วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ตลาดอาหารสด นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น

                เมื่อหลายวันก่อนเราได้ดูรีวิวของ youtuber ท่านนึง ที่พาไปที่ตลาดอาหารสด ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น โดยหลายรายการมาแบบสดๆ ยังมีชีวิตอยู่ครับ เรียกว่าไม่ต้องกังวลใจในเรื่องความสด พิกัดตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท ซึ่งสามารถเข้ามาได้ทั้งทางซอยสุขุมวิท 53 และซอยสุขุมวิท 55 โดยที่ตลาดสดแห่งนี้ ในช่วงเช้าถึงเที่ยงวัน จะเปิดให้ร้านอาหารเข้ามาเลือกซื้ออาหารก่อน ส่วนบุคคลทั่วไปแบบเรา จะมาเลือกซื้อได้ในช่วงหลังจากนั้นครับ

                    เรามาถึงในเวลาประมาณ บ่ายสองโมงกว่าๆ ลานจอดรถด้านหน้าค่อนข้างหนาแน่นครับ ตรงนี้ทางเข้าลานจอดรถจะอยู่ทางด้านข้าง มีเจ้าหน้าคอยอำนวยความสะดวกในการหาที่จอดรถให้ หลังจากรอสักครู่ เราก็ได้ที่จอดรถ ตรงนี้จะต้องรับบัตรจอดรถด้วยนะครับ โดยซื้อสินค้าภายในตลาดสด จะได้รับคูปองจอดรถฟรี 1 ชั่วโมง ชั่วโมงต่อมา มีค่าบริการชั่วโมงละ 20 บาทครับ 

                 ด้วยความตั้งใจที่จะมาเลือกซื้อปลาโอโทโร่ไปทานบ้าง สำหรับปลาโอโทโร่ เรียกว่าเป็นปลาที่มีลายไขมันที่สวยงาม และสุดยอดของความอร่อยมันละลายในปาก (ตรงนี้บางท่านบอกว่า ความละลายในปาก ให้สัมผัสไม่ต่างจากมันในเนื้อวัว แต่เนื่องจากส่วนตัวเป็นคนไม่ทานเนื้อวัวครับ ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่า อร่อยเทียบเท่าแบบนั้นหรือเปล่า) เราจึงมุ่งหน้าไปที่ทางเข้าของตลาดทันทีครับ




                  ภายในตัวตลาดสด ให้บริการในห้องแอร์นะครับ ที่ชั้น 2 จะมีโต๊ะ เก้าอี้ไว้ให้บริการสำหรับท่านที่ต้องการทานอาหารภายในตลาดเลย ด้านหน้าสุดของตลาด จะเป็นโซนผัก ผลไม้ นำเข้าจากญี่ปุ่นครับ ที่เด่นสะดุดตาจะเป็นเกาลัดนำเข้ามาจากญี่ปุ่นครับ เม็ดใหญ่ๆ และมีแบบสดๆที่ยังไม่แกะหนามออกเลยครับ ฟักทองสำหรับเทศกาลฮาโลวีน มันม่วง ต้นหอมญี่ปุ่น ดอกไม้ ฯลฯ มีจำหน่ายพร้อมครับ









                  จากนั้นจะเป็นโซนอาหารทะเลครับ มีทั้งในส่วนของสด ที่ยังคงว่ายน้ำอยู่ในตู้กระจกพร้อมออกซิเจน มีแบบแพคมาในกล่องโฟม และแบบวางให้เลือกบนถาดน้ำแข็งครับ หลังจากนี้ก็เป็นช่วงเวลาเดินวนชอปปิ้ง เลือกซื้อเนื้อปลากันครับ หลังจากใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เราก็ได้มาประมาณนี้ครับ โดยเนื้อปลามีทั้งแบบแล่เป็นซาซิมิแล้ว กับแบบที่ยังเป็นเนื้อปลาชิ้นใหญ่ๆ แต่ทางตลาดก็มีบริการแล่เป็นซาซิมิให้ด้วยครับ


หอยนางรมสด ตัวละ 80 บาท

ปลาชิมะอาจิ

ปลาคัมปาจิ

ปลาอาจิ

               เป็นที่น่าเสียดาย ที่ตอนเราไปถึง ไม่มีเนื้อปลาโอโทโร่ให้เลือกซื้อแล้วครับ แต่ในขณะที่เรากำลังยืนพูดคุยกันด้วยความผิดหวัง พนักงานของทางตลาดก็มาแจ้งให้ทราบว่า ในกรณีที่ด้านหน้าหมด เราสามารถซื้อปลาโอโทโร่ได้ครับ แต่มีขั้นต่ำอยู่ที่ 300 กรัม พวกเราก็ตกลง ทำการสั่งทันทีครับ


พนักงานทำการแล่ให้ใหม่

ชั่งน้ำหนักสินค้า




ซาซิมิปลาโอโทโร่




                 จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการชำระเงินนะครับ โดยตรงนี้เราต้องทำการสมัครเป็นสมาชิกก่อน ถึงจะทำการซื้อสินค้าได้ โดยมีค่าบริการในการสมัครสมาชิกอยู่ที่ 200 บาท โดยทางตลาดจะคืนเป็นคูปองเงินสด 200 บาทกลับมาให้ เราสามารถนำมาใช้ซื้อสินค้าภายในตลาดสดได้ทันทีครับ


บัตรสมาชิกและคูปองเงินสด 200 บาท

รอคิวชำระเงินที่แคชเชียร์

ใบเสร็จรับเงิน


                 หลังจากชำระเงินเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ในตอนแรกเราว่าจะทานที่ร้านด้านบนชั้น 2 กันเลย เพื่อจะได้สัมผัสความสด แต่ท่านแม่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร เราจึงรีบมุ่งหน้ากลับบ้านครับ ในส่วนของหอยนางรม ด้วยความที่เราเคยซื้อจากสุราษฏ์ธานี  แพคใส่น้ำแข็งในลังโฟมแล้วมาแกะเองที่กรุงเทพฯ ทำให้เราเลือกที่จะกลับมาแกะเองที่บ้านครับ โดยการแกะหอยนางรม ก็จะมีเทคนิคตรงที่ ตัวหอยนางรมจะมีอยู่จุดนึงคล้ายกับสลักครับ เพียงเคาะตรงนั้น แล้วเปลือกหอยนางรมจะเคลื่อนออกจากกันเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้มีดปาดลงไปในร่องหมุนให้รอบตัวหอย ก็จะแกะเสร็จเรียบร้อยครับ






                  หอยนางรมก็มีตัวเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ปนๆกันมานะครับ แต่ก็นับว่าตัวค่อนข้างขนาดใหญ่ เทียบกับขนาดฝ่ามือที่ค่อนข้างใหญ่แล้ว ก็ยังใหญ่อยู่ครับ สำหรับรสชาติตามความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ความสดโอเคครับ แต่ค่อนข้างออกเค็ม ถึงจะพยายามล้างน้ำแล้ว ตรงนี้ยังรู้สึกว่าหอยนางรมสุราษฏ์ธานีของเรายังอร่อยกว่าครับ ถึงจะขนาดเล็กกว่านี้สักนิดนึง แต่รสชาติความหวานของเนื้อหอยชนะขาดครับ

                 

ปลาโอโทโร่ และปลาชิมะอะจิ





               หลังจากได้ลองทานปลาโอโทโร่แล้วนะครับ รสชาติเนื้อปลาสด ออกหวานเล็กน้อย รสสัมผัสละมุน ความมันละลายในปาก อร่อยครับ ทานแล้วเพลินมาก ส่วนเนื้อปลาอื่นๆ ก็สดปกติ อร่อยดีครับ สำหรับความคุ้มค่า ถ้าเทียบกับทานในร้านอาหารญี่ปุ่น ราคาค่าอาหารแพงกว่านี้ค่อนข้างมากครับ ซูชิโอโทโร่ ราคาประมาณคำละ 250-500 บาท / ซูชิคัมปาจิ ราคาประมาณคำละ 170 บาท / ซูชิชิมะอะจิ ราคาประมาณคำละ 120 - 250 บาท (ราคาแล้วแต่ระดับของร้านอาหารนะครับ)

            ด้วยท่านแม่เป็นคนชอบทานเมล่อนมาก เราจึงไม่พลาดที่จะซื้อเมล่อนญี่ปุ่นมาจากทางตลาดสดด้วยครับ อันนี้ให้น้องพนักงานเลือกให้ และน้องพนักงานแนะนำว่า ถ้าจะท่านวันนี้พรุ่งนี้ อย่าแช่ตู้เย็น ผ่านมา 1 วัน เราก็ทำการผ่าเมล่อนทานกันครับ



             โดยส่วนตัวเราเป็นคนไม่กินเมล่อนครับ เพราะไม่ชอบในกลิ่นและรสสัมผัสของเมล่อน ที่ละม้ายคล้ายกับแตงไทย แต่เมื่อท่านแม่บอกว่า ไม่มีกลิ่นเลย แถมหวานอร่อยมาก ก็เลยลองทานสักคำครับ แล้วก็พบว่า เมล่อนญี่ปุ่นรสชาติ หอม หวาน และไม่มีกลิ่นเลย นับว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองครับ

              สำหรับตลาดอาหารสด นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มีโอกาสต้องไปซ้ำอีกแน่นอนครับ และเมื่อเราสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว ครั้งหน้าในการเข้าไปใช้บริการ สามารถยื่นบัตรสมาชิก หรือบอกเพียงเบอร์โทรศัพท์ของสมาชิกก็ได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม