วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Real Ichi - November 2019

                     สืบเนื่องจากคืนก่อน เราไปทานอาหารญี่ปุ่นกับแฟนที่ ร้าน Nippon Kai Market ในสยามพารากอน แล้วมีความรู้สึกว่า ไม่ค่อยสะใจ ถึงแม้คุณภาพอาหารจะโอเคดี แต่ด้วยปกติเป็นคนทานค่อนข้างเยอะ และราคาที่สมคุณภาพ ทำให้เราไม่สามารถสั่งอาหารได้ตามใจต้องการได้สักเท่าไร มิเช่นนั้น ค่าอาหารคืนนั้นอาจจะแตะเกินหลักหมื่นบาทเป็นแน่ มาในวันนี้เราจึงมาใช้บริการร้านอาหารญี่ปุ่นบุฟเฟ่ต์กันที่ร้าน Real Ichi อีกรอบครับ โดยวันนี้เลือกทานในราคา 899++

                       ตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่น ถ้าทานในราคา 899++ แล้วมา 4 ท่าน จะได้ส่วนลด 100 บาท และได้รับกุ้งมังกร 1 ตัวด้วยนะครับ พวกเรามาถึงร้านในเวลาประมาณบ่าย 2 โมงกว่า ทำให้ภายในร้านมีลูกค้ามาใช้บริการไม่ค่อยมาก หลังจากเลือกที่นั่งที่ถูกใจได้ และแจ้งราคาบุฟเฟ่ต์ที่ต้องการแล้ว น้องพนักงานก็จะนำรายการเมนู พร้อมกระดาษเขียนจำนวนอาหารมาให้เราทำการเลือกสั่งเช่นเคยครับ


เมนู

เมนู
                   เมนูอาหารก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิมสักเท่าไรนะครับ เราใช้เวลาในการสั่งไม่นาน ด้วยมีรายการอาหารที่ชื่นชอบกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว และเราก็ยังคงสั่งกันแบบตามเดิม คือเน้นสั่งอาหารที่พร้อมทาน ซูชิ ซาซิมิ โรล กันก่อน เมื่อทานจนใกล้จะหมด ถึงจะสั่งพวกปิ้งย่างมาทาน เพื่อความร้อนของไฟ จะได้ไม่กระทบความสดของเนื้อปลาเราครับ


รายการสั่งรอบแรกครับ

อุปกรณ์ในการทาน น้ำจิ้ม และเครื่องดื่มครับ

                  ชาเขียวรีฟิลก็มีให้เลือกทั้งแบบร้อนและแบบเย็นเช่นเดิมครับ โดยเรากับมิสเตอร์ทีเลือกแบบเย็น ท่านแม่เลือกแบบร้อนครับ หลังจากน้ั้น รายการอาหารก็เริ่มทะยอยนำออกมาเสิรฟ์ โดยเริ่มจากซุปมิโซะเช่นเคย


ซุปเต้าเจี้ยว

ปลาเงินทอด

ยำปลาหมึก

กุ้งเทมปุระ

ขิงดอง

ปลาจินดาระ ย่างซอสไซเกียว

สลัดปลาเงิน

ซาซิมิ

หอยนางรมเกาหลี

ซูชิ

แซลมอนโรล + แซลมอนฟัวกราโรล

สลัดปลาดิบสไปซี่

เบคอน

สันคอหมู+คอหมูต้นหอม+คอหมู

หอยเชลส์+ปลาหมึก+เบคอนพันเห็ดเข็มทอง

ปลาจินดาระ ย่างซอสไซเคียว

รายการสั่ง รอบ 2

เริ่มย่างกันครับ

ซาซิมิ ปลาฮามาจิ

แซลมอนฟัวกราโรล + แซลมอนโรล

พุดดิ้งผลไม้รวม

เนื้อแกะน้ำมันมะกอก

                      สำหรับรสชาติอาหารนะครับ เริ่มจากบรรดาซาซิมิทั้งหลาย ความอร่อยที่คุ้นเคย และก็ยังคงความสด อร่อยเช่นเดิม ยกเว้นปลาหมึกยักษ์ครับ มารอบนี้เหนียวมาก เคี้ยวกันยิ่งกว่าหมากฝรั่ง เคี้ยวจนแทบปวดกรามครับ แต่ที่ดีงามสุดๆวันนี้ขอยกให้กับ ปลาฮามาจิครับ อร่อยมาก ความเด้ง ความสด ยิ่งทานยิ่งเพลิน มาวันนี้แฟนไม่ได้มาด้วย พวกเราก็เลยไม่ได้เน้นสั่งแซลมอนสักเท่าไรครับ เอาแค่นิดๆหน่อยๆพอ แซลมอนดีลักซ์ หรือท้องแซลมอน ความอร่อยก็ยังคงเดิมครับ ทานแล้วละลายในปากเหมือนเดิม ส่วนปลาดิบรายการอื่นก็อร่อยเหมือนเดิมครับ หอยนางรมเกาหลี วันนี้รสชาติดีงามครับ ความสดหวาน อร่อยมาก อร่อยกว่าตอนไปกินที่ร้านอาหารจีนใกล้ะสพานซังฮี้ในราคาตัวละ 80 บาทอีก

                       ตามด้วย ซูชิครับ ก็สั่งมากันหลากหลายหน้า แต่ที่กลับมาอร่อยเหมือนเดิมคือ ซูชิหน้าเบคอนครับ เมื่อไม่นานมานี้ ทางร้านมีการเปลี่ยนแปลงการทำเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนยี่ห้อของเบคอนหรือว่า มีการเปลี่ยนสูตรอะไร เพราะรอบก่อนที่มา ยังคงทำซูชิเบคอนแบบยาวๆ ทำให้ไม่ค่อยอร่อยแบบที่เคยทาน แต่มาครั้งนี้ กลับมาเป็นแบบเดิมแล้วครับ เป็นแบบกลมๆ ความอร่อยดีงามมากๆ ท่านแม่ผู้ไม่ทานของดิบ ทานแล้วอร่อยติดใจ

                        ต่อด้วยบรรดาโรลทั้งหลายนะครับ ฟัวกราส์ให้ชิ้นมากำลังดี ถึงจะไม่ใหญ่สะใจ แต่ก็ไม่ได้เล็กแบบแค่เศษๆ บางๆ ยิ่งทานยิ่งอร่อยครับ ให้ความรู้สึกว่า ละลายในปากได้เป็นอย่างดี มีบ้างบางคำ ที่อโวาโดแอบเละไปหน่อย ทำให้แอบเลี่ยนเล็กน้อย แต่ไม่ค่อยมีผลกระทบกับเราสักเท่าไรครับ และอีกอย่างที่กลับมาดีงามแบบเดิม นั่นก็คือ ขิงดองครับ กลับมาเป็นรสชาติที่ชื่นชอบกันเป็นการส่วนตัวแล้ว

                        เมนูทอด ปลาเงินทอด และเทมปุระ ก็ยังคงความอร่อยไว้แบบเดิม สลัดก็อร่อยเหมือนเคย โดยเฉพาะเมนูปลาจินดาระ เป็นที่ถูกใจของท่านแม่เป็นอย่างมาก ทานคนเดียว 3 ชิ้นรวด จากนั้นเราก็เริ่มมาปิ้งย่างกันครับ ทันทีที่เราสั่งรายการของสดสำหรับปิ้งย่าง น้องพนักงานก็จะทำการเปิดเตา แล้วนำเตาถ่านมาตั้งที่โต๊ะนะครับ

                         เบคอนยังคงอร่อยแบบต่อเนื่องครับ รสชาติดีงาม เสียดายที่หอยเชลส์วันนี้รู้สึกว่าเละๆไปสักหน่อย กินแล้วไม่ค่อยอร่อยแบบเดิม ปลาหมึก คอหมู และสันคอหมู ก็รสชาติปกติดีครับ เมื่อท่านแม่และมิสเตอร์เริ่มอิ่มกันแล้ว เราจึงขอเปลี่ยนตะแกรงเพื่อทำการย่างของที่ทานคนเดียว นั่นก็คือ เนื้อแกะน้ำมันมะกอก ครับ ระหว่างย่างก็เริ่มได้กลิ่นสาปเล็กน้อยขึ้นมาตามปกติของเนื้อแกะ แต่เมื่อนำใส่ปาก กลิ่นกับยิ่งแรงมากขึ้น ทำให้รู้สึกว่า ทานไม่ได้ครับ ทั้งๆที่เป็นเมนูที่ชอบ แต่วันนี้กลับทานไม่ได้ครับ

                             ระหว่างรอเมนูของหวาน พุดดิ้งผลไม้รวม ก็มีเวลาสำรวจโต๊ะรอบข้างครับ ประมาณเกือบสี่โมงเย็นได้แล้ว ลูกค้าเริ่มหนาแน่นขึ้นมา ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาใช้บริการ จะเน้นทานปิ้งย่างกัน แล้วซาซิมิ ซูชิ เป็นของรอง กินแกล้มๆเฉยๆ แต่สำหรับครอบครัวเรา การทานซูชิ และซาซิมิเป็นของหลัก ปิ้งๆย่างๆ เป็นของรอง อันนี้คงต้องแล้วแต่ความชอบส่วนตัวของแต่ละท่านจริงๆครับ

                            สรุปรสชาติอาหารส่วนใหญ่ ก็เหมือนเดิมครับ ไม่ได้มีอะไรแปลกพิศดารเปลี่ยนแปลงมากมายสักเท่าไร เมื่อเทียบความคุ้มค่าของอาหารมื้อนี้ ในส่วนของราคาที่จ่าย กับปริมาณอาหาร คุณภาพอาหาร ความอร่อย ก็ยังคงต้องตอบว่า คุ้มค่าเช่นเคยครับ ร้าน Real Ichi เป็นร้านที่ครอบครัวเราให้คะแนนเป็นเอกฉันท์ว่า รักษามาตราฐานได้เป็นอย่างดีนะครับ ถึงแม้วันนี้ถั่วแระญี่ปุ่นจะหมด แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อจิตใจเท่าไร และยังคงเป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่น ร้านแรกๆ ที่พวกเรานึกเวลารู้สึกอยากทานอาหารญี่ปุ่นกันอยู่ครับ

ปล. มีหลังไมค์มาสอบถามว่า ถ้าไปทานอาหารกันแบบนี้ไม่นับปิ้งย่าง ที่ร้านเมื่อคืนที่เพิ่งไปทานมาในสยามพารากอน จะราคาประมาณเท่าไร คงต้องขอตอบว่า อาจจะเลยหนึ่งหมื่นห้าพันบาทได้ครับ ToT

บิลค่าเสียหาย

Nippon Kai Market

              วันเสาร์ที่ผ่านมา เรากับแฟนมีโอกาสได้ไปดูคอนเสิรต์พี่โบ สุนิตา กันที่สยามพารากอน หลังจากไปรับบัตรคอนเสิรต์แล้ว ก็ยังคงมีเวลาเหลือ จึงตัดสินใจหาอะไรทานกันดีกว่า ด้วยความที่เราอยากทานอาหารญี่ปุ่น และหลังจากการเดินวนหาร้านอาหารทานเป็นเวลานาน ประกอบกับแฟนแนะนำว่า ทานที่ร้าน Nippon Kai Market ไหม ใช้ได้นะ เพราะเคยมาทานกับที่บ้านแล้วเมื่อหลายปีก่อน และเราก็คงจะไม่ทานอะไรกันมากมายอยู่แล้ว คนละจานสองจานรองท้องก่อนไปดูคอนเสิรต์ก็เป็นข้อเสนอแนะที่ดีงามครับ 

Nippon Kai Market

โต๊ะนั่ง พร้อมอุปกรณ์ในการทาน

                   หลังจากเลือกที่นั่งได้เป็นที่เรียบร้อย น้องพนักงานก็จะนำเมนูมาให้เราทำการเลือกสั่งนะครับ เมนูเล่มค่อนข้างใหญ่ มีรายการอาหารให้เลือกหลากหลาย ตรงนี้ขอข้ามไม่ถ่ายรูปเมนูนะครับ เพราะไม่สะดวกในการวางบนโต๊ะแล้วถ่ายเลย ด้วยโต๊ะค่อนข้างเล็ก ไม่พอวางเมนูครับ หลังจากเปิดดูรายการกันสักพัก เลือกได้แล้ว ก็แจ้งกับน้องพนักงานได้เลยครับ เครื่องดื่มเราเลือกเป็นชาเขียวเย็นกันครับ ทางร้านให้บริการแบบรีฟิล เติมได้เรื่อยๆครับ ทั้งแบบร้อนและเย็น


ชาเขียวเย็น

                     จากนั้นใช้เวลาสักพักครับ กว่าอาหารจะนำออกมาเสิรฟ์ ถึงแม้ภายในร้านจะยังมีลูกค้าไม่ค่อยมาก แต่ทางร้านก็ใช้เวลาพอสมควรในการทำอาหารแต่ละเมนูออกมา น่าจะออกแนวพิถีพิถัน ค่อยๆทำนะครับ ตรงนี้เหมาะสำหรับลูกค้าที่ไม่เร่งรีบมาก ค่อยๆทานไปทีละเมนูครับ ถ้ารีบมากไม่แนะนำครับ เพราะอาจจะโมโหหิวหรือหงุดหงิดที่ต้องใช้เวลาในการรอคอยได้ครับ


ข้าวหน้าปลาดิบรวม

ซุปมิโสะ

ท้องปลาแซลม่อนย่าง

สไปซี่โรล

สไปซี่โรล

                สำหรับรสชาติอาหารตามความรู้สึกของเราสองคนนะครับ ขอเริ่มจากข้าวหน้าปลาดิบรวม ด้านบนใส่ปลาดิบรวมมาให้ในปริมาณเยอะพอสมควรนะครับ วางมาให้แบบพูนๆ จะติดอยู่ตรงที่ทานข้าวด้านล่างยากสักหน่อย แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ ถึงเราจะทานปลาดิบด้านบนเกือบหมด ข้าวด้านล่างก็มีโรยงา และปริมาณปลาดิบเพียงพอกับการทานคู่กับข้าวอย่างแน่นอน ความสดของปลาดิบอยู่ในระดับดีครับ เนื้อปลาสด หวาน ข้าวญี่ปุ่นอร่อยครับ หุงมากำลังดี ไม่เละหรือเหนียวจนเกินไป เคี้ยวง่าย คล่องคอครับ

               ซุปมิโสะรสชาติปกติ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ติดตรงที่นำมาเสิร์ฟแบบไม่ค่อยร้อนเท่าไร แนวอุ่นๆครับ ต่อด้วยท้องปลาแซลม่อนย่างซีอิ๊ว ทางร้านย่างออกมาได้ดีครับ สุกกำลังดี จะบีบเลมอน หรือทานเลยก็อร่อยครับ ชิ้นท้องปลาแซลม่อนหั่นออกมาให้ชิ้นใหญ่ หนาอยู่ครับ ทานนิดหน่อยกำลังดี เพราะจะเริ่มเลี่ยนจากน้ำมันปลาครับ

                 สุดท้ายสไปซี่โรล เป็นข้าวห่อโรลปูนิ่ม รสชาติทำออกมาได้ดีครับ น้ำซอสสไปซี่ราด รสชาติกลมกล่อมกำลังดี แป้งกรอบด้านล่างก็อร่อยครับ เนื้ออโวคาโดมาแบบแน่นๆ ไม่เละ ไม่เลี่ยน โดยเฉพาะวาซาบิ ทางร้านเลือกใช้ได้แบบดีงามครับ เผ็ดสะใจ ถูกใจคนชอบทานวาซาบิแน่นอนครับ และที่ชอบที่สุดก็คือ รสชาติน้ำชาครับ ทางร้านใช้ชาญี่ปุ่นเข้มข้นดีครับ ถึงแม้สีชาจะดูจืด แต่รสชาติไม่จืดจางเหมือนสีนะครับ สรุปความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับปริมาณอาหาร คุณภาพ และความอร่อยที่ได้รับแล้ว ก็ถือว่าไม่แพงนะครับ สมเหตุสมผลกับราคาที่จ่ายไปครับ และตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่น ชำระผ่านบัตร Citibank ได้รับส่วนลดค่าอาหาร 10% นะครับ


บิลค่าเสียหาย

ก๋วยจั๊บนายโจ (มิสเตอร์โจ) ถ.จันทน์

                   มื้อเช้าบางครั้งเราก็มีความรู้สึกอยากหาอะไรร้อนๆ ที่ทานง่ายๆ ใช้เวลาไม่นานในการทาน หลังจากคิดกันอยู่สักพัก ด้วยเคยสั่งก๋วยจั๊บมิสเตอร์โจ จากทาง Line man มาทานกันที่บ้านเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แล้วรู้สึกว่าไม่ทับใจเลย ทั้งๆที่เคยได้ยินหลายๆคนพูดกันว่าอร่อย วันนี้เราตัดสินใจขับรถไปทานกันที่ร้านเลยดีกว่า เผื่อว่าไปทานที่ร้านเอง อาจจะอร่อย ด้วยเป็นเช้าวันเสาร์ ทำให้รถไม่ค่อยติด และสามารถหาที่จอดรถที่แถวหน้าร้านได้ง่ายหน่อยครับ โดยแถวนี้จะจอดรถกันเป็นวันคู่วันคี่ครับ วันคี่จอดฝั่งร้าน วันคู่จอดฝั่งตรงข้ามร้าน

                     
หน้าร้าน

พนักงานหน้าร้าน

พนักงานด้านในร้าน

                    เมื่อเดินเข้ามาภายในร้าน ก็สามารถเลือกหาโต๊ะว่างได้ตามอัธยาศัยนะครับ ระหว่างทางเดินเข้ามาก็มองเห็นหมูกรอบหั่นวางเรียงไว้ในจาน แลดูน่าทานมากๆ ตั้งใจแล้วว่าต้องสั่งมาทานบ้างสักจาน
หลังจากนั่งเป็นที่เรียบร้อย พนักงานก็จะมารับรายการอาหารครับ


รายการอาหาร

นั่งรอพนักงานมารับรายการอาหาร

อุปกรณ์การทาน พร้อมเครื่องปุรงและน้ำชา

                  ถึงแม้ด้านหน้าร้านจะมีพนักงานไลน์แมน และอีกหลากหลายยี่ห้อ ที่ให้บริการซื้ออาหารกลับไปส่งให้ลูกค้ายืนเรียงรายกันอยู่ แต่เหมือนทางร้านจะมีการแบ่งแยกการทำงานได้เป็นอย่างดี ลูกค้าในร้านที่ทานที่่ร้านและสั่งซื้อกลับบ้าน ก็ไม่ต้องรอนานแต่อย่างใด รายการอาหารแรกที่จะมาเสริฟ์แทบจะทันทีที่สั่งก็ต้องเป็นหมูกรอบครับ ที่วางเรียงรายตอนเราเดินเข้ามา คือหมูกรอบที่ทางร้านเตรียมไว้สำหรับให้บริการลูกค้าภายในร้านในแบบทันท่วงที สั่งปุ๊บ เดินมาเสริฟ์ได้ทันใจครับ


หมูกรอบพร้อมน้ำซีอิ๊ว


หมูกรอบจิ้มซีอิ๊ว

หมูกรอบชิ้นหนาๆ

น้ำแข็งและน้ำชาจีนในกา

                     หมูกรอบออกมาเสริฟ์ก่อนน้ำแข็งอีกนะครับ จากนั้นก็ตามด้วยก๋วยจั๊บที่เราสั่งกันไปครับ ทางร้านมีให้บริการติ่มซำพวก ขนมจีบ ฮะเก๋าด้วยนะครับ แต่แอบเห็นว่าเป็นแบบถุงที่แช่แข็งนำมาอุ่น ก็เลยไม่เอาดีกว่าครับ สั่งหมูกรอบมาทานเพิ่มเป็นจานที่ 2 แทน


หมูกรอบจานที่ 2

ก๋วยจั๊บ หมูกรอบ ไส้ กระเพาะ

ก๋วยจั๊บทุกอย่าง

หนังหมู

เต้าหู้

                      สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ ที่ชอบที่สุดจะเป็นหมูกรอบครับ ทางร้านทอดออกมาได้ดีงามมากๆ ด้านบนส่วนของหนังกรุบกรอบ ไม่มีความเหนียวเลยแม้แต่น้อย ส่วนตัวเนื้อหมูกรอบก็นุ่ม หอม อร่อย ยิ่งกินยิ่งเพลิน สมควรแก่การสั่งมาทานเป็นจานที่สุด เพราะเมื่อหมูกรอบไปลอยอยู่ในน้ำซุปของเกาเหลา หรือก๋วยจั๊บแล้ว จะเริ่มนิ่ม และแอบเหนียวครับ

                         เส้นก๋วยจั๊บเหนียว หนึบ อร่อย ให้สัมผัสกำลังดี ไม่หนาจนเกินไป เคี้ยวง่าย ในส่วนของหนังหมูให้มาชิ้นใหญ่สะใจดีครับ เต้าหู้ก็นิ่มกำลังดี ส่วนของเครื่องใน กระเพาะหมู ไส้ และหัวใจ ทำมาสะอาดดีครับ แต่อย่างอื่นแอบมีกลิ่นเล็กน้อย ส่วนของน้ำซุป เป็นแบบพริกไทยเข้มข้น น้ำไม่ค่อยใสมาก รสชาติทานได้แบบแอบเค็มเล็กน้อย และทางร้านให้บริการแบบราคาเดียวครับ หมูกรอบก็จานละ 60 บาท ก๋วยจั๊บ เกาเหลา ก็ราคาเท่ากัน ไม่มีพิเศษ เราสั่งเกาเหลากลับไปฝากท่านแม่ที่บ้านอีก 2 ถุง (สั่งใส่ถุงกลับบ้าน ทางร้านจะบริการแยกน้ำซุปกับเครื่องให้เรียบร้อยนะครับ) รวมแล้ว ค่าเสียหายมื้อนี้อยู่ที่ 364 บาทครับ ( 4 บาท ค่าน้ำแข็งแก้วละ 2 บาท) สรุปความคุ้มค่า ถ้าเทียบกับปริมาณอาหาร คุณภาพ และรสชาติที่ได้รับ ถือว่าหมูกรอบคุ้มค่ามากๆครับ ส่วนอย่างอื่นทานได้ มีโอกาสหน้า จะต้องมาซื้อหมูกรอบทานอีกแน่นอนครับ

บทความที่ได้รับความนิยม