่อยดีครับ

                    สำหรับความคุ้มค่าของอาหารมื้อนี้นะครับ ถ้าเทียบคุณภาพ ความอร่อย ปริมาณที่ได้รับก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ ตามด้วยเป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งไว้สวยงาม ในบรรยากาศต่างประเทศ ทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่าครับ ที่จะกลับมาอีกครั้ง ถ้าทางร้านมีการตกแต่งเปลี่ยนธีมนะครับ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นแนวที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ทำให้ไม่ค่อยเหมาะกับการมานั่งชิลๆ หรือนั่งแช่ จิบกาแฟ กินขนมแนวนั้นครับ  

                   ทางร้านมีให้บริการห้องประชุมด้านบนด้วย และในวันที่เราไปใช้บริการ มีลูกค้าค่อนข้างเยอะ ประกอบกับแดดที่ค่อนข้างร้อนในเวลาเที่ยง ทำให้บรรยากาศภายในตัวร้าน ค่อนข้างร้อนครับ บางจังหวะถึงกับรู้สึกว่าไม่ค่อยมีอากาศหายใจ หลังทานขนมและเครื่องดื่มกันเสร็จเรียบร้อย ก็จะถึงช่วงเวลาเดินถ่ายรูปกันครับ มีเพียงจุดบันได ที่เป็นมุมมหาชนของทางร้าน จะมีลูกค้าเข้าแถวรอคิวถ่ายภาพกันครับ ในส่วนของด้านข้างร้าน เหมือนเรากำลังอยู่ท่ามกลางหิมะขาวโพลน ในเทศกาลเฉลิมฉลองของต่างประเทศครับ

















วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ร้านอาหารโบราณนิยม เขาค้อ

                          

Cover

            ด้วยเรามีภารกิจเดินทางไปยังเขาค้อ แบบปุบปับทัวร์ ทำให้ครั้งนี้ไม่ได้ทำการบ้านกันมากอนว่า จะทานอาหารกันที่ร้านอะไรดี แล้วก็เลยใช้บริการจากทาง Google เริ่มค้นหาร้านอาหารแนะนำกันครับ แล้วก็พบกับคลิปของ Youtuber ท่านนึง แนะนำให้ไปทานร้านอาหารโบราณนิยม By เชฟตวง  ซึ่งดูจากพิกัดแล้วก็เป็นทางไปยังเจดีย์กาญจนาภิเษกพอดี เราสองคนก็เลยตัดสินใจไปลองทานกันที่ร้านนี้ครับ

               โดยก่อนที่จะไปถึงทางร้าน เวลาประมาณ11โมงกว่าๆ เกือบเที่ยง เราก็ได้โทรไปสอบถามก่อนว่า ตอนนี้มีโต๊ะว่างไหม ได้ความว่า ตอนนี้ยังมีโต๊ะว่าง แต่กำลังจะมีลูกค้ากลุ่มใหญ่เดินทางไปทาน เราจึงขอสั่งอาหารไว้ก่อน ทางร้านจะได้จัดเตรียมวัตถุดิบไว้ให้พร้อม ไปถึงจะได้พร้อมทานแบบรอไม่นาน


ป้ายชื่อร้าน

ซอยข้างร้าน สามารถนำรถขึ้นไปจอดด้านบนได้

บรรยากาศหน้าร้าน

ร้านอยู่ติดกับซอยทางเข้ารีสอร์ตชื่อดังหลายที่

                     เมื่อขับมาถึงทางเข้าหน้าร้าน ก็พบว่า อ้าว...ที่แท้ร้านอยู่ติดกับซอยทางเข้าที่พักของ The sense และ แอททรี รีสอร์ท ที่เราเคยมาพักแล้ว ก็ยังแอบแปลกใจว่า ตอนนั้นทำไมเราไม่สังเกตุเห็นร้านนี้กันนะ ทางร้านมีลานจอดรถอยู่ตรงบันไดทางขึ้นร้าน หลังจากจอดรถเสร็จก็เดินขึ้นบันไดกันไปได้เลยครับ ถ้าเป็นผู้สูงอายุ ไม่สะดวกเดินขึ้นบันได สามารถนำรถเข้าไปในซอยด้านข้างร้าน แล้วค่อยเลี้ยวไปจอดด้านหลังร้านได้เลยครับ จะเป็นทางเดินแนวราบและ สามารถใช้รถเข็นผู้สูงอายุ เพื่อเข้าไปในส่วนของร้านอาหารได้เช่นกัน


ทางหลังร้านไปยังห้องน้ำ

วิวจากห้องน้ำ


ห้องน้ำมีให้บริการหลายห้อง

                          ก่อนจะเข้าไปยังภายในร้าน เราแวะไปล้างมือ กันเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีกันก่อนครับ ถึงแม้เราจะถึงเวลาประมาณเกือบเที่ยงได้ แสงแดดจะค่อนข้างแรง แต่สายลมที่พัดมา ก็ทำให้สัมผัสถึงไอเย็นได้เป็นอย่างดี เรียกว่า อากาศกำลังเย็นสบายเลยครับ


บรรยากาศภายในร้าน

บรรยากาศภายในร้าน

ครัวแบบเปิดกลางร้าน

                          เมื่อเข้ามาในส่วนของภายในร้าน เราจะพบว่ามีครัวแบบเปิดอยู่กลางร้านเลยครับ เพื่อเป็นการโชว์ให้เห็นการปรุงอาหารของเชฟตวง ซึ่งตรงส่วนนี้แนะนำว่า อย่านั่งทานตรงโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าครัวนะครับ เพราะเมื่อมีลูกค้าสังอาหารประเภทที่ใช้เครื่องเทศและพริกในการปรุงเป็นหลัก เราจะได้รับอานิสงส์ของการสัมผัสเครื่องเทศได้แบบเต็มๆ


รายการแนะนำ

อุปกรณ์ในการทาน

              หลังจากได้โต๊ะนั่งเป็นที่เรียบร้อย เมนูของทางร้านที่บรรยากาศพื้นบ้าน แต่ต้องขอบอกว่า เมนูมีให้เลือกทานแบบหลากหลายมากๆครับ เรียกว่าแนวนานาชาติมากันเลยทีเดียว ด้วยความวู่วามบวกกับการอยากลองชิม ทำให้เราจึงสั่งกันมาเบาๆ 5 รายการครับ ใช้เวลาไม่นาน เพียงประมาณ 5 นาที อาหารก็เริ่มทะยอยนำออกมาเสิรฟ์กันที่โต๊ะครับ


น้ำส้มคั้นสด

ยำวุ้นเส้นโบราณ

ข้าวผัดปลาส้ม

ลาบปลากระพงทอด

สปาเก็ตตี้ปูนิ่มซอสไข่เค็ม

ปูนิ่มมาแบบตัวใหญ่มาก

ปลาเตอร์เจี้ยนผัดขมิ้นขาว


                             สำหรับรสชาติอาหาร จำได้ว่า Youtuber ที่เราตามรอยมาทานนั้น ได้กล่าวไว้ว่า รสชาติอาหารของทางร้านจะออกไปทางหวานเล็กน้อย แต่สำหรับตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ ขอบอกว่า ไม่ได้รู้สึกว่าทุกเมนูจะออกไปทางหวานแต่อย่างใดนะครับ ตรงนี้เรียกว่า แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนจริงๆ

                  เริ่มจากเมนูแรก น้ำส้มคั้นสด ทางร้านใช้ส้มสดคั้นมาเสริฟ์ในน้ำแข็ง รสชาติหวานอมเปรี้ยวกำลังดี ไม่มีความขมของเปลือกส้มแต่อย่างใด เป็นการเพิ่มความสดชื่น และกระตุ้นตความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี

                  ยำวุ้นเส้นโบราณเป็นอีกเมนู ที่ร้านไหนมีขาย แฟนต้องสั่งมาทานทุกครั้งไป ทางร้านทำออกมาได้ดีนะครับ รสชาติไม่เผ็ดจัดจ้านมาก แต่มาแบบครบรส เปรี้ยว หวาน เค็ม สัมผัสของวุ้นเส้นและน้ำยำ อันนี้จะออกหวานนำ แต่ด้วยกุ้งแห้งตัวใหญ่มีรสชาติออกเค็มเล็กน้อย เมื่อทานคู่กันแล้ว ลงตัวครับ อร่อยมาก

                     ข้าวผัดปลาส้ม ทางร้านทำออกมาได้อร่อยมากๆครับ ข้าวร่วนไม่แฉะ เนื้อปลาส้มก็อร่อย เปรี้ยวเล็กน้อยไม่มาก และไม่มีกลิ่นคาว ที่สำคัญทางร้านไม่ได้ใส่แต่พริกแห้งมานะครับ ในตัวข้าวผัดยังคงมีพริกขี้หนูซอยมาแบบบางๆ สอดแทรกลงไปในข้าวผัด เรียกว่า ถูกใจคนที่ชอบรสชาติเผ็ดอย่างแน่นอน แต่สำหรับคนที่ทานเผ็ดไม่ค่อยได้แบบเรา ใช้ความสามารถในการเขี่ยพอสมควรครับ
 
                   ลาบปลากระพงทอด เป็นเมนูที่ต้องขอยอมรับว่า ทางร้านทำปลาชุบทอดมาได้เป็นอย่างดี มีความกรอบด้านนอก แต่เนื้อสัมผัสของปลาด้านใน ยังคงมีความหวาน และนุ่มละมุนเป็นอย่างดี รสชาติน้ำลาบก็จัดจ้าน อร่อยกลมล่อม เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน มาแบบครบรส 

                 สปาเก็ตตี้ปูนิ่มซอสไข่เค็ม เป็นเมนูที่อยากลองทานกันเฉยๆครับ แบบว่ารูปถ่ายในเมนูสวยดี แต่พอได้สัมผัสทานใส่ปากกันคำแรก ก็ต้องบอกว่า อร่อยโครตๆ ต้องใช้คำนี้จริงๆครับ รสชาติมาแบบกลมกล่อม เป็นความลงตัวที่พอดีของซอสไข่เค็ม ชีส และเส้นสปาเก็ตตี้ที่ลวกออกมาได้กำลังดีเลย ในส่วนของปูนิ่มก็มากันแบบตัวโตๆ ด้านในยังคงมีเนื้อสัมผัสของเนื้อปูแบบเต็มๆ ไม่ได้มีแต่แป้งทอดอย่างเดียว
 
                 ขอปิดท้ายเมนูปลาเตอร์เจี้ยนผัดขมิ้นขาว เมนูนี้ตอนโทรมาจองโต๊ะกับทางร้าน น้องพนักงานผู้หญิงแนะนำว่า เป็นเมนูที่หาทานยากนะ ทางเชฟไปประมูลจองมาได้ เราก็เลยไม่พลาดครับ จัดมา 1 จาน โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าทางร้านจะทำเมนูอะไรมาให้ พอมาถึง ก็ต้องบอกว่า อร่อยครับ เนื้อปลาเตอร์เจี้ยน ยิ่งทานยิ่งอร่อย ไปทานเมนูอื่นๆมา กลับมาทานเมนูนี้ใหม่ ก็ยิ่งอร่อยกว่าเดิม สำหรับขมิ้นขาว ปกติแฟนจะไม่ทานครับ เพราะไม่ชอบกลิ่นและความฉุนของตัวขมิ้นขาว แต่สำหรับเมนูนี้ ต้องบอกว่า แย่งกันทานขมิ้นครับ อร่อยลงตัวจริงๆ

                     สรุปความคุ้มค่าของอาหารมื้อนี้ เมื่อเทียบคุณภาพอาหาร ปริมาณอาหาร และความอร่อยที่ได้รับ กับราคาค่าอาหารที่จ่ายไป เราสองคนลงความเห็นตรงกันว่า คุ้มค่าครับ บางเมนูราคาอาจจะแอบแรงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้แพงจนรู้สึกว่ารับไม่ได้ และตั้งใจว่า อยากจะพาครอบครัวมาลองทานที่ร้านนี้กันอีกครั้ง เพื่อจะได้มากันหลายๆคน และได้สั่งอีกหลายเมนูที่อยากลองทานครับ


บิลค่าเสียหาย


วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

จ๊อดเย็นเจี๊ยบ ศูนย์รวมอาหารปลาน้ำจืด

 

Cover

                                 เมื่อปีก่อนเราเคยมาทานอาหารกันที่จ๊อดเย็นเจี๊ยบกันแล้วครั้งนึง มาในวันนี้มีโอกาสมาทำธุระที่จังหวัดสิงห์บุรี ถึงแม้จะต้องเดินทางไกล จากจุดหมายออกไปอีกถึง 30กว่าโล ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้พวกเราเปลี่ยนใจหาร้านอาหารใหม่ครับ พวกเรามาถึงร้านอาหารในเวลาประมาณ เที่ยงเกือบจะครึ่ง ภายในร้านมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการประมาณนึง ภายในร้านมีแบ่งให้บริการทั้งแบบในห้องเครื่องปรับอากาศและด้านนอก โดยมีให้บริการแบบห้องเฉพาะด้วยนะครับ และทางร้านมีลานจอดรถให้จอดได้แบบสบายๆ


บริเวณลานจอดรถ

ทางเข้าในส่วนให้บริการแบบปรับอากาศ

                     หลังจากเลือกโต๊ะนั่งได้เป็นที่เรียบร้อย ทางน้องพนักงานก็จะนำเมนูมาให้เราเลือกสั่งอาหารกันครับ และด้วยเป็นร้านอาหารแบบแนวพื้นบ้าน ขอแนะนำให้สั่งอาหารกันในรอบเดียวนะครับ เพื่ออาหารจะได้ออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน


เมนู

เมนู

              หลังจากสั่งกันเป็นที่เรียบร้อย ก็ใช้เวลาประมาณเกือบๆ 15 นาที อาหารก็เริ่มทะยอย ออกมาเสริฟ์จนครบทุกเมนูครับ สำหรับข้าวต้มมัด อันนี้อยู่ในโซนของฝาก สามารถบอกน้องพนักงานให้ช่วยแกะออกมาทานที่ร้านได้ด้วยครับ


ข้าวต้มมัดไส้เผือก

ทางร้านหั่นมาให้ชิ้นพอดีคำ

ไส้เผือกอัดแน่นด้านใน

ข้าวเปล่า 1 โถ

น้ำจิ้มซีฟู้ดและพริกน้ำปลา

ต้มยำกุ้งน้ำใส

ปลาคังผัดฉ่า

ยำวุ้นเส้น

ยอดทานตะวันอ่อนผัดน้ำมันหอย

ฉู่ฉี่ปลาน้ำเงินสด

ฉู่ฉี่ปลาน้ำเงินทอด

ปลาค้าวทอดน้ำปลา

พริกแกง 1 กิโลกรัม


                   สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของพวกเรานะครับ ขอเริ่มจากข้าวต้มมัด ซึ่งเป็นข้าวต้มมัดที่ทางร้านทำขึ้นมาเองแบบสดใหม่ ด้านหลังของร้าน มีคุณยายนั่งห่อพร้อมต้มออกมาเรื่อยๆครับ มีจำหน่ายทั้งแบบไส้กล้วยและไส้เผือก และไม่ได้จำหน่ายแบบเป็นคู่ เพราะคุณยายมัดออกมาแบบเป็นอันๆ สั่งมาทานที่ร้าน จะมีบริการหั่นมาให้แบบพอดีคำเรียบร้อย ความอร่อยต้องขอบอกว่าสุดยอดครับ เนื้อข้าวเหนียวเป็นข้าวใหม่ มีความนุ่มละมุน แต่ไม่เละ ไส้เผือกด้านใน ไม่หวานมาก ถั่วก็สุกกำลังดี ทานคู่กันแล้วเข้ากันแบบสุดๆ เพลินๆแปบเดียวหมดจานกันครับ

                    จากนั้นก็เริ่มด้วยอาหารจัดจ้าน ฉู่ฉี่ปลาน้ำเงินแบบสดและแบบทอด ในส่วนของแบบสด จะมาพร้อมกะทิ ทำให้มีความมันและความเผ็ดไม่มาก เนื้อปลาน้ำเงินชิ้นใหญ่ สด เด้ง แต่ในส่วนของฉู่ฉี่แบบทอด ทางร้านเสริฟ์มาแบบพริกแกงเผ็ดจัดจ้าน รสชาติถึงใจ นำมาคลุกทานกับข้าวเปล่าแล้ว เป็นอะไรที่สุดยอด 

                    ปลาค้าวทอดน้ำปลา รสชาติยังคงอร่อยแบบเดิม เนื้อปลามาแบบหวาน สด ทานคู่กับน้ำปลาที่ทอดมาด้วยแล้ว เข้ากัน ช่วยเบรครสชาติความเผ็ดของอาหารได้เป็นอย่างดี

                    ยอดอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอย ทำออกมาได้อร่อยมากๆครับ ยอดอ่อนมีความกรุบกรอบ และไม่อมน้ำมัน รสชาติกำลังกลมกล่อม

                     ยำวุ้นเส้นก็รสชาติดี ไม่แพ้จานอื่นๆ ทางร้านปรุงออกมาได้ครบรส ไม่เผ็ดจัดจ้านแต่ก็มีความอร่อยลงตัว หวาน เค็ม เปรี้ยว มีครบ ทานเพลินๆได้สบาย

                    ต้มยำกุ้งน้ำใส เป็นอีกเมนูที่ทานแล้วรู้สึกว่าประทับกันเป็นอย่างมาก น้ำซุปมาแบบร้อนถึงแม้จะไม่ได้มาแบบหม้อไฟ แต่ความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศที่ใส่มา ทำให้ซดน้ำซุปแล้วมีความคล่องคอ เผ็ด เปรี้ยว มาครบ ทานแล้วรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก

                 ปิดท้ายเมนูของคาวด้วย ผัดฉ่าปลาคัง รสชาติมาแบบจัดจ้าน แต่ไม่เผ็ดเท่าฉู่ฉี่ปลาน้ำเงินทอด มีความหอมของกระชายและเครื่องเทศต่างๆ รสชาติดีมากๆ เนื้อปลาก็สดหวาน ไม่มีความคาวเลย สมกับที่เป็นศูนย์รวมอาหารปลาน้ำจืดที่แท้จริงครับ

                  ข้าวเปล่าเราสั่งกันแบบโถ ด้วยรสอาหารหลายเมนูมีความเผ็ดจัดจ้าน ไปๆมาๆ กลายเป็นต้องสั่งข้าวกันเพิ่มอีกโถ เพราะความอร่อยของรสชาติอาหาร และสุดท้ายความรู้สึกเผ็ดร้อนในปากของทุกคนก็ได้บรรเทาไปด้วย ส้มโอหวานๆ ที่แกะไว้พร้อมให้ซื้อทานที่มุมของฝากของทางร้านครับ ทานกันเพลินๆ เผลอแปบเดียวหมดกล่อง เลยทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ

                   สรุปความคุ้มค่าของอาหารมื้อนี้ เมื่อเทียบราคาค่าอาหารที่จ่ายไป กับคุณภาพอาหาร ปริมาณอาหารและความอร่อยที่ได้รับ ต้องขอบอกว่า มีความคุ้มค่าอย่างที่สุดครับ ถ้ามีโอกาสมาแถวนี้อีก ก็จะมาทานอีกอย่างแน่นอน และเรามีสั่งกลับบ้านกันเพิ่มเติมอีก 3 เมนู กับซื้อพริกแกงของทางร้านกลับบ้าน เป็นการการันตีได้ถึงความอร่อยถูกใจของเมนูอาหารทางร้านได้เป็นอย่างดี

                      ถึงแม้ว่าร้านอาหารจะอยู่ลึกออกจากถนนใหญ่ แต่ด้วยความอร่อย อาหารที่ไม่แพงและความอัธยาศัยดีของพนักงานในร้าน ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมถึงยังคงมีลูกค้ามาใช้บริการกันอย่างต่อเนื่อง และขอแนะนำว่าถ้าสั่งอาหารแล้ว ควรจะสั่งให้ครบทุกเมนูที่อยากได้ในครั้งเดียว ในส่วนของสั่งกลับบ้านก็ควรจะสั่งพร้อมอาหารที่ทานที่ร้านได้เลยครับ อย่ารอจนจะอิ่มแล้วค่อยสั่ง เพราะอาจจะต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการรออาหารกลับบ้านครับ


บิลค่าเสียหาย


บทความที่ได้รับความนิยม