วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560

สึโบฮาจิ สาขาเมืองทองธานี

            เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีคอนเสิรต์ RCA Reunion ที่เมืองทองธานี Hall 1 ด้วยความที่แฟนเป็นสาวก RCA ติดตามไปตั้งแต่คอนเสิรต์ปีที่แล้วของ RCA ที่ Bitec bangna มาครั้งนี้จัดที่เมืองทองธานี สถานที่ใหญ่ขึ้น ก็ไม่มีพลาด งานเปิดให้ร่วมเล่นกิจกรรม ถ่ายรูปในเวลาประมาณ 5 โมง ด้วยความที่อยากไปเลือกที่ยืนทำเลเหมาะๆ เราเลยตั้งใจจะไปหาอะไรทานแถวเมืองทองธานีเลย และถ้าเวลาเหลือก็ไปเดินเล่น

               เนื่องด้วยเป็นวันที่ทางเมืองทองธานีมีงานจัดแสดงสินค้าหลายงาน รถจึงติดมากเป็นพิเศษ กว่าเราจะฝ่าการจราจรหนาแน่น่มาถึงเมืองทองธานีได้ ก็เวลาประมาณ เกือบ 4 โมงเย็นแล้ว ด้วยตอนแรกตั้งใจจะไปทานก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟยกเครื่อง เลยเปลี่ยนเป็นรีบหาที่จอดรถที่ลานจอดรถในร่ม P3 ก่อนแล้วจึงเดินไปทานที่ตึก The Portal ข้างๆ Hall 1 แทน เพื่อความรวดเร็วในการกลับมาเข้าแถวรอเข้าไปในงาน

                 เดินวนๆในตึก The Portal ด้วยความที่นานๆจะมาที่เมืองทองธานี เลยเลือกทานร้านอาหารที่หาทานไม่ได้แถวบ้านพวกเรากัน แล้วก็ลงความเห็นที่ร้าน สึโบฮาจิ เพราะเห็นป้ายโฆษณาเตะตาด้วยเมนู ข้าวหน้าหมูย่างไข่ออนเซ็น เห็นแล้วเกิดความรู้สึกอยากไปลองทาน




                        พิกัดร้านสึโบฮาจิ อยู่ที่ชั้น 2 ของตึก The Portal พอเดินมาถึงหน้าร้าน ก็จะพบกับตู้กดไอศครีม พร้อมกับป้ายราคา ด้วยความที่เห็นซอฟท์ครีมแล้วอดใจไม่ไหว เลยขอสั่งก่อนเลือกดูเมนูอาหาร น้องพนักงานบอกว่า ไอศครีมต้องขึ้นไปซื้อที่ชั้น 3 แต่ด้วยเรากำลังจะทานอาหารในร้านอยู่แล้ว ทางน้องพนักงานจะขึ้นไปกดซื้อลงมาให้ และสามารถชำระเงินรวมกับค่าอาหารในร้านได้เลย







                              เมื่อได้ไอศครีมมาไว้ในมือเรียบร้อย เราก็เดินไปหาที่นั่งภายในร้าน ที่ร้านจัดตกแต่งไว้ดูเรียบหรู เก้าอี้นั่งสบาย มีแบ่งเป็นสัดส่วน ด้วยเรามาถึงภายในร้านยังไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ เราจึงเลือกที่นั่งได้ตามอ้ัธยาศัย แล้วก็เลือกที่จะนั่งในโซนโซฟาที่มีที่กั้นเป็นส่วนตัว









                              บนโต๊ะจะมีจาน ตะเกียบ ผ้าเปียก และทิชชู่วางไว้บริการพร้อมสำหรับลูกค้า และหลังจากนั้นพนักงานจะนำเมนูมาให้เราทำการเลือกสั่งอาหารครับ







                เนื่องด้วยกำลังอร่อยกับซอฟท์ไอศรีมโยเกิต+ชาเขียว ทำให้ลืมถ่ายเมนูมาให้ชมกันนะครับ หลังจากสั่งอาหารไป ใช้เวลาเพียง 7-8 นาที อาหารก็ทะยอยนำออกมาเสริฟ์ เครื่องดื่มที่นี่มีแบบรีฟิลให้เลือกระหว่าง ชาเขียวเย็น กับชาเขียวร้อนนะครับ
























                   สำหรับรสชาติอาหาร ตามความเห็นส่วนตัวของพวกเรานะครับ กุ้งฝอยทอดรสชาติกรอบกรุบๆ ทางน้องพนักงานแนะนำว่า สามารถนำเกลือบนโต๊ะมาโรยเพื่อเพิ่มรสชาติได้ เป็นเกลือจากทางญี่ปุ่นนะครับ แต่พวกเราไม่ได้ลอง เพราะได้ยินว่าเกลือ สาวๆร่วมโต๊ะก็กลัวว่าจะทานแล้วเดี๋ยวบวมน้ำกัน เลยทานแต่กุ้งกันเฉยๆ เมนูต่อมาที่นำมาเสริฟ์เป็นสไปซี่วาซาบิแซลมอน รสชาติเข้มข้นอร่อย เนื้อปลาแซลมอนสดหวาน สัมผัสของวาซาบิ ฉุนขึ้นจมูกเบาๆ เป็นความฟินของคนที่ชอบทานวาซาบิครับ

                    จากนั้นก็จะตามด้วยเซ็ทเมนูที่ทำการสั่งกัน เมนูหมูย่างไข่ออนเซ็น เนื้อหมูย่างออกมาได้นุ่ม ละลายในปาก ไข่ออนเซ็นคลุกกับข้าวญี่ปุ่น ทานแล้วเข้ากันเป็นอย่างมาก เซ็ทต่อมา จำชื่อภาษาไทยไม่ได้ครับ คล้ายๆไข่ราดบนเนื้อหมูทอดแล้วราดซอสเหมือนโอโคโนมิยากิ รสชาติอร่อยหอม หวาน ทานคู่กับกะหล่ำปลีซอย อร่อยสุดๆ เซ็ทเมนูสุดท้ายที่นำมาเสิรฟ์เป็นแซลมอนสเต็ก รสชาติปลาแซลมอนย่างมากำลังดี ไม่แห้งจนเกินไป เนื้อหอมนุ่มๆ ทานคู่กับผักเครื่องเคียงด้านล่างแล้วอร่อยเพลิน สำหรับอาหารเซ็ทเมนู จะเสริฟ์พร้อมซุปมิโสะ ซึ่งที่นี่แปลกดีครับ ซุปมิโซะมีเหมือนไข่เจียวลอยมาให้ด้วย สลัดผักในชามเล็กๆราดสลัดครีม และมีไข่ม้วนบางๆวางบนผักดอง รสชาติปกติ ทานได้ครับ

                     สรุปรสชาติอาหารค่อนข้างดีครับ อร่อย คุณภาพอาหารสมกับราคา มีโอกาสมาเมืองทองธานี ขอแนะนำให้มาลองทานที่ร้านนี้ครับ สำหรับส่วนตัวจะกลับมาลองทานอาหารเมนูอื่นที่ร้านนี้อีกครั้งครับ และน้องพนักงานที่นี่บริการดีมากๆ 

The Sweetener Cafe

             ช่วงเวลาต้นเดือนธันวาคมของทุกปี จะเป็นเวลาที่แฟนจะไปบวชชีพราหมณ์ สำหรับปีนี้ แฟนได้เลือกที่จะไปที่เสถียรธรรมสถาน พิกัดอยู่แถวรามอินทรา เราไปถึงสถานที่ก่อนเวลารายงานตัว เลยไปหาอะไรทานกันก่อน ขับเลยเสถียรธรรมสถานมาไม่ถึง 1 กิโลเมตร เราก็จะพบกับห้าง Plearnary Mall  จุดเด่นคือ น้องหมี ที่เป็นแลนด์มาร์กจำนวนมาก 

             หลังจากทำการเดินสำรวจหาร้านอาหารทาน เราก็ได้ตกลงทานสเต็กกันก่อนที่ร้าน Santa Fe' steak เพราะที่เสถียรธรรมสถาน จะเป็นเมนูอาหารปราศจากเนื้อสัตว์ ก็เลยทำการเพิ่มเนื้อสัตว์ลงกระเพาะกันก่อน หลังทานอาหารเสร็จ ก็อยากหาขนมหวานเย็นๆทานกัน ระหว่างที่เดินหาร้านอาหารเราได้เห็นป้ายโฆษณาของร้าน The Sweetener cafe เป็นรูป Strawberry cheesy and cookie จึงตัดสินใจไปทานกันที่ร้านนี้









                        เมื่อเดินมาถึงหน้าร้าน จะมีป้ายโฆษณา และรายการเมนูให้เราเลือกสั่งกับทางพนักงาน หลังสั่งขนมและเครื่องดื่มเรียบร้อย ก็จะต้องทำการชำระเงินก่อน แล้วไปเลือกหาที่นั่งได้ตามอัธยาศัย จากนั้นน้องพนักงานจะนำขนมและเครื่องดื่มมาเสริฟ์ให้ที่โต๊ะนะครับ









                           เราเลือกสั่งเมนูตามป้ายโฆษณาที่เห็น Strawberry Cheesy n Cookie และ Brownoffee เครื่องดื่มไม่ได้สั่ง เนื่องจากยังอิ่มน้ำจากร้านอาหารมาเมื่อครู่ ที่ร้านรับเฉพาะเงินสดนะครับ หลังจากชำระเสร็จแล้ว ก็เลือกนั่งที่โซฟา วันนี้คนในร้านมีเพียงเราโต๊ะเดียว นั่งรอประมาณ 10 นาที พนักงานก็เริ่มทะยอยยกขนมมาเสริฟ์ให้ที่โต๊ะ








                  
                     รสชาติอร่อยปกติครับ ตัวน้ำแข็งรสชาติไม่หวานมาก สามารถราดนมข้นหวานที่ให้มาในถ้วยเล็กเติมลงไปได้อีกอย่างสบายๆ สตอเบอรี่รสชาติเปรี้ยวตัดกับน้ำแข็งหวานๆได้เป็นอย่างดี สำหรับบราวนี่ ก็มีความหวาน เนื้อบราวนี่หนึบนิดหน่อย วิปครีมรสชาติเบาๆ โดยความเห็นส่วนตัว บราวนี่ไม่ค่อยโดนครับ สรุปค่าเสียหายขนม 403 บาท ราคาแพงกว่าค่าอาหารเล็กน้อย เนื่องด้วยโต๊ะที่เราเลือกนั่งเป็นโซฟาผ้า ทำให้มีคราบเปื้อนบนเนื้อผ้าโซฟาค่อนข้างเยอะ คาดว่าคงมีลูกค้ามาใช้บริการแล้วทำหกเลอะ ยากต่อการทำความสะอาด แนะนำว่า ถ้ามาใช้บริการเลือกเป็นโต๊ะนั่งกับเก้าอี้ธรรมดา จะสบายใจกว่านะครับ



วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เฮียแกละหมูสเต๊ะ VS อาจิว อาหารทะเล จ.อยุุธยา

                 หลังจากเราเดินทางมาที่จังหวัดอยุธยาเพื่อทำการสักการะขอพร ตามรอยรายการมูไนท์ ที่วัดหน้าพระเมรุ วัดใหญ่ชัยมงคล และเพิ่มเติมวัดพนัญเชิงวรวิหารเอง เข้าไปอีกวัด ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน ก็เปิดหาร้านอาหารที่น่าสนใจทานกันก่อน เผื่อรถติดระหว่างทางจะได้ไม่ต้องหิว และวันนี้เป็นวันพ่อ ร้านอาหารแทบทุกร้านในห้างสรรพสินค้า ในกรุงเทพฯ มักจะคับคั่ง หนาแน่นไปด้วยผู้คน

                 และแล้วเราก็พบกับรายการทีวี รายการแห่งนึง ที่มีการนำโดยแม่ช้อยนางรำ แนะนำว่า มาจังหวัดอยุธยา ไม่ควรพลาดที่จะมาทานหมูสเต๊ะ เฮียแกละ เราจึงหาพิกัด พร้อมกับโทรไปสอบถามว่า วันนี้เปิดร้านขายหรือเปล่า ร้านเฮียแกละ จะขายเฉพาะ หมูสเต๊ะ-ไส้-ตับ เท่านั้น ไม่มีอาหารอย่างอื่นขายเพิ่มเติม เราจึงทำการสั่งล่วงหน้า หมูสะเต๊ะ 80 ไม้ ไส้หมูกับตับย่าง รวมกัน 20 ไม้ พร้อมกับขอจองโต๊ะสำหรับ 12 ท่าน เมื่อมาถึงร้าน สำหรับการจอดรถ จอดได้ตามข้างถนนหน้าร้านเลยครับ ตรงไหนว่างก็หาจอดได้เลยตามอัธยาศัย เพราะทางพนักงานของร้านเฮียแกละแจ้งว่า ถ้าเราจอดขวางบ้านหลังไหนแล้วเจ้าของบ้านต้องการจะออก จะเดินมาเรียกเองที่ร้าน

















                         เมื่อมาถึงร้านเฮียแกละ ทีมคณะเรากลับเดินไปนั่งที่ร้านข้างๆ นั่นก็คือร้านอาจิว อาหารทะเล จำหน่ายอาหารตามสั่ง








                     หลังจากเลือกโต๊ะเก้าอี้นั่ง ได้เพียงครู่เดียว ทางพนักงานของร้านอาจิว ก็เดินมาสอบถามรายการอาหาร และยังแนะนำรายการอาหารด้วยความคล่องแคล่ว แทบทุกรายการที่แนะนำจะมีคำต่อท้ายว่า ออกทีวีรายการมานะ เมนูนี้ น่าสั่งมาลองทาน ด้วยความที่เราก็อยากลองอาหารอร่อยๆอยู่แล้ว จึงเชื่อตามคำแนะนำของทางพนักงานท่านนี้ ระหว่างสั่งอาหารหมูสเต๊ะ ก็ทำการยกมาเสิรฟ์ที่โต๊ะด้วยความรวดเร็ว โดยแบ่งเป็นจานละ 20-30 ไม้ ในตอนแรกเรารู้สึกว่า ปริมาณหมูสเต๊ะจะมากกว่า 100 ไม้ที่ทำการสั่งไว้ จึงสอบถามทางเฮียที่นำมาส่ง เฮียบอกว่า นำมาให้ 140 ไม้ ไม่เป็นไร กินไปก่อน เหลือคืนได้ เดี๋ยวค่อยนับไม้เอาทีหลัง แต่พวกเรารู้สึกไม่สบายใจ จึงบอกให้เฮียทำการนับ แล้วเอาออกคืน จัดให้เหลือแค่ 100 ไม้ ตามที่เราได้ทำการสั่งเอาไว้















                    ทานหมูสเต๊ะไปได้พักนึง รายการอาหารที่เราได้ทำการสั่งกับทางร้านอาจิว ก็ได้ทะยอยนำมาเสริฟ์ที่โต๊ะอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทานอาหารกันไปสักพัก เราก็ไปทำการสั่งหมูสเต๊ะเพิ่มอีก 20 ไม้ ไส้ย่าง 5 ไม้ และขนมปังปิ้ง 2 แผ่น แต่เนื่องจากมือเลอะจากไม้หมูสเต๊ะ เลยไม่ได้ทำการถ่ายรูปมา



แกงส้ม

ข้าวราดกุ้งผัดพริกสด

เนื้อหมูมะกรูด

ข้าวเปล่า

ข้าวผัดกระเพาหมู

แกงส้ม


ข้าวหมูกะเทียมไข่ดาว

เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว

ไข่เจียวหมูสับ

                สรุปรสชาติและความคุ้มค่า ตามความเห็นส่วนตัวนะครับ หมูสเต๊ะนายแกละ ทุกไม้จะมีมันหมูเสียบทิ้งท้ายไว้ รสชาติจะเข้มข้นด้วยเครื่องเทศ สำหรับเรารู้สึกว่า กลิ่นเครื่องเทศแรงเกินไป และเลี่ยนมันหมูตั้งแต่ทานไม้ที่ 5 ส่วนไส้ย่าง รสชาติอร่อยไม่เหม็น ตับย่าง ย่างมาได้แบบกำลังดี ไม่แข็งจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้แดงแบบไม่สุก น้ำจิ้มหมูสเต๊ะรสชาติปกติ แต่อาจาดรสชาติเหมือนหั่นผักแล้วราดด้วยน้ำส้มสายชูธรรมดา ไม่ได้มีการปรุงรสชาติอะไรเพิ่มเติม ทำให้ไม่ถูกใจพวกเราสักเท่าไรครับ 

                 สำหรับร้านอาจิว อันนี้ชื่นชมพนักงานรับออเดอร์มาก เชียร์รายการอาหารเก่งจริงๆ แต่สำหรับรสชาติอาหาร ไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไรครับ เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เจอแกงส้มใส่ลูกชิ้นปลาและปลาหมึกสด น้ำแกงส้มเปรี้ยวโดดค่อนข้างมาก ผักที่ใส่มาตอนแรกนึกว่าเป็นไหลบัว แต่กลับเป็นสายบัวเลยครับ หมูมะกรูด เมนูนี้รสชาติดีครับ ติดเค็มไปสักนิด แต่อร่อย มีความเผ็ดคล้ายกระเพา แต่หอมใบมะกรูด เมนูตามสั่งอื่นๆ รสชาติทานได้ครับ ทั้งกระเพาหมู ผัดพริกกุ้งสด ใหญ่ซีอิ๊ว ไข่เจียวหมูสับ และหมูกระเทียม สำหรับความคุ้มค่า ราคาอาหารปกติครับ ไม่ได้ถูกหรือแพงจนเกินไป ประเด็นหลักที่ทำให้เราแปลกใจรอบที่สองหลังจากเจอลูกชิ้นปลาในแกงส้มก็คือ ตอนคิดเงินค่าอาหารครับ พนักงานคนเดิมแจ้งว่า ราคา 700 บาทถ้วนพอดี เราก็เลยขอถ่ายบิลไว้ตามปกติ พอเห็นบิล เออ ร้านนี้ปัดเศษขึ้นจาก 699 บาท เป็น 700 บาท คือปกติ จะมีแต่ 701-705 บาทแล้วทางร้านปัดราคาลงแล้วแจ้งว่า เก็บเงิน 700 บาทพอดี อันนี้ปัดขึ้น คือเงิน 1 บาท ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับการจ่าย แต่มีผลกระทบทางจิตใจครับ


ค่าเสียหายของร้านอาจิว

บทความที่ได้รับความนิยม