วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561

ร้านครัวบางตะบูน (ลุงญา) - Updated

           ทุกครั้งที่มีการเดินทางผ่านมาทางเส้นเพชรบุรี หัวหิน สิ่งที่ต้องมีอยู่ในโปรแกรมการเดินทางก็จะเป็นการตั้งเป้าหมายมากินอาหารกันที่ร้านครัวบางตะบูน (ลุงญา) ตามปกติทางร้านจะเปิดให้บริการเวลาประมาณ 10 โมง เราจึงเลือกที่จะไม่เดินทางออกจากที่พักเช้านัก เพื่อที่จะได้มาถึงร้านอาหารพอดีเวลาเพิ่งเปิดร้าน เพื่อความสะดวกในการทานอาหาร ที่ไม่ต้องพบกับลูกค้าจำนวนค่อนข้างเยอะในช่วงเที่ยง

           จุดสังเกตุเด่นชัด ป้ายลานจอดรถจองทางร้านจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางร้านอาหาร โดยที่ทางร้านจะมีให้บริการที่จอดรถไว้ค่อนข้างเพียงพอเลยทีเดียวครับ สามารถจอดได้หลายสิบคัน จะเป็นรถบัส รถทัวร์ ก็สามารถจอดได้แบบไม่มีปัญหา 


ป้ายที่จอดรถ เห็นชัดเจน

ลานจอดรถกว้างขวาง

ร้านอาหารจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับลานจอดรถ


                  เมื่อเดินข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้าม จะเห็นว่าตลอดทางที่เดินเข้าไปถึงในส่วนของร้านอาหาร จะมีร้านค้าเล็กๆ ตั้งโต๊ะขายของฝากให้เราเลือกซื้อกันหลากหลาย และหลายๆท่านก็จะนิยมซื้อเนื้อปูม้าที่แกะสำเร็จแล้ว อยู่ในกล่อง โดยราคาก็จะอยู่ที่ ไซด์เล็ก กล่องละ 450 บาท / ไซด์ใหญ่ กล่องละ 650 บาท ถ้าเทียบปริมาณระหว่างร้านด้านนอกที่ขาย กับทานในร้านอาหาร ก็ย่อมเป็นธรรมดาครับ ที่ซื้อร้านข้างหน้า ราคาจะถูกกว่าทานในร้านอาหารเล็กน้อย

                       สำหรับร้านขายขนมก็มีน่าสนใจหลายรายการเลยครับ ที่ชอบกันเป็นการส่วนตัวจะเป็นขนมถ้วยใบชะคราม ที่รสชาติกลมกล่อม ไม่หวานจนเกินไป กล้วยไข่เชื่อม รสชาติดีครับ แต่ถ้าวันไหนเจอกล้วยสุกมากไปนิด อาจจะเละและทำให้รสชาติหวานโดดออกมาบ้าง และขนมสาคูครับ ที่ใส่ในถ้วยเล็กๆ เป็นสาคูคลุกกับมะพร้าวอ่อน รสชาติออกเค็มๆหวานๆ ทานแล้วอร่อยดีครับ โดยขนมทุกรายการ คุณลุงคุณป้าที่ขายบอกว่า สามารถเก็บไว้ได้ถึง 10 โมงเช้าอีกวันนึงเลยทีเดียว แต่กลางคืนต้องเข้าตู้เย็นนะครับ

                      ร้านขายขนมข้าวตู ซึ่งหาร้านอร่อยได้ไม่ง่ายนัก ที่นี่ก็มีจำหน่ายในราคาไม่แพง เพียงกล่องละ 20 บาท อีกทั้งมีร้านขายของฝาก กุ้งแห้ง ปลาแห้ง น้ำตาลปี๊บ หลากหลายรายการ รวมถึงมีลูกจากเชื่อมบรรจุใส่แก้วแช่เย็นเจี๊ยบไว้บริการให้ซื้อแล้วทานได้ทันทีด้วยนะครับ


ทางเดินเข้าไปในซอยร้านครัวบางตะบูน

ร้านขายใบชะคราม และชมพู่

ร้านขายของแห้ง

ร้านขายขนมข้าวตู

ร้านขายผลไม้ดอง

ร้านขนมถ้วยใบชะคราม และกล้วยไข่เชื่อม

ร้านขายน้ำตาลโตนด ใบชะคราม ไข่เค็ม และรังนก

ร้านจำหน่ายปูม้าต้ม กั้ง และอาหารทะเลแห้งหลากหลายรายการ

นั่งแกะปูม้านึ่งกันสดๆ

ร้านขายน้ำตาลโตนด และกะปิ



                   เรียกว่า กว่าเราจะเดินเข้าไปถึงในส่วนของร้านอาหาร รับรองว่าจะต้องได้ชอปปิ้งซื้อข้าวของติดไม้ติดมือกันมาบ้าง หรืออาจจะเล็งๆไว้ก่อน แล้วค่อยออกมาซื้อตอนทานอาหารเสร็จ แต่อยากจะแนะนำนะครับ สำหรับเมนูอาหารทะเลที่พร้อมทาน ควรจะทำการซื้อไว้ก่อนเลย จะฝากไว้ ค่อยเดินมาเอาตอนขากลับก็ได้ เพราะหลายครั้ง เดินกลับออกมาแล้ว กล่องที่เราเล็งๆเอาไว้ จะอันตราธานหายไปได้นะครับ

                   
ส่วนด้านหน้าของร้านอาหาร

โซนที่นั่งด้านซ้าย

โซนที่นั่งด้านขวา

ปูทะเลไข่นึ่ง และขนมสาเกเชื่อม

                หลังจากเข้ามาถึงภายในตัวร้านแล้ว เนื่องด้วยเรามาในเวลาที่ร้านเพิ่งเปิดทำการไม่นาน ทำให้สามารถเลือกที่นั่งได้ตามอัธยาศัย และเราก็เลือกที่นั่งริมน้ำ วิวที่นี่อาจจะไม่สวยงามมาก แต่ก็ยังได้รับลมที่พัดมาจากทางทะเล เป็นระยะๆครับ อันดับแรก เราก็สั่งเครื่องดื่มกันก่อนเลย ด้วยแสงแดดที่ร้อนระอุค่อนข้างมาก น้ำมะพร้าวเย็นเจี๊ยบ ชื่นใจสุดๆครับ ที่นี่เสริฟ์กันทั้งลูก พร้อมช้อนให้ตักเนื้อมะพร้าวทานได้

             
อุปกรณ์การทานอาหารพร้อม

น้ำแข็ง 1 กระติก พร้อมน้ำเปล่าขวดใหญ่

น้ำมะพร้าวเย็นเจี๊ยบชื่นใจ


                  หลังจากนั้นก็จะเป็นเวลาในการสั่งอาหารครับ ด้วยเราได้ทำการสั่งซื้อปูม้าจากทางด้านหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว เราจึงไม่สั่งเมนูปูกันในวันนี้นะครับ โดยปกติ อาหารที่นี่ก็ใช้เวลาในการทำไม่นาน นอกจากว่า จะมีลูกค้าแน่นร้านจำนวนมาก แต่ในวันนี้ทางเรา มีรายการอาหารตกหล่น 2 รายการ คือ ทอดมันปลา กับ ปลาทูทอดน้ำปลา ที่ออกมาช้าหลังรายการอื่นๆค่อนข้างมาก


หอยหลอดผัดฉ่า

น้ำพริกไข่ปู

ปลาหมึกผัดกะปิ

ข้าวผัดปูจานใหญ่

ต้มยำปลาทู

หอยเสียบผัดฉ่า

ปลาทูทอดน้ำปลา

ทอดมันปลา
 
                
                  รสชาติอาหารในวันนี้ไม่ค่อยประทับใจหลายรายการครับ ขอแบ่งเป็นอาหารที่รสชาติยังคงเดิม เหมือนแบบเดิมที่เคยทาน ก็จะเป็นน้ำพริกไข่ปู ทานคู่กับผักสดและใบชะคราม รายการนี้รสชาติน้ำพริกไข่ปูยังคงเข้มข้น รสจัด สัมผัสได้ถึงไข่ปูแบบเป็นก้อนมากันเลย และทอดมันปลา ที่ยังคงเป็นรสชาติแบบเดิมๆ เนื้อทอดมันมาแบบนุ่ม เด้งด้านใน แต่ด้วยอาหารออกมาช้ามาก ทำให้เราต้องห่อกลับบ้านแบบเกือบเต็มจาน

                  ข้าวผัดปู จานนี้รสชาติข้าวผัดแปลกไปจากเดิมครับ อร่อยน้อยลง ข้าวร่วนแบบเดิม แต่เนื้อปูมีน้อยลง แต่ในครั้งนี้มีเศษเปลือกปูมากกว่าเดิม เรียกว่า ต้องทานด้วยความระมัดระวัง มีสติในการทานแต่ละคำ ถ้าเผลอเคี้ยวแรงๆไปล่ะก็ อาจจะมีการฟันแตกกันได้เลยครับ

                  จานที่ค่อนข้างจะมีปัญหาก็คือ ผัดฉ่าหอยหลอดครับ ตอนแรกที่นำมาเสริฟ์เราก็ดีใจที่   โอ้ว... รอบนี้ได้หอยหลอดตัวใหญ่จังเลย น่าอร่อย แต่พอได้ชิม คือเหม็นคาวค่อนข้างมาก และออกแนวเหมือนหอยมันไม่สุกเลย กัดเข้าไปสัมผัสได้ถึงรสชาติของน้ำในตัวหอยค่อนข้างมาก เลยขอให้ทางร้านเอาไปผัดให้ใหม่อีกรอบ และกลับออกมา ก็ยังคงเดิม น้ำในจานผัดฉ่าหายไปหมด แต่ตัวหอยก็ยังเป็นแบบเดิม เลยเปลี่ยนลองสั่งเมนู หอยเสียบผัดฉ่าแทน หอยเสียบมาโอเคครับ ไม่มีคาว แต่รสชาติผัดฉ่า ก็ยังไม่ใช่รสชาติกลมกล่อมแบบเดิมที่เคยทานกัน เรียกว่า รสชาติเผ็ดโดดจัดออกมาเด่นมาก

                   จานต่อมา ที่เราเคยประทับใจกันสุดๆ เมนูปลาหมึกผัดกะปิ แต่มาในวันนี้ ปลาหมึกออกแนวไม่สุกอีกเช่นกันครับ ต้องขอบอกก่อนเลยว่า ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบทานปลาหมึกแบบไม่ต้องสุกแห้ง เรียกว่าย่างพอสุกๆ ให้ได้สัมผัสความนุ่มของเนื้อปลาหมึก ก็อร่อยแล้ว แต่นี้เคี้ยวแล้วรู้สึกได้เลยว่า มันไม่สุก เราก็เลยขอให้ทางร้านนำไปผัดให้ใหม่ โดยน้องพนักงานก็แจ้งว่า ปลาหมึกผัดเป็นแบบนี้พี่ อันนี้น่ะสุกแล้วนะ เอาสุกกว่านี้ก็ต้องเอาไปต้มแล้วล่ะ แต่เราก็ยืนยันให้นำไปผัดใหม่ พอกลับมา อาการเดิมครับ คือปลาหมึกยังคงดึ๋ยๆ 

                   ปลาทูทอดน้ำปลา เหมือนไม่ใช่ปลาทูที่เพิ่งทอดทำขายใหม่ในวันนี้ ทั้งๆที่เรารอเมนูนี้นานค่อนข้างมาก ต้มยำปลาทู รสชาติพอทานได้

                      การกลับมาทานร้านในดวงใจในครั้งนี้ ค่อนข้างผิดหวังเป็นอย่างมากเลยครับ จนรู้สึกว่า ครั้งหน้าถ้าผ่านมาแถวนี้ คงจะไปลองทานร้านอาหารร้านอื่นยังน่าจะดีกว่าเยอะ เพราะหลายเมนูที่ชื่นชอบเปลี่ยนไปมากครับ


  
ค่าเสียหาย




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม