วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Hi Scene Resort สวนผึ้ง

                 ทริปนี้ตั้งใจที่จะพาแฟนไปฉลองครบรอบ 1 ปี ที่คบกันมา ในตอนแรกตั้งใจจะไปที่อีสาน โดยเลือกจะไปเส้นทางทำบุญ นครพนม-สกลนคร-อุดรธานี ต่อด้วยไปประเทศลาว แต่ด้วยมวลน้ำที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ถนนหลายเส้นขาด และน้ำท่วมค่อนข้างหนัก เราเลยเปลี่ยนแผน ว่าจะไปเหนือ แต่ก็ต้องได้รับข่าวมรสุมและน้ำท่วมอีกเช่นกัน ตัดสินใจจะลงใต้ ก็ตามด้วยข่าวมรสุมพัดผ่านทางใต้ 

              สุดท้ายจึงตัดสินใจที่จะเลือกที่พักใกล้กรุงเทพ การเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของเราทั้ง 2 คน ที่ผ่านมาเพิ่งจะไปทะเลกันไม่นาน จึงตัดสินใจไปที่สวนผึ้ง ในช่วงปลายฝนต้นหนาว จะได้สัมผัสอากาศเย็นสบาย ท่ามกลางภูเขา สำหรับการเลือกที่พัก มีความตั้งใจอยากได้ที่พักบ้านเป็นหลัง มีอ่างอาบน้ำ และมีดาดฟ้าด้านบน สำหรับชมดาวตอนกลางคืน หลังจากคัดเลือกอยู่นาน เราก็ทำการตัดสินใจจองที่พักที่ Hi Scene Resort 



ป้ายทางเข้าที่พัก

วิวด้านหน้าที่พัก

ป้ายทางเข้า

ทางเข้าไปยังส่วนรีสอร์ท

Lobby ของที่พัก

ทางเข้าไปติดต่อห้องพัก

วิวด้านหน้าที่พัก ภายในรีสอร์ต

ที่ติดต่อห้องพัก





                   หลังจากทำการติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ แจ้งชื่อที่ทำการจอง และชำระเงินส่วนที่เหลือ ทางที่พักจะให้เราทำการมัดจำค่ากุญแจห้องในราคา 500 บาท จากนั้นจะมีน้องพนักงานขับรถกอลฟ์นำทางเราไปยังที่บ้านพัก โดยบ้านพักที่นี่จะทำการวางตำแหน่งให้เหลื่อมกันตามแนวความสูง เพื่อที่จะสามารถชมทิวทัศน์ทางด้านหน้าได้ทุกหลัง เมื่อสอบถามถึงอาหารเช้า ซึ่งตอนแรกในเว็บจะแจ้งว่า มีนำมาเสริฟ์ที่บ้านทุกหลัง ซึ่งเราสามารถเลือกทานที่ด้านบนของที่พักได้ แต่ทางน้องพนักงานแจ้งว่า เนื่องจากมีแขกมาพักเต็มทุกหลัง ทำให้อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ และจะให้บริการที่บริเวณห้องอาหาร ในเวลา 07.00-10.00 น.

                 วันนี้เราจองบ้านพัก มาร์ซี่ โดยทางเจ้าหน้าที่แจ้งตั้งแต่ตอนจองว่า สามารถนำรถจอดที่บริเวณหน้าบ้านพักได้ แต่เนื่องจากที่จอดรถของบ้านพักของเรา มีบ้านพักหลังถัดไปข้างๆ นำรถมาจอดไว้ก่อนแล้ว ทำให้เราต้องนำรถมาจอดที่ด้านหลังที่พักแทน ซึ่งจะเป็นเหตุของปัญหาในช่วงเย็นที่จะกล่าวอีกทีนะครับ

                   
จอดรถที่ด้านหลังของที่พัก

ด้านหลังของที่พัก จะมีทางขึ้นไปชั้นดาดฟ้า

ภาพด้านหน้าที่พัก

สระว่ายน้ำ ที่กำลังมีการวางของซ่อมแซม


ด้านหน้าของที่พัก มีเก้าอี้ให้นั่งเล่น

เก้าอี้ด้านหน้าที่พัก มีให้ทั้งสองฝั่ง ซ้าย-ขวา

ทางขึ้นไปยังดาดฟ้า

วิวจากด้านบนของหลังคาบ้าน

ด้านบนมีเก้าอี้ให้นั่งชมวิว

บรรยากาศด้านบน เหมาะสำหรับมานั่งชมดาว



            หลังจากสำรวจบ้านพักข้างนอกแล้ว ต่อไปเราก็จะทำการเข้าไปดูภายในบ้านพัก ซึ่งที่นี่ใช้เป็นกุญแจหลักเพียงดอกเดียวในการเปิดเข้าไปในบ้านพัก ไม่ต้องใช้คีย์การ์ดในการเสียบใช้ไฟ สามารถเปิดปิดไฟ ภายในบ้านพักอย่างอิสระ ที่นี่มีปลั๊กไฟให้บริการประมาณ 4 รู ซึ่งน่าจะพอเพียงสำหรับแขกผู้มาพัก 2 ท่าน

             เมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้านพัก สิ่งแรกที่เราจะทำเป็นนิสัยก็คือ ทดลองล็อคประตูห้อง และสำรวจความปลอดภัยของประตู แล้วก็ต้องพบว่า โซ่ที่ใช้ล็อคภายในบ้านพัก ไม่สามารถคล้องได้ จึงหยิบโทรศัพท์ภายในขึ้นมา ว่าจะโทรไปสอบถามทางล็อบบี้ แล้วก็ต้องพบว่า โทรศัพท์ใช้การไม่ได้ ทั้งๆที่มีการเสียบสายโทรศัพท์ไว้เรียบร้อย ทำให้ต้องใช้มือถือโทรไปแจ้งกับทางที่พัก ได้ความว่า สายโทรศัพท์มีปัญหาทั้งรีสอร์ต สำหรับประตู จะรีบส่งน้องพนักงานมาตรวจสอบให้ เวลาผ่านไปประมาณเกือบ 10 นาที น้องพนักงานก็เข้ามาแจ้งว่าล็อคได้ปกติ แต่หมายถึงการล็อคด้วยลูกบิด 

           ทางเราจึงแจ้งว่า โซ่ที่ใช้ล็อคมีปัญหา มันไม่สามารถล็อคคล้องถึง ทางพนักงานแจ้งว่า ไม่ทราบว่าเกิดจากปัญหาอะไร แต่ไม่ต้องใช้หรอก ทางเราก็ถึงกับนิ่งไปหลายวินาที เพราะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย หมายความว่า ด้านนอกใช้แค่กุญแจธรรมดา ก็สามารถไขเข้ามาภายในบ้านพักได้เลย น้องพนักงานแจ้งว่าที่นี่ปลอดภัยมาก มีกล้องวงจรปิดภายในรีสอร์ต เราถามถึงจุดที่วางกล้อง คือมีการวางกล้องไว้ที่ประตูด้านหลังที่ใช้เปิดนี่หรือเปล่า คำตอบคือไม่มี และยังยืนยันว่า ที่นี่มีการรักษาความปลอดภัยดี คนภายนอกที่ไม่ได้พักที่นี่ ไม่สามารถเข้ามาได้ มีพนักงานเฝ้าประตูใหญ่ทางเข้าตลอดเวลา
และบ้านพักที่นี่เต็มแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนบ้านพักหลังอื่นได้ ก็คือต้องทำใจพักที่นี่ และหวังเอาเองว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น







              
            เมื่อจบปัญหาเรื่องการล็อคประตู เราก็เริ่มทำการสำรวจภายในห้องพักกันครับ ภายในห้องพักจะมีบริการทีวี LCD พร้อมเครื่องเล่น DVD และกล่องสัญญานทีวี มีผ้าม่าน 2 ชั้น มีโซฟานั่งเล่นด้านข้างพร้อมหมอนจำนวนมาก การตกแต่งภายในดูสวย สบายตา เตียงนอนปูผ้าสีขาวสะอาด วางผ้าเช็ดตัวพร้อมผ้าเช็ดผมไว้บนเตียง เครื่องปรับอากาศทำงานปกติ มีบริการไดร์เป่าผม ตู้เย็น พร้อมน้ำดื่ม 2 ขวด และมีกาแฟ โอวัลติน วางบริการพร้อมกาต้มน้ำร้อน ที่นี่อาจจะไม่มีสายดิน เพราะไปสัมผัสเลื่อนมุมองศาทีวีแล้วโดนไฟดูด









             จากนั้นเราก็เข้าไปดูในส่วนของห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เราเลือกเข้าพักบริการที่นี่ แล้วก็ต้องตกตะลึง กับภายในห้องน้ำ ก่อนเปิดไฟในห้องน้ำ ทุกอย่างก็ดูดี เหมือนกับที่เราดูในเว็บ มีอ่างอาบน้ำ พร้อมที่อาบน้ำด้านบน มีบริการชักโครก
















                   และเมื่อทำการเปิดไฟห้องน้ำ ก็ต้องพบว่า ห้องน้ำที่นี่ไม่ค่อยสะอาด และรู้สึกถึงความไม่เรียบร้อยของอุปกรณ์ในการใช้งาน เร่ิ่มตั้งแต่ก๊อกน้ำ ที่เวลาเปิดต้องใช้ความระมัดระวังว่า จะหลุดติดมือเราออกมาหรือเปล่า กระจกมองก็เปื้อนรอยอะไรสักอย่างเด่นชัด ด้านล่างของอ่างล้างหน้า ก็มีการซ่อมแซม โดยยังไม่ได้ปกปิดรอยอะไรเลย

               ผ้าเช็ดเท้าในห้องน้ำ เปียกโชกตั้งแต่ก่อนเราใช้งาน เมื่อนำผ้าเช็ดตัวเข้ามาเก็บไว้ในห้องน้ำ ก็ต้องพบว่า ผ้าเช็ดตัวสีออกหม่นมาก เนื่องจากไฟในส่วนที่นอนเป็นสีส้ม เลยทำให้ตอนแรกดูเหมือนขาวสะอาด ส่วนอ่างอาบน้ำที่เราตั้งใจเลือกที่พักที่นี่ เพื่อมาใช้งาน ก็ต้องตกตะลึงกับคราบที่มีไม่ใช่น้อย เรียกว่าเห็นแล้วไม่กล้าใช้ครับ สำหรับผ้าม่านที่เป็นพลาสติกในห้องน้ำ ทำมาได้แบบพอดีมาก เรียกว่าถ้าขึ้นไปยืนอาบน้ำด้านบนในอ่างอาบน้ำ ด้านนอกนี่มองเห็นเราข้างในกันแบบชัดเจนทีเดียว จะดึงมาปิดฝั่งที่อาบน้ำ คนที่เดินไปมาในบริเวณฝั่งอ่างล้างหน้า ข้างนอกก็จะมองเห็นอีกเช่นกัน เป็นการอาบน้ำที่ตื่นเต้นในระดับหนึ่งเลยทีเดียว







               หลังจากสำรวจห้องพักแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวในจิตใจไประดับนึง จึงเดินขึ้นไปด้านบนของบ้านพัก ไปนั่งชมวิวเพื่อผ่อนคลายจิตใจ และทำใจกับบ้านพักที่ได้รับ ผิดหวังครับกับราคาบ้านพักที่เสียไป ที่พักอันดับแรกคือความสะอาดและความปลอดภัย แต่วิวด้านบนก็สวย และอากาศลมเย็นๆพัดมา ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาบ้างที่มาเลือกพักที่นี่ 

               เมื่อกลับลงมาด้านล่าง เปิดผ้าม่านด้านหน้าของบ้านพักก็พบกับแมลงตัวน้อยๆ เกาะอยู่ที่ประตูกระจก ที่นี่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติมากในระดับนึงเลยครับ มีแมลงต่างๆอยู่มากมาย ทั้งมดและยุงก็เช่นกัน ในส่วนของห้องน้ำนี่ มากันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะมด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามาได้อย่างไร แต่มีมาเต็ม 

               






               เมื่อใกล้เวลาอาหารเย็น เราจึงตัดสินใจที่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปหาอะไรทานกันนอกที่พัก แวะซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เบาๆเย็นๆ มาจิบกันคืนนี้ระหว่างนอนชมดาวด้านบน แล้วก็ต้องพบปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้น นั่นคือ สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเบาๆ รถของเราที่จอดหลังบ้านที่พัก ไม่สามารถขับได้ครับ เพราะพื้นที่จอดคือพื้นหญ้าและเมื่อมีสายฝนโปรยลงมา ทำให้ดินลื่นไม่สามารถขับรถได้ โชคยังดีที่เราไม่เชื่อน้องพนักงานคนแรกที่พามาจอด บอกว่าให้จอดตรงด้านข้างที่พัก ที่เป็นพื้นหญ้าลาดลงไปเบื่องล่าง ถ้าจอดตรงนั้น ป่านนี้รถอาจจะไหลลงไปก็เป็นได้

              สายฝนเริ่มตกหนักขึ้น ประกอบกับความหิวเริ่มมามากขึ้น เราจึงโทรไปขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ ได้ความว่า ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรอฝนหยุดตก และพื้นดินแห้ง ถึงจะนำรถขึ้นมาจากพื้นหญ้าที่เปียกและลื่นเช่นนี้ได้ ภายในรีสอร์ตไม่มีบริการร้านอาหาร มีเพียงเมนูให้เราโทรสั่งจากร้านภายนอกเข้ามาส่ง ระหว่างนั่งเปิดดูเมนูอาหารภายในบ้านพัก ก็มีเสียงคนเคาะประตู ประตูที่นี่ไม่มีตาแมวให้ส่องนะครับว่าใครมาเคาะ แถมที่โซ่คล้องประตูก็ยังใช้การไม่ได้ สรุปต้องเสี่ยงเปิดแง้มเอาเองครับว่าใครเคาะ

                   ปรากฏว่า แฟนทำเซอร์ไพรส์สั่งพายผลไม้จองไว้ล่วงหน้ากับทางที่พัก ตั้งแต่ 1 วันก่อนออกเดินทาง เป็นความรู้สึกประทับใจมากๆครับ เรียกว่ารอดตายแล้ว มีอาหารเย็นให้ทานกันล่ะ ความดีใจยังไม่ทันจะจางหาย ขณะหยิบไฟแช็คจะมาจุดเทียนที่พายผลไม้ ไฟในห้องก็ดับลงสนิท ในใจตอนแรก ที่พักจัดทำเซอร์ไพรส์ให้มั้ง แต่ความจริงคือ ไฟดับทั้งรีสอร์ตครับ 

                     ต้องขอบคุณมือถือสมัยนี้ ที่มีเทคโนโลยี มีไฟฉายให้ใช้งาน เราจึงได้ฉลองครบรอบ 1 ปี ภายใต้แสงเทียนกันอย่างแท้จริง ระหว่างที่กำลังทานพายผลไม้กันบนเตียง ก็มีเสียงเคาะประตูอีกรอบนึง เมื่อเปิดออกไป ก็พบกับพนักงาน นำเทียนมาให้ 3 อัน พร้อมจานรองเทียน เราจึงถามว่า ไฟดับนานไหม ทางพนักงานแจ้งว่า ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง และเพิ่มเติมว่า ที่นี่ไม่เคยไฟดับมาก่อน





              เวลาผ่านไปประมาณ 30 กว่านาที ไฟก็มา ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ โดยก่อนจะนอนแฟนได้ทำการย้ายโต๊ะพร้อมสัมภาระมากั้นประตูไว้เพื่อความปลอดภัยในการนอนหลับของเรา ที่นี่เตียงนอนนุ่ม หลับสบายยันเช้า ลืมตาตื่นขึ้นมา สัมผัสกับอากาศเย็น เมื่อเปิดประตูหน้าที่พัก ก็พบว่า พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น พร้อมหมอกจางๆ ที่ก่อตัวจากฝนตกหนักเมื่อคืน ทำให้รีบลุกจากเตียงนอน ออกไปถ่ายรูปยามเช้า ที่ด้านบนของบ้านพัก และกลับมานอนดูวิวส่วนตัวบนเตียง


























                หลังชื่นชมบรรยากาศยามเช้า ประกอบกับเมื่อคืนไม่ได้ทานอาหารเย็น เราจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องอาหาร เพื่อทานอาหารเช้า มีบริการขนมปัง แฮม ไส้กรอก ไข่ดาว ข้าวต้มหมูสับวุ้นเส้น ข้าวผัด สลัดผัก และผลไม้สดบริการ พร้อมชา กาแฟ น้ำส้ม ที่ประทับใจมากๆ คือ ผลมัลเบอร์รี่ (ลูกหม่อน) รสชาติหวานอร่อย มีให้ทานเยอะมาก




















               หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็กลับไปนอนพักที่บ้านพัก รอเวลาที่นัดหมายกับทางเจ้าหน้าที่รีสอร์ต เพื่อทำการนำรถออกจากบริเวณพื้นหญ้าที่ลื่น ใช้เวลาประมาณเกือบ 15 นาที เราก็สามารถนำรถออกจากบริเวณดังกล่าว และย้ายไปจอดด้านบน เวลาประมาณเที่ยงเราจึงทำการเช็คเอ๊าท์ออกจากที่พัก ขณะที่สายฝนก็เริ่มโปรยปรายอีกครั้ง 

                    สรุป ที่พัก Hi Scene Resort เป็นที่พักที่น่าสนใจอีกแห่ง ที่อยู่ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพ ใช้เวลาขับรถเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในสวนผึ้ง ที่พักมีวิวที่สวย บรรยากาศดี มีความสงบและสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ติดตรงที่ความสะอาดและความเรียบร้อยของอุปกรณ์ในห้องพัก ที่ควรเร่งปรับปรุงเพิ่ม และแก้ไขให้ใช้การได้เป็นปกติ รวมถึงการวางอุปกรณ์ก่อสร้างบริเวณสระว่ายน้ำ ทำลายวิสัยทัศน์ในการชมวิวของแขกที่มาพัก และยังอาจก่อให้เกิดอันตรายในขณะเข้าพัก ถ้ามีโอกาสไปสวนผึ้ง ที่นี่ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการกลับมาพักอีกครั้ง แต่คงขอดูอ่างอาบน้ำก่อนที่จะเสียเงินเข้าพัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม