วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2566

Kifune Premium Restaurant.

                              

Cover

             ไม่ได้ออกไปทานร้านอาหารใหม่ๆ นอกบ้าน มานานพอสมควร ระหว่างที่นั่งดู youtube ไปเรื่อยเปื่อย เราก็มาพบกับรีวิวร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นร้านนึง ที่ราคาน่าคบหาและพิกัดอยู่ใน RCA ซึ่งไม่ไกลจากที่พักสักเท่าไร โดยตั้งใจว่าจะไปทานในราคา 699+ โดยสถานที่ตั้งน่าจะเป็นร้าน Kuroda เก่า และทางร้าน Kifune  เปิดทำการมาได้หลายปีแล้ว สามารถทานได้ 2 ชม. เปิดทำการในเวลา 11.00- 22.00 น. จึงคู่ควรต่อการไปลิ้มลองครับ

                 เป็นธรรมเนียมของเรากับแฟน นิยมที่จะมาใช้บริการในช่วงที่ร้านอาหารเพิ่งเปิดทำการเลย จะได้สามารถเลือกที่นั่งได้ตามอัธยาศัย และไม่ต้องมาแออัดกับลูกค้าจำนวนมาก และที่สำคัญอาหารจะได้รอไม่นาน ถ้าต้องรอนานก็แปลว่า ทางร้านทำอาหารช้าจริงๆครับ ไม่ใช่ว่ามีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมากทำให้ออกอาหารได้ช้า


ป้ายหน้าร้าน

บาร์ถ้วยน้ำจิ้ม และผักสด

เคาน์เตอร์ต้อนรับด้านหน้า

บริเวณตู้กดน้ำและน้ำแข็งใส

ขนมหวาน และผลไม้

บรรยากาศร้านด้านโซนขวา (โซนด้านซ้ายไม่ได้ไปถ่ายครับ)

โต๊ะมุมของเราในวันนี้

                    หลังจากเราเข้ามาภายในร้าน และทำการเลือกโต๊ะที่ถูกใจเรียบร้อยแล้ว น้องพนักงานก็จะเดินมาสอบถามว่า เรามีความประสงค์ที่จะรับประทานแบบ A la carte หรือสนใจแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งมีอยู่ 2 ราคา นั่นก็คือ 699+ กับ 999+ ยังไม่ทันที่เราจะดูรายการอาหารภายในเมนู ก็มาเจอกับแผ่นป้าย โปรโมชั่น ของบุฟเฟ่ต์ราคา 999+ ซึ่งทันทีที่แฟนเห็นเมนูปลาหิมะ 3 แบบ (สเต็ก/นึ่งซีอิ๊ว/ย่างเกลือ) เป้าหมายของเราก็เปลี่ยนไปทันที จัดบุฟเฟ่ต์ในราคา 999+ กันครับ


โปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ

เมนู

Buffet 999+

ใบสั่งอาหาร

ใบสั่งอาหาร


                    และในตอนแรกในใบกระดาษ จะเห็นว่ามีให้เลือกว่าจะทานชาบูหรือปิ้งย่าง ในขณะที่เรากำลังเถียงกันว่า จนได้ข้อสรุปว่า ปิ้งย่างก็ได้ น้องพนักงานก็น่ารัก แนะนำว่าเลือกทานทั้ง 2 แบบเลยไหมคะ อร่อยทั้ง 2 แบบค่ะ ทางเราจึงไม่รอช้า เอาตามที่น้องพนักงานแนะนำทันที ในส่วนของเมนูโปรโมชั่น ก็ให้ทำการเขียนเบอร์หมายเลขเพิ่มลงไป ตามด้วยจำนวนจานต่อด้านล่างของใบรายการอาหารได้เลยนะครับ โดยชุดแรก เราสองคนสั่งกันมาเบาๆ ลองทานกันก่อน ถ้าเมนูไหนไม่ถูกจริต จะได้ไม่เจ็บตัวกันเยอะครับ

                    



อุปกรณ์ในการทานอาหาร วาซาบิมาพร้อม

เตา 2 แบบ (เลือกน้ำซุปแบบน้ำดำ)

น้ำจิ้มพร้อม

                       หลังจากนั้นเมนูอาหารก็เริ่มทะยอยออกมาเสริฟ์กันอย่างต่อเนื่องครับ ใช้เวลาในการรออาหารแต่ละเมนูไม่นานเกิน 5 นาที เว้นเฉพาะเมนูขนมหวาน ซึ่งทางน้องพนักงานแจ้งแล้วว่า ใช้เวลาในการรอประมาณ 15 นาทีครับ

สันคอหมู+หมูสามชั้น

พรีเมี่ยม ซาซิมิเซ็ท (ฮามาจิ-มากุโร่-แซลมอน-หมึกทาโกะ-หอยปีกนก)

ปูอัดยำไทย

เริ่มลงมือ ปิ้งย่าง ต้มกันทันทีครับ

แซลมอน ปลาหมึก กุ้ง (โชยุซึเกะ)

กุงกังอิคุระ+เนงิโทโร่/กุงกังอิคุระ/ซูชิฮาลาบัท/ซูชิแซลมอนซอสเทริ/ซูชิแซลมอนซอสไซเคียว

คานิมิโสะ/หอยโฮตาเตะคานิมิโสะ

สเต็กปลาหิมะ

แซลมอนฮานะโรล

ย่างคานิมิโสะกันครับ

ขิงดอง

เครซี่แซลมอนโรล

ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว

กิมจะ+น้ำจิ้มซีฟู้ด

พรีเมี่ยมซาซิมิเซ็ท จานที่ 2

เตมากิปูอัด+ไข่กุ้ง

ปลาหิมะย่างเกลือ

เกี๊ยวซ่า

สเต็กปลาหิมะ 2 จาน (รอบ2)

ซารุโซบะ

ข้าวผัดมันปู

ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว จาน 3

ปลาฮาลิบัทนึ่งซีอิ๊ว

มาทีเดียวครบชุดนึ่งซีอิ๊ว

ขนมหวานในตู้เย็น

วุ้นในตู้เย็น

Croffle ทอปปิ้งด้วยไอศครีมนมฮอกไกโด ช็อคโกแลตและไอศครีมเห็ดทรัฟเฟิล

Croffle ไอศครีมนมฮอกไกโด


                        สรุปรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ เริ่มจากชาบูและปิ้งย่าง ด้วยเราสองคนไม่ทานเนื้อวัว จึงได้ลองเพียงหมูสันคอ และหมูสามชั้น โดยที่รสชาติและคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ปกติดี แต่ด้วยความที่มีหลากหลายเมนู A la carte ที่พร้อมทาน ให้เลือกสั่งค่อนข้างมาก เราสองคนจึงตัดสินใจทานกันแค่ที่สั่งมาลองชุดแรก แล้วหยุดการทานชาบูและปิ้งย่างครับ

                        ส่วนของเครื่องดื่มมีให้เลือกตามอัธยาศัยนะครับ มีตู้น้ำอัดลม น้ำหวานรสชาติต่างๆ และน้ำชาเขียวร้อนไว้ให้บริการ ลูกค้าสามารถเลือกทานกันเองได้เลย โดยส่วนตัว น้ำหวานรสชาติต่างๆ ค่อนข้างออกหวานนำครับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้ม yusu หรือจะเป็นน้ำเสาวรส 

                         ต่อด้วยเมนูปลาดิบ คุณภาพของเนื้อปลาอยู่ในเกณฑ์ปกติดีครับ แต่ที่ส่วนตัวรู้สึกว่าสดและอร่อยโดดเด่น จะเป็นปลาฮามาจิครับ เสียดายที่ไม่มีให้สั่งแบบแยกมาเมนูเดียว ต้องสั่งเป็นพรีเมียมเซ็ทถึงได้มาด้วย ในส่วนของเมนูยำ ทางร้านทำรสชาติมาได้เผ็ดแซบถึงใจ น้ำยำเค้าอร่อยครับ

                          ในส่วนของซูชิและกุงกัง รสชาติในเกณฑ์อร่อยปกติดีครับ ที่ชอบมากๆเป็นการส่วนตัวคือ ทางร้านทำมาแบบข้าวน้อย ไม่ได้อัดแน่นเน้นให้ลูกค้าทานแล้วอิ่มแบบจุกๆครับ ซูชิแบบโรลก็อร่อยดีครับ โดยเฉพาะแซลมอนเครซี่โรลแทบจะหาข้าวไม่เจอครับ รสสัมผัสด้านนอกของสาหร่ายก็มีความกรุบกรอบน้อยๆ กำลังดีของการทอดครับ

                       เมนูคานิมิโสะ รสชาติอร่อยปกติดีครับ แต่ที่อร่อยจนเกิดความคาดหมาย เป็นข้าวผัดมันปูครับ ผัดมาได้ร่วนกำลังดี ชามไม่ใหญ่มาก นำมาทานทอปปิ้งกับมันปูเข้าไปอีก ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดเบาๆ ทานกันแบบอร่อยเพลินๆเลยครับ ในส่วนของเกี๊ยวซ่าก็เป็นอีกเมนู ที่อร่อยมากกว่าที่คิดครับ แป้งกำลังดี ไม่หนาไม่บางจนเกินไป เนื้อไส้ด้านในปรุงรสชาติมาอร่อย ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็ได้ครับ

                         บะหมี่เย็นอยู่ในเกณฑ์ปกติครับ ทางร้านเสริฟ์มาแบบ คีบ 2-3 ทีก็หมดจาน ทำให้ไม่ตัดกำลังในการทานเมนูอื่นๆครับ ในส่วนของเมนูของดอง ไม่ว่าจะเป็นแซลมอน/ปลาหมึก/กุ้งที่มีการเบิร์นมาให้เล็กน้อย ตรงนี้ส่วนตัวรู้สึกไม่ค่อยชอบครับ รสชาติธรรมดา ติดไปทางเค็มของซีอิ๊วโดดเลย

                       สุดท้ายเมนูพระเอกของเรา ปลาหิมะทั้ง 3 แบบ ที่คิดว่าอร่อยที่สุด ขอยกให้แบบนึ่งซีอิ๊วครับ ที่สั่งมากี่จานก็ให้ความรู้สึกว่า อร่อยสดชื่น เนื้อปลานุ่มๆ เบาๆ มีความสดหวานๆ ใส่ปากแล้วละลาย ส่วนแบบสเต็กก็อร่อยในจานแรก แต่พอจานที่ 2-3 เริ่มเลี่ยนครับ มีน้ำมันมาในจานสเต็กค่อนข้างชัดเจน และในเนื้อปลาก็ฉ่ำไปด้วยน้ำมัน อร่อยนะครับแต่แอบเลี่ยน (แอบถามน้องพนักงานได้ความมาว่า ใช้เนยในการย่างครับ) สำหรับย่างเกลือเสริฟ์มาพร้อมกับมะนาวฝาน (ปกติร้านอื่นได้เป็นเลมอน อันนี้เป็นมะนาวก็อร่อยไปอีกแบบครับ) ก็รสชาติอร่อยปกติ ไม่เลี่ยนครับ ย่างมากำลังดี แต่ติดอยู่นิดเดียวครับ เนื้อปลาหิมะบางชิ้นก็มีก้างเล็กๆแฝงมาด้วยครับ เวลาทานควรระวังกันด้วยครับ เช่นเดียวกับปลาฮาลิบัทนึ่งซีอิ๊ว รสสัมผัสจะไม่ละลายเท่ากับปลาหิมะ แต่ก็มีความสดหวานอยู่ แต่ไม่มีก้างปลาติดมาเลยครับ ทานเพลินๆแปบเดียวหมดจานครับ

                     สำหรับเมนูของหวานนะครับ ผลไม้วันที่เราไปจะเป็นแตงโม ดูสีฉ่ำๆ น่าจะหวานชื่นใจครับ แต่ความสนใจไปอยู่ที่เมนูขนมถ้วยๆ ถ้วยที่หยิบหน้าตาคล้ายโมจิมีหลากหลายสี แฟนเลือกหยิบมาเป็นยูสุ  แป้งค่อนข้างแข็ง ราดด้วยน้ำยูสุ รสชาติปะแล่มๆ อีกถ้วยเป็นวุ้นยูสุ ทั้ง 2 อย่างที่หยิบมา ไม่ค่อยถูกจริตสักเท่าไรครับ ที่รู้สึกว่าชอบแล้วอร่อยจะเป็น Croffle เสริฟ์มาคู่กับไอศครีม เป็นแป้งครัวซองที่เสริฟ์มาในรูปของวาฟเฟิล ตัวแป้งเหนียวหนึบ ฉ่ำเนย มาแบบร้อนๆ ทานคู่กับไอศครีมเย็นๆ มีครัมเบิลพร้อมตกแต่งด้วยซอสชอคโกแลตและสตอเบอรี่ ทานรวมกันแล้วได้สัมผัสที่รู้สึกว่าหลากหลาย รสชาติหลายมิติ (ทำให้รู้สึกถึงคำพูดในรายการแข่งทำอาหารจริงๆ) สำหรับรสชาติไอศครีม เราสั่งมาแบบ 3 ลูกในจานเดียว ขนาดของลูกกำลังดีครับ เริ่มจากไอศครีมทรัฟเฟิล อันนี้ไม่ค่อยถูกจริตสักเท่าไร ต่อด้วยไอศครีมชอคโกแลต รสชาติมาแบบเข้มข้น ด้านในมีชอคชิฟ เป็นที่ถูกใจของแฟนมากๆ แต่สำหรับเรา รู้สึกว่าขมครับ เราชอบไอศครีมรสนมฮอกไกโดมากกว่า มีความหวานกลมกล่อม ทานคู่กบแป้ง Croflle แล้วเพลินมากๆ ต้องสั่งมาอีกจานกันเลยทีเดียว

                    สรุปความคุ้มค่าของอาหารมื้อนี้ เมื่อเทียบคุณภาพอาหาร ปริมาณอาหาร และความอร่อยที่ได้รับกับราคาค่าเสียหายที่จ่ายไป เราสองคนลงความเห็นตรงกันว่า คุ้มค่ากับการกลับมาทานซ้ำอีกรอบครับ ในราคาเท่านี ได้เมนูปลาหิมะที่ทานได้ไม่อั้น และที่ประทับใจมากๆ คือการบริการและความใส่ใจของน้องพนักงานแทบทุกคนครับ ปกติบางที่เราจะเจอน้องพนักงานที่บริการดีสัก 1-2 คน แต่สำหรับที่นี่ น้องพนักงานทุกคนให้บริการด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม มีคำแนะนำที่ดีตลอด เดินมาสอบถามพร้อมแนะนำว่า สนใจรับน้ำจิ้มซีฟู้ดหรือน้ำจิ้มสุกี้เพิ่มเติมหรือไม่ คอยสอบถามว่า ได้รับเมนูอาหารครบถ้วนหรือไม่ สามารถแจ้งให้น้องไปตามเช็คให้ได้ทันที คอยมาเก็บจานที่ทานหมดแล้วแทบจะทุกๆ 2-3 นาที (หรือทุกครั้งที่นำอาหารมาเสริฟ์เพิ่มเติม) คอยแนะนำเมนูขนมหวานเมื่อเราเริ่มนิ่งกับการสั่งอาหารกัน และที่สำคัญร้าน Kifune ไม่ได้มีการเก็บค่าบริการ Service Charge 10% นะครับ เรียกว่าน้องพนักงานบริการทำด้วยใจกันมากๆ เราสองคนจึงทำการทิปเพิ่มเติมลงไป เพื่อเป็นกำลังใจให้กับน้องๆทุกคนเพิ่มเติมครับ สุดท้ายร้าน Kifune ในราคาที่แจ้งเป็นราคาสำหรับเงินสดนะครับ สำหรับท่านใดที่ชำระผ่านบัตรเครดิต จะมีการชารจ์ 3% นะครับ ก็แอบงงๆ นิดนึง ทั้งๆที่ทางร้านก็มีเข้าร่วมโปรโมชั่นส่วนลดกับบัตรเครดิต แต่ก็มาแอบเดาเองว่า ทางร้านน่าจะไม่ได้ตั้งราคารวมค่าบริการบัตรเครดิตแต่แรกให้เป็นภาระกับผู้ใช้บริการเงินสดด้วย ท่านใดมีโอกาสผ่านมาก็ลองมาใช้บริการกันดูนะครับ


บิลค่าเสียหาย


บทความที่ได้รับความนิยม