วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ร้านอาหารชาวเขื่อน-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

Cover

    ปกติถ้ามาเที่ยวหรือทำธุระแถวเขื่อนป่าสักฯ ครอบครัวเราจะมีร้านอาหารประจำ ที่จะใช้บริการทุกครั้งที่มา โดยร้านชาวเขื่อนจะอยู่ห่างจากเขื่อนป่าสักฯ ประมาณ 300 เมตร ในวันนี้เราก็โทรไปสอบถามก่อน ว่าเปิดให้บริการหรือเปล่า ทางร้านจะมีที่จอดรถให้บริการทั้งด้านหน้า และลานจอดรถด้านหลัง


ที่จอดรถด้านหน้า

โซนย่างปลา

ทางเข้าหน้าร้าน

              หลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อย เราก็เดินเข้าไปภายในตัวร้านอาหารกันครับ ด้วยเราถึงในเวลาประมาณบ่าย2โมงกว่า ทำให้ภายในร้านยังไม่ค่อยมีลูกค้ามาใช้บริการมาก เราจึงสามารถเลือกที่นั่งได้ตามอัธยาศัย


โต๊ะอาหาร

เมนูอาหาร

                  หลังจากที่เรานั่งเป็นที่เรียบร้อย น้องพนักงานก็นำเมนู มาให้เราเลือกสั่งอาหารกันครับ ใช้เวลาไม่นาน รายการอาหารที่สั่ง ก็เริ่มทะยอยนำออกมาเสริฟ์ครับ 


แปบเดียว เต็มโต๊ะ

มะเขือยาวย่าง

ปลาช่อนเผาเกลือ

ยอดอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอย

ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม

น้ำจิ้ม

กบทอดกระเทียม

ส้มตำปลาร้า

                 สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ เริ่มจากเมนูปลาช่อนเผาเกลือ เนื้อปลามีความสด หวาน เด้ง ทานคู่กับผักแบบมะเขือยาวย่าง อร่อยแบบไม่ต้องใช้น้ำจิ้มเลยครับ ต่อด้วยเมนูปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ทางร้านทอดออกมาได้ดีงามมากครับ ผิวสัมผัสด้านนอกกรุบกรอบ เนื้อปลาด้านในหวาน เผลอแปบเดียว ปลาก็หมดเกลี้ยงทั้งสองตัวครับ

                 กบทอดกระเทียม เป็นอีกเมนูที่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนครับ ทางร้านทอดออกมาดีครับ ด้านในยังคงมีความนุ่มของเนื้อกบ ไม่ได้แห้งจนติดกระดูก หรือเหนียวแต่อย่างใด ต่อด้วยเมนูยอดอ่อนผัดน้ำมันหอย มาถึงเขื่อนป่าสักฯ เมนูที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่นของที่นี่ ทานร้านผัดออกมาได้ดีครับ ออกเค็มเล็กน้อย เนื้อสัมผัสของผัก ไม่เหนียว

               ปิดท้ายด้วยเมนูส้มตำปลาร้า ด้วยเราสองคนชอบเส้นมะละกอแบบสับ มากกว่าแบบขูด จึงไม่ค่อยถูกใจเมนูนี้สักเท่าไรครับ แต่ทางร้านก็ปรุงรสชาติออกมาได้อร่อยปกติดีครับ

               สรุปความคุ้มค่า เมื่อเทียบราคาค่าอาหารกับปริมาณ คุณภาพ และความอร่อยที่ได้รับ เราสองคนลงความเห็นตรงกันว่า คุ้มค่าครับ มีโอกาสหน้าก็ยังคงอยากจะกลับมาทานอีกครับ จริงๆยังมีเมนูผัดเผ็ด ผัดฉ่า และต้มยำ ที่สั่งเป็นประจำ แต่ด้วยมากันสองคน จึงทานกันไหวแค่นี้ครับ


บิลค่าเสียหาย


วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

The Winter Loft เขาค้อ

                            

Cover


                              ในช่วงสิ้นปี ทริปนอนดูดาว ดูหมอกที่เขาค้อ เป็นอีกทริปที่เราสองคนคิดถึง เพราะเคยจัดกันมาแล้วเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้จัดกันอีกเลยตั้งแต่โควิด มาในปีนี้ จึงอยากตามกระแส การนอนในเต็นท์โดม ที่สามารถมองดูดาวได้จากที่นอนเลย และเพียงแค่เราสองคนพูดคุยกันถึงหัวข้อนี้กันบนรถ ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที เฟสบุ๊คก็ไม่รอช้า รายชื่อที่พักแนวนี้ก็แสดงขึ้นมาจำนวนมาก มากันแบบไม่ขาดสาย (โฆษณาได้ไวปานแสง ไม่รู้จะขอบคุณหรือจะกังวล ในความน่ากลัวของการดักฟังจากเฟสบุ๊คก่อนดี)

                            หลังจากทำการโทรสอบถามที่พักมา 2-3 ที่ เราสองคนก็ได้ตัดสินใจจองพร้อมโอนเงินเต็มจำนวนไปกับที่ The Winter Loft เขาค้อ (3,400 บาท) โดยทำการจองผ่านทางเฟสบุ๊คนั่นเอง โดยที่พักมีห้องพักทั้งหมด 5 ห้อง ในวันที่เราจองยังว่างทุกห้อง ทางที่พักแนะนำห้อง เบอร์5 ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ริมสุดด้านใน ก่อนวันเดินทาง ทำการสอบถามอุณหภูมิกับทางที่พักกันก่อน จะได้เตรียมตัวถูก ได้ความว่า ช่วงนี้อากาศกลางวันค่อนข้างร้อน แต่ถ้าเป็นช่วงค่ำๆ ก็มีความเย็นสบายอยู่ และวันเดินทางก็มาถึงครับ

                                  พวกเราสักการะวัดผาซ่อนแก้ว และไปพักผ่อนที่ Pino Latte เสร็จเรียบร้อยในเวลาประมาณบ่าย 3 โมงกว่าๆ จึงตั้งใจว่ามุ่งหน้าเข้าที่พักเลยดีกว่า จะได้มีเวลาถ่ายรูปเล่นกัน และจะได้ไม่ต้องขับลงเขาในช่วงไม่มีแสงอาทิตย์ การเดินทางจาก Pino Latte มายังที่พัก ใช้เวลาประมาณเกือบๆ 35 นาที ความตื่นเต้นแรกที่ได้รับคือ ทางเข้าของที่พักครับ ที่พักจะใช้ทางเข้าขับลงเนินแบบหักศอก อยู่ริมถนน ซึ่งมีป้ายบอกทาง ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถมองเห็นได้นะครับ เมื่อขับลงมาถึงที่พัก เราก็จะพบกับห้องพัก 5 ห้อง ที่เรียงรายกันอยู่


The Winter Loft

Lobby ที่ติดต่อรับกุญแจห้องพัก

                 เมื่อมาถึงที่พัก เราก็เข้าใจเลยทีเดียวว่า ทำไมที่พักถึงบอกว่า เราไม่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกได้ เพราะที่พักเราอยู่ต่ำกว่าถนนทางเข้าลงมา ด้านหน้าหันเข้าถนน ทางที่พักแนะนำว่า ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ที่จุดชมวิวไปรษณีย์เขาค้อ แต่เราสองคนคิดกันแล้วว่า ค่อนข้างอันตรายที่จะขับรถออกจากที่นี่ในเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ครับ เพราะเส้นทางออกจากที่พักถ้าขับในความมืด ไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไร หลังจากได้รับกุญแจกันแล้ว เราก็เริ่มเดินทางไปยังห้องพักของเรากันครับ (ระหว่างที่เราเริ่มขนสัมภาระ ก็มีรถของลูกค้ากลุ่มนึงเข้ามาครับ และทั้งกลุ่มได้ทำการจองห้องพักอีก 4 ห้องที่เหลือหมด เท่ากับว่า ทั้งที่พักมีกลุ่มที่เหมา 4 ห้อง กับเราสองคน)


ทางเดินไปยังห้องพัก

สนามเล็กๆติดกับที่จอดรถ

ถนนทางเข้ามายังที่พัก

ถนนเดินหน้าห้องพัก

ด้านหน้าของที่พัก จะเห็นเส้นทางที่ต้องขับขึ้นไปยังถนน

                 ทางที่พักมีให้บริการน้ำแข็งฟรีตลอด และมีถังน้ำแข็งให้เราสามารถตักนำไปทานที่ห้องพักได้เลย และภายในห้องพักก็ยังคงมีรองเท้าแตะแบบฟองน้ำ ไว้ให้ใช้ด้วยครับ แต่ไม่แนะนำให้ใส่เดินออกมานอกบริเวณห้องพักสักเท่าไร เพราะรองเท้าไม่สามารถทนกับหินที่โรยตรงทางเดินหน้าห้องพักได้มากนะครับ แทงทะลุถึงเนื้อเท้ากันเลยทีเดียว เหมือนเหมาะให้ใช้เวลาไปห้องน้ำอย่างเดียวครับ


ห้องพักของเราคืนนี้

ห้องน้ำ

ด้านในเต็นท์โดม

ฟูกที่นอนอยู่กลางโดม

โต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็ก

ด้านหน้าโดมสามารถเปิดดูได้

                 ภายในเต็นท์โดม ห้องพักมีความสะอาด มีให้บริการเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น พร้อมพัดลมปรับอากาศด้านบนที่นอน ฟูกที่นอนวางอยู่ตรงกลางโดม มีโต๊ะญี่ปุ่นให้นั่งทานน้ำ พร้อมๆกับรับชมบรรยากาศธรรมาชาติด้านนอกได้ และด้านหน้าของโดม จะเป็นโต๊ะพร้อมเก้าอี้ สำหรับไว้ทานอาหาร มีหลังคากันน้ำค้าง กันแดด พร้อมถังขยะไว้ด้านหน้า

                    ทางที่พักมีให้บริการอาหารเย็น สามารถสั่งล่วงหน้าได้จนถึงเวลา 18.30 น. นะครับ เพราะทางที่พักต้องออกไปซื้อด้านนอกมาให้เราครับ โดยเราสองคนได้สั่งเป็นเซ็ทหมูกะทะชุดใหญ่ กับส้มตำปลาร้า 1 จาน โดยเราแจ้งเวลาเริ่มทานไว้ที่ประมาณหกโมงเย็น พอถึงเวลา น้องพนักงานก็นำเตาถ่าน พร้อมชุดหมูกะทะ มาส่ง และช่วยจุดเตาถ่านให้ก่อนไปครับ (ชำระค่าอาหาร ณ เวลารับอาหารเลยนะครับ)


ส้มตำปลาร้า

ชุดหมูกะทะ ชุดใหญ่

บิลค่าอาหาร

เริ่มลงมือย่างกันครับ

บรรยากาศยามค่ำคืน

ห้องของเราก็แยกออกมาเล็กน้อย


ด้านนอกมองเข้าไปในโดมเห็นชัดเจน

                   สำหรับความรู้สึกส่วนตัวของการเข้าพักของเราสองคนในครั้งนี้นะครับ โดยส่วนตัว ไม่ค่อยนิยมห้องพักที่ไม่มีห้องน้ำในตัว เพราะด้วยอายุ และอะไรหลายๆอย่าง การมีห้องน้ำในห้องพัก ค่อนข้างจะสะดวกในการแต่งตัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนออกมา ไหนจะการลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึก แต่ในครั้งนี้เป็นข้อยกเว้นเลย คิดว่าเป็นการเปิดประสพการณ์ สำหรับที่นี่ห้องน้ำสะอาดครับ เพียงแต่ว่าเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ส่งผลให้ภายในห้องน้ำ จะมีน้องแมลงเข้ามาเยี่ยมเยียนกันเป็นระยะๆ ด้านหน้ามีหลอดไฟที่อ่างล้างหน้า ก็จะมีน้องแมลงมาเล่นแสงไฟ จะเดินเข้าออกประตูห้องน้ำก็ต้องระวังน้องบินใส่หน้า ใส่หัวครับ
     
                เช่นเดียวกับการเข้าออกห้องพัก เราควรที่จะต้องรีบเปิดแล้วปิดประตูด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่น้องยุงตัวใหญ่ๆ จะหลุดเข้าไปนอนกับเรา ยุงจะมีค่อนข้างมากในช่วงเย็นจนถึงประมาณสองทุ่มก็เริ่มลดปริมาณลงครับ (ในช่วงที่เราทานอาหารกันอยู่ด้านนอก ทางที่พัก นำยากันยุงมาจุดให้ ก็เลยไม่แน่ใจว่า ที่ลดลงเป็นเพราะยากันยุง หรือว่าเป็นช่วงเวลาค่ำแล้ว ยุงไปพักผ่อนกันหมด)

                  อาหารเย็นของเราในค่ำคืนนี้ คุณภาพดีนะครับ อาหารมีความสด น้ำจิ้มก็อร่อย ค่อยๆย่างทานกันสองคนไปเรื่อยๆ มีสายลมพัดมาบ้างเป็นระยะ อากาศดีครับ ให้ความรู้สึกว่า เราได้พักผ่อนร่างกายและจิตใจ หลบหนีฝุ่นละอองจากกรุงเทพฯได้เป็นอย่างดี

                 หลังทานอาหารกันเป็นที่เรียบร้อย เราสองคนก็กลับเข้ามานั่งในโดม หวังว่าจะชมดาวกับดื่มด่ำบรรยากาศด้านนอกผ่านทางห้องพัก จะเห็นว่า ถ้าภายในโดมเปิดแสงไฟไว้ ด้านนอกจะมองเข้าไปได้อย่างชัดเจน ถ้าเราอยู่ในโดม จะมองไม่เห็นอะไรด้านนอกเลยครับ ต้องปิดไฟในโดมครับ แต่ก็จะมีละอองน้ำที่เกาะอยู่ด้านนอกโดม สรุปก็คือ ไม่สามารถชมอะไรได้ครับ 
  
                   สำหรับสถานที่พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ เต็นท์โดมไม่ได้มีการเก็บเสียงมากแต่อย่างใด จึงไม่มีให้บริการทีวีนะครับ ถ้าไม่นับเปิดเพลงกับเล่นมือถือ ก็จะเป็นการดี ที่เราจะได้ใช้ชีวิตแบบพูดคุยกัน อยู่ร่วมกันแบบสโลว์ไลฟ์จริงๆครับ ก่อนเข้าพักทางที่พักมีแจ้งแล้วว่า ห้ามส่งเสียงดังหลัง 22.00 น. 

                  ในเวลากลางคืนหลังสี่ทุ่ม อาจเป็นเพราะเราอยู่ใกล้ถนน ทำให้เราสองคนได้ยินเสียงรถวิ่งกันเป็นระยะ รถยนต์บ้าง มอเตอร์ไซด์บ้าง แทบจะยันเช้าครับ ทางที่พักมีให้บริการพัดลมปรับอากาศวางไว้ที่หัวฟูกนอน ช่วยได้มากเลยครับ ระหว่างที่เรานอน จะมีแมลงตัวเล็กๆ คอยมาตอมหน้า จึงควรที่จะเปิดเพื่อปัดแมลงออกไปครับ

                   ทางที่พักมีให้บริการอาหารเช้า ตั้งแต่เวลา 7.30น. โดยรวมในราคาที่พักเรียบร้อย แต่ด้วยเราสองคนตื่นแต่เช้า และไม่รู้จะทำอะไรอีก จึงเก็บข้าวของเสร็จกันตั้งแต่ 6.20 น. (พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว มองถนนทางออกได้แบบชัดเจน) จึงตัดสินใจทิ้งอาหารเช้าแล้วออกจากที่พักไปชมทะเลหมอกกันที่จุดชมวิวเขาค้อกันครับ 

               สรุปห้องพักมีความสะอาด ห้องน้ำก็สะอาดครับ น้องพนักงานก็น่ารักบริการดี อาหารเย็นอร่อย ที่พักเหมาะสำหรับคนที่ต้องการมาพักผ่อนแบบจริงจัง ไม่เน้นกิจกรรมอะไรในที่พัก มุมถ่ายรูปเล่นอาจจะมีไม่เยอะมาก และเหมาะสำหรับคนที่ชอบที่นอนสไตล์มูจิ (ฟูกบนพื้น แต่สำหรับเราสองคน รู้สึกว่า เข่าเริ่มไม่ไหวครับ จะลุกขึ้นแต่ละที นิยมแบบมีเตียงมากกว่า)

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ร้าน...พิษณุโลกสองแคว

                         

Cover

              เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ไปสักการะพระพุทธชินราชที่จังหวัดพิษณุโลก ในช่วงเวลาประมาณสิบโมง จึงตั้งใจออกไปหาร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา แถววัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ระยะทางห่างจากวัดประมาณ 300 เมตร เมื่อไปถึงก็ต้องตกใจว่า มีร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาหลายร้านเปิดให้บริการอยู่ติดๆกันเลยครับ สามารถเลือกใช้บริการได้ตามอัธยาศัยครับ  

                      เราสองคนเลือกทานกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ร้าน...พิษณุโลกสองแคว ด้วยเป็นร้านแรกที่ถึงถ้าขับรถออกมาจากวัดครับ ทางร้านมีที่จอดรถไว้ให้บริการด้านข้างของร้านฯ มีพนักงานคอยโบกรถให้เข้าไปจอดตั้งแต่แต่ริมถนน เรียกว่าพร้อมให้บริการตลอดเวลาครับ


หน้าร้าน

                   หลังจอดรถเป็นทีเรียบร้อย ก็สามารถเลือกโต๊ะนั่งทานได้ตามอัธยาศัยครับ มีที่ให้นั่งห้อยขาทั้ง2ฝั่ง ซ้าย-ขวา พวกเราเลือกนั่งในส่วนที่มีโซนปรุงอาหารครับ เพราะคิดเองว่า น่าจะมีพนักงานพร้อมให้บริการมากกว่าอีกฝั่ง


ที่จำหน่ายของฝาก


โซนปรุงอาหารและเครื่องดื่ม


โต๊ะสำหรับนั่งทานแบบห้อยขา

                     บนโต๊ะจะมีรายการอาหารบนกระดาษ วางบริการไว้พร้อม ให้ลูกค้าเขียนเลือกเส้น จำนวนชาม แล้วก็ส่งให้กับน้องพนักงานได้เลยครับ โดยอย่าลืมระบุเลขโต๊ะไว้ด้วยนะครับ


ใบรายการอาหาร

              หลังจากส่งใบรายการอาหารเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นก็เป็นเวลานั่งรอก๋วยเตี๋ยวกันครับ ทางร้านใช้เวลาในการปรุงอาหารพอสมควร ด้วยเราสองคนซื้อกาแฟโบราณมาจากร้านค้าข้างวัดแล้ว จึงไม่ได้สั่งเครื่องดื่มจากทางร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาครับ หลังจากใช้เวลารอประมาณ 10กว่านาที อาหารก็เริ่มทะยอยนำออกมาเสริฟ์ครับ


แคปหมู

เส้นหมี่น้ำตก พิเศษ

เส้นหมี่น้ำตก ธรรมดา

เส้นหมี่ ต้มยำ ธรรมดา

       

                       สรุปรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ เริ่มจากแคปหมู มีความกรุบกรอบกำลังดี ไม่มีเหม็นหืน ในส่วนของน้ำตก เราสองคนรู้สึกว่ารสชาติยังไม่ค่อยเข้มข้นสักเท่าไรครับ เป็นแนวแบบรสชาติอ่อนๆครับ เนื้อหมูมีความนุ่มละมุนดี ลวกเส้นออกมาได้กำลังดี  สำหรับเส้นหมี่ต้มยำโบราณ เมนูนี้ส่วนตัวชอบรสชาติมากกว่าน้ำตกครับ 

                    สรุปความคุ้มค่าของอาหารมื้อนี้ในราคา 182 บาท เทียบกับคุณภาพอาหารและปริมาณอาหารที่ได้รับในวันนี้ ก็นับว่าคุ้มค่าอยู่ครับ แต่ไม่ได้ถึงกับว่า ถ้ามาพิษณุโลกแล้ว ต้องมุ่งหน้ามาทานขนาดนั้นครับ แต่ถ้าผ่านมาแถวนี้ ก็ยังยินดีกลับมาทานซ้ำครับ



วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

นายบอย ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา รสเด็ด

                        ด้วยวันเสาร์ที่ผ่านมา มีทริปพิเศษที่สวนสนุกดรีมเวิลด์ ซึ่งเวลานัดหมายก็คือ 10.00 น. เป็นเวลาที่สวนสนุกเปิดทำการ ไม่ได้มาเส้นคลองรังสิตนาน หลังจากที่เราแวะไปใช้บริการ ร้านกาแฟชายทุ่ง ที่พิกัดแถวคลอง 5 แล้ว ก็เลือกร้านก๋วยเตี๋ยวเรือสักร้าน ที่อยู่ใกล้กับดรีมเวิลด์ และเราก็เจอร้านนายบอย ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา 


หน้าร้าน

                ด้านหน้าร้านมีลานจอดรถไว้ให้บริการ สามารถเลือกจอดได้ตามอัธยาศัย หลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อย ก็เดินเข้าไปภายในร้านกันครับ ด้านขวามือจะเป็นโซนผักสด ให้ตักหยิบได้ตามชอบ ข้างๆกันจะเป็นชามที่ใส่แคปหมูเรียงรายไว้พร้อม


ด้านหน้าร้าน

โซนก๋วยเตี๋ยว

บรรยากาศภายในร้าน

เลือกโต๊ะนั่งกันตามอัธยาศัย

                 หลังจากเลือกโต๊ะกันได้เรียบร้อย ก็สามารถเขียนกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ สั่งรายการอาหารกันได้เลยครับ ทางร้านมีป้ายแนะนำไว้พร้อม ว่าสามารถระบุได้เลย ว่าต้องการชามธรรมดา 15 บาท หรือชามพิเศษ 40 บาท และสามารถระบุความเผ็ดได้อีกด้วย หลังจากเขียนรายการอาหารส่งไป ก็ใช้เวลาไม่นาน ก๋วยเตี๋ยวก็เริ่มทะยอยนำออกมาเสริฟ์กันครับ


แคปหมู

ขนมถ้วย

แคปหมู หมูกระจก กากหมู

น้ำแข็ง

เส้นหมี่น้ำตกหมู

เส้นเล็กแห้งตกหมู

เส้นเล็กแห้งตกหมูไม่ใส่ผัก

                 เราสองคนเริ่มจากชามธรรมดา มาลองทานกันก่อนครับ ปริมาณอาหารสำหรับ 15 บาท เรียกได้ว่าสมเหตุสมผล ไม่ได้ให้น้อยจนเกินไป ในส่วนของรสชาติอาหาร อยู่ในเกณฑ์ปกติครับ พริกมีความเผ็ดร้อน น้ำตกก็มีความเข้มข้น แคปหมู กากหมู และหมูกระจก มีความกรุบกรอบอร่อยดี เนื้อหมูสดก็มีความนุ่มไม่แห้งกระด้าง                     

                   ขนมถ้วยก็มาแบบร้อนๆ รสชาติไม่หวานมาก จำหน่ายในราคาคู่ละ 8 บาท แต่ส่วนตัวรู้สึกว่า ขนมถ้วยแอบเละไปเล็กน้อย เหมือนยังเซ็ทตัวไม่เรียบร้อย

                    สรุปความคุ้มค่าสำหรับอาหารมื้อนี้ นับว่าคุ้มค่ากับราคาค่าเสียหายที่จ่ายไปครับ ที่สำคัญพิกัดอยู่ใกล้กับดรีมเวิลด์ ทานเสร็จ ขับไปที่ดรีมเวิลด์ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที ก็ถึงแล้วครับ

บทความที่ได้รับความนิยม