วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

เจ๊ไข่ซีฟู้ด และ The Hatch By J'Khai

Cover

                      

                         เหมือนเช่นเคยครับ แฟนดูรายการ Youtube ช่องนึง พาไปทานอาหารทะเลย่านประชาชื่น ได้เห็นกุ้งแม่น้ำเผาตัวโตๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มรสแซบ กิเลสมาเต็มครับ อยากไปลองทานบ้าง และประกอบกับร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ด เป็นร้านที่เราเคยไปทานสมัยเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ร้านไม่ได้อยู่ไกลจากที่พัก รสชาติก็โอเคดีครับ ก็เลยจัดแจงโทรไปสอบถามกับทางร้านกันก่อน ว่าเมนู "หอยตลับเพชร" ที่เค้าว่ากันว่า หากินได้แค่ตามช่วงฤดูกาล และกำลังจะหมดในเดือนพฤษภาคม ยังมีอยู่หรือไม่

                          ทางร้านเปิดให้บริการในเวลา 10.00 น. พวกเราจึงมุ่งหน้าไปในเวลาร้านเพิ่งเปิดแบบเดิม เพราะจะได้เลือกโต๊ะนั่งที่ถูกจริต และรออาหารไม่น่าจะนาน สำหรับที่จอดรถ มีที่จอดในซอยก่อนถึงร้านแต่เรามาในเวลาเช้า จึงสามารถจอดที่ริมถนนหน้าร้านได้ครับ


บรรยากาศหน้าร้าน

หน้าร้านมีหม้อต้มอยู่

บรรยากาศหน้าร้าน

บรรยากาศภายในร้าน

ชั้นวางเครื่องดื่ม

อ่างล้างมือ

                     ด้วยพวกเรามีผู้สูงอายุมาด้วย จึงเลือกที่จะนั่งโต๊ะที่มีเก้าอี้ไม้ยาว สะดวกในการนั่งแบบไม่ต้องห้อยขามาก หลังจากได้ที่นั่งแล้ว น้องพนักงานก็นำเมนูมาให้เราเลือกสั่งอาหารกันครับ ทางร้านมีเมนูให้เลือกค่อนข้างเยอะ เรามากัน 3 คน จึงสั่งไปไม่มาก เอามาชิมกันก่อน และในตอนแรกแฟนตั้งใจจะสั่งกุ้งแม่น้ำเผามาทานกันเลย แต่ราคาค่าตัวของน้องกุ้งแม่น้ำเผาก็ไม่ใช่น้อย ถ้าสั่งมาแล้วรสชาติน้ำจิ้มซีฟู้ดไม่ถูกจริต จะรู้สึกว่าไม่คุ้มเลย จึงเลือกที่จะสั่งเป็นเมนูอื่นมาลองกันก่อน ถ้าน้ำจิ้มเด็ดจริงแล้วค่อยสั่งกุ้งแม่น้ำเผาก็ยังไม่สาย นั่นคือสิ่งที่คิดกันมาจากบ้านครับ แฟนจึงเลือกสั่งหอยแครงเผา แต่ปรากฏว่า หอยแครงยังไม่มาส่ง ก็เลยตัดสินใจขอน้ำจิ้มซีฟู้ดมาชิมก่อน จากนั้นใช้เวลาไม่นานครับ อาหารก็เริ่มทะยอยออกมาเสริฟ์


ชาอู่หลงร้อน

จาน ช้อน ส้อม

น้ำเปล่า

ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว

หมึกไข่เน้นๆ

ปลารากกล้วยทอด

หมึกไข่นึ่งมะนาว

หอยตลับเพชรผัดฉ่า

ห่อยจ๊อ

ผัดผักบุ้งฝอยไฟแดง

หอยเชลส์ระเบิด

เอ็นหอยผัดฉ่า

ขนมจีนน้ำยาปู

น้ำยาปู มีปูครับ

กระเบื้องทะเล

ไส้ด้านในกระเบื้องทะเล

ขาหมูสามรส

น้ำจิ้มขาหมู

ผัดหมี่กระเฉด


                               สำหรับเครื่องดื่มชาร้อน ในตอนแรก พวกเราคิดกันเองว่า น่าจะมาแบบกาสแตนเลสใหญ่ เหมือนตามห้องอาหารจีนทั่วไป แต่ที่นี่เสริฟ์มาแบบกาน้อยน่ารัก จึงยกให้ท่านแม่ทั้งกา แล้วเราสองคนสั่งน้ำเปล่ามาทานเพิ่ม (เป็นความผิดของเราเองครับ ที่ไม่สังเกตุเห็นว่า ประตูกระจกที่ต่อกับร้านเจ๊ไข่ก็คือร้าน Bakery เครื่องดื่มและขนมเค้กจะมาจากทางฝั่งนั้นครับ จึงเป็นธรรมดาที่จะได้กาน้อยน่ารัก ตามสไตล์ของร้าน Coffee shop)

                                    สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสามคนนะครับ เริ่มจากปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว มากันแบบหม้อไฟร้อน เป็นอะไรที่รสชาติครบรส จัดจ้าน แต่ไม่ได้เผ็ดมาก สามารถซดน้ำซุปได้แบบโล่งคอ ตัวปลาหมึกไข่ก็มาแบบสด กรุบกรอบ อร่อยมากๆครับ ต่อด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด ไม่ได้เป็นรสชาติที่ถูกจริตแฟน เราจึงไม่สั่งกุ้งแม่น้ำเผากันครับ

                                     จานต่อมา ปลารากกล้วยทอด เมนูนี้ทางร้านทำออกมาได้ดีอีกเช่นเดิม ทอดมาได้กรอบกำลังดี ทานไป 2-3 ตัว แฟนถึงกับต้องขอสั่งข้าวเปล่ามา 1 จาน และหอยตลับเพชรผัดน้ำพริกเผาก็ตามมาติดๆ สำหรับพวกเรานะครับ รสชาติผัดน้ำพริกเผาไม่ได้เข้มข้นสักเท่าไร ตัวเนื้อสัมผัสของหอยตลับเพชรก็ค่อนข้างธรรมดา ไม่ได้แตกต่างจากหอยลาย หอยตลับ สักเท่าไรเลย ไม่รู้สึกถึงคำที่ Youtuber ท่านนึงกล่าวว่า "ถ้าได้กินจานนี้จะลืมหอยลายไปเลย" ส่่วนตัวเราสองคนไม่รู่้สึกถึงคำดังกล่าวเลย

                                    ห่อยจ๊อ และกระเบื้องทะเล สองเมนูนี้ ผิดหวังค่อนข้างมาก ตัวห่อยจ๊อธรรมดาสุดๆ ทอดมาแบบแห้งเหี่ยว ส่วนกระเบื้องทะเล หาทะเลไม่ค่อยเจอครับ สัมผัสได้แต่หมูสับ และความมันเลี่ยนของน้ำมันที่ทอด หอยเชลส์ระเบิด ก็คือหอยเชลส์ชุบแป้งทอด เสริฟ์มาพร้อมราดน้ำสลัด เมนูพอทานได้ ตัวแป้งกรอบดี 

                                   เอ็นหอยผัดฉ่า รสชาติไม่ได้ร้อนแรงสักเท่าไร ธรรมดาๆ ตัวเอ็นหอยก็ให้สัมผัสคล้ายกำลังกินลูกชิ้นปลา ไม่ได้หนึบๆแบบที่เคยกิน ไม่ถูกจริตครับ ผัดผักบุ้งฝอย ให้คะแนนความเป็นฝอยครับ แต่ในส่วนของรสชาติ หารสชาติอะไรไม่เจอเลย มาแบบค่อนข้างจางๆ ไม่ให้ความรู้สึกของไฟแดงอะไรเลยแม้แต่น้อย ขนมจีนน้ำยาปู รสชาติน้ำยาใช้ได้ครับ อยู่ในเกณฑ์ปกติ มีเนื้อปูมาให้เห็นบ้าง 

                                  ทานถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่ายังอยากหาอะไรทานเพิ่ม จึงสั่งเส้นหมี่กระเฉดกับขาหมูสามรสมาลองทานกันอีกครับ ในส่วนของขาหมูสามรส รู้สึกว่าธรรมดาครับ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เนื้อขาหมูนุ่มปกติ น้ำส้มที่เสริฟ์มาก็รสชาติธรรมดา ปกติดี น้ำซุปพะโล้ก็ปกติ แต่ทานมากๆก็แอบเลี่ยน ส่วนของหมี่กระเฉด จานนี้เราสามคนรู้สึกว่า เป็นรสชาติที่แปลกใหม่มากๆ เส้นหมี่ผัดมากับน้ำพริกเผาเลย น้ำที่ชุ่มฉ่ำเต็มจาน รสชาติค่อนข้างจางๆ หลังจากตักชิมกันคนละคำ ตัดสินใจตรงกันครับ "ห่อกลับบ้าน" 

                                 มาถึงตรงนี้ท่านแม่ยังคงเลี่ยนขาหมูมากๆ เราจึงเริ่มเดินไปสั่งขนมเค้กและเครื่องดื่มกันที่ร้าน Hatch By J'Khai เป็นร้านในเครือของทางร้านเจ๊ไข่กันครับ


บรรยากาศภายในร้าน

ตู้ขนมอบ

เครื่องดื่มเย็น

ขนมเค้ก

ขนมอบ

                       หลังจากไปยืนเลือกสั่งกันแบบสนุกสนาน เพราะละลานตาไปด้วยขนมเค้กที่อยากลองทานกันหลายเมนู ก็พยายามตัดใจ เลือกสั่งให้น้อยที่สุด เพราะยังอิ่มกับอาหารอยู่ แต่น้องเชฟด้านในที่แนะนำเมนู ได้พูดเชียร์ว่าบานาน่า แมคคาดาเมีย อร่อย  โดยเฉพาะยิ่งทานคู่กับไอศครีมวนิลาแล้วจะอร่อยมาก เราสองคนก็เลยสั่งมาลองกันเพิ่มครับ ถึงแม้เค้กจะวางอยู่ในตู้พร้อมแล้ว แต่ก่อนนำออกาเสริฟ์ให้กับลูกค้า จะมีการนำวางลงจาน แล้วก็ตกแต่งอย่างสวยงาม ทำให้ต้องใช้เวลาในการรอพอสมควรนะครับ



บลูเบอรี่ชีสเค้ก

ดาร์คชอคมูส

เค้กมะพร้าว

มะนาวโซดา

บานาน่า แมคคาดาเมีย + ไอศครีมวนิลา

บานาน่า แมคคาดาเมีย + ไอศครีมวนิลา


                          สำหรับการนำขนมหวานออกมาเสริฟ์ อาจจะต้องใช้เวลาในการตกแต่งจานแล้ว แต่ก็ยังต้องรอพนักงานนำออกมาเสริฟ์ด้วยครับ ด้วยมีกระจกบานใหญ่ปิดกั้นทางเดินระหว่างครัวขนมหวานกับประตูมายังทางร้านเจ๊ไข่ไว้ ทำให้พนักงานจะต้องเดินอ้อม จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องรอขนมเสร็จหลายๆเมนูก่อน ถึงนำออกมาเสริฟ์

                              ในส่วนของรสชาติขนมเค้กนั้น ต้องบอกว่า อร่อยมากๆครับ เริ่มจากบลูเบอรี่ชีสเค้ก เป็นอะไรที่เรียกว่า ลงตัว กลมกล่อม ต่อด้วยเค้กมะพร้าว ท่านแม่ยกให้เป็นเค้กมะพร้าวที่เทียบเท่าร้านครัวบางนาและครัวดอกไม้ขาวเลย ด้วยเนื้อสัมผัสความนุ่มละมุนของชั้นเค้ก และความหวานกำลังดี ความหอมของมะพร้าวอ่อน ทุกอย่างลงตัวมากๆ 

                             มูสเค้กชอคโกแลตก็มาแบบดาร์ค เข้มข้น แฟนทานแล้วชื่นชอบเป็นที่สุด เรียกว่าแทบจะหากระดาษมาจดชื่อร้านเอาไว้ในลิสต์ร้านโปรด อร่อยเทียบเท่ากับร้าน Gimmick ได้เลย มาสุดท้ายก็ต้องบานาน่า แมคคาดาเมีย เสริฟ์คู่กับไอศครีมวนิลา รสชาติก็อร่อยกลมกลมนะครับ แต่แอบเสียดายที่ตอนแรกเข้าใจว่า เนื้อสัมผัสของถั่วแมคคาดาเมียจะอยู่ด้านในแป้งด้วย แต่ถึงจะเสริฟ์แยกออกมาก็ยังคงอร่อย แต่ที่โดดเด่นกว่า ยกให้ไอศครีมวนิลาครับ รสสัมผัสดีงาม หอมหวานกำลังพอเหมาะ ถ้าไม่ติดว่าอิ่มจนจะจุก อยากจะสั่งไอศครีมวนิลามาทานเล่นกันเลยครับ

                                สรุปความคุ้มค่าของอาหารมื้อนี้ เมื่อเทียบปริมาณอาหาร คุณภาพอาหารและปริมาณอาหารที่ได้รับ กับราคาค่าเสียหายที่จ่าย่ไป ขอแยกเป็นในส่วนของอาหารกับขนมหวานนะครับ ส่วนของอาหารที่ถูกใจเรามีแค่ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาวและปลารากกล้วยทอด ส่วนที่เหลือไม่ถูกจริตเลย และให้ความรู้สึกว่าไม่คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ทางร้านเจ๊ไข่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่ในส่วนของขนมหวาน ต้องขอบอกว่า คุ้มค่ามากๆครับ โอกาสหน้าจะต้องกลับมาลองทานขนมเค้กเมนูอื่นๆอีกอย่างแน่นอนครับ


บิลค่าเสียหาย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม