สืบเนื่องจากคราวที่แล้วเราตามรอยคนแนะนำร้าน Buffet Sushi ใน Group facebook แห่งหนึ่ง แล้วได้ไปลองที่ร้าน Aroi sushi ที่หลายคนให้ความเห็นตรงกันว่า เป็นร้านที่ให้ข้าวน้อยที่สุดในประเทศไทย แต่สำหรับความรู้สึกส่วนตัว การที่ข้าวน้อยไม่ได้แปลว่าจะอร่อยเสมอไป และหลายๆคำเหมือนมีการทำทิ้งไว้แล้ว เพียงหยิบมาเสิรฟ์ ไม่ได้ปั้นหรือ ปรุง ทำกันใหม่ๆสดๆ ก่อนที่จะกดออกจาก Group นี้ เราก็ยังมีความอยากลองที่ร้านอาหารอีกสักร้าน ที่มีการกล่าวถึงกันว่า อร่อย สด ใหม่ คุ้มค่า นั่นก็คือ ร้าน Marasu Sushi ที่ลาดพร้าว 101 ถึงแม้ร้านอาหารร้านนี้จะอยู่ไกลจากที่่พักเราค่อนข้างมาก ใช้เวลาเดินทางถึง 45 นาที แต่ด้วยความอยากลอง จึงดั้นด้นมาถึง แฮปปี้อเวนิว ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร ตั้งแต่เวลา 11 โมงครับ
ป้ายโฆษณาร้าน หน้าทางเข้าศูนย์การค้า |
ด้านหน้าของ แฮปปี้อเวนิว |
ทางเข้าไปยังลานจอดรถ |
ด้วยประสพการณ์จากร้าน Aroi Sushi ว่าเราต้องได้รับบัตรจอดรถจากยาม(รักษาความปลอดภัย) เพื่อนำมาประทับตราร้านอาหารที่เข้าใช้บริการ ถึงจะไม่เห็นยาม ก็ต้องหาเจ้าหน้าที่มาเขียนบัตรจอดรถมาให้ ไม่เช่นนั้นจะโดนเก็บค่าบริการจอดรถ ในราคาตามแต่ที่พนักงานจะแจ้ง เพราะเราไม่ได้รับบัตร ทำให้ไม่ทราบเวลาเข้าแบบชัดเจน ก็เดินตามหาจนเจอเจ้าหน้าที่ครับ จากนั้นก็เดินเข้าไปตามหาร้าน Masaru กันต่อ พิกัดร้านตั้งอยู่ติดกับร้าน Pizza hut โดยทางร้านเปิดบริการเวลา 11.30 และพวกเรามาถึงก่อนเวลา จึงเดินเล่นรอกันไปครับ
เมื่อถึงเวลา 11.30 น. เราก็ได้เข้าไปใช้บริการด้านในร้านกันครับ ด้วยในร้านมีเพียงเรากับแฟนที่เป็นลูกค้า ทำให้เราสามารถเลือกที่นั่งกันได้ตามอัธยาศัย พร้อมๆกับคิดกันในใจว่า อาหารคงออกมาไม่ช้าแน่นอน เพราะมีเพียงเราโต๊ะเดียวในตอนนี้
แผ่นกระดาษสำหรับเลือกรายการอาหาร |
เมนูอาหาร 499++ |
เมนูอาหาร 899++ |
เมนูอาหาร 699++ |
เมนูอาหาร 699++ |
อันดับแรกเราต้องเลือกกันก่อนครับ ว่าจะทานอาหารในชุด Set ราคาเท่าไร ในตอนแรกแฟนจะเลือกราคา 899++ แต่เราห้ามเอาไว้ ด้วยยังรู้สึกว่า อยากจะลองทานที่ราคากลางๆดูก่อน ว่าคุณภาพข้าวญี่ปุ่น ขิงดอง และเนื้อปลาเป็นที่ถูกใจหรือเปล่า พูดง่ายๆก็คือกลัวว่าจะเจ็บตัวครับ และในชุด 699++ มีสลัดปลาเงิน ที่เป็นที่โปรดปรานของแฟน และยังสามารถสั่งเมนูพิเศษเฉพาะเดือนนี้ได้ไม่อั้นครับ จึงตัดสินใจกันที่ราคานี้ ระหว่างทำการเลือกรายการอาหาร น้องพนักงานก็นำชาเขียวมาบริการครับ
ชาเขียวเย็น |
อุปกรณ์ในการทาน |
เชฟกำลังขมักเขม้นปรุงอาหาร |
โซนปลาดิบ |
ขิงดอง |
หนังปลาแซลมอนทอด |
มิโสะซุป |
ซูชิแซลมอนเบิร์นราดซอสไซเกียว |
ชุดปลาดิบรวม |
สลัดปลาเงิน |
ยำปลาแซลมอน |
ยำหนวดปลาหมึกยักษ์ |
เมนูพิเศษ - หอยเชลส์อบชีส |
เมนูพิเศษ - หอยเชลส์ กุ้ง ย่างซอสเทริยากิ |
โรลแซลมอนเบิร์นราดซอสตับห่าน + ไซเกียว |
กุ้งเทมปุระ |
โรลแซลมอนเบิร์น ราดซอสตับห่าน |
เมนูพิเศษ - หอยเชลส์ย่างซอสขิง |
เบคอนพันเห็นเข็มทองย่าง |
ซูชิไข่กุ้งและมันปู |
ไก่ย่างยากิโตริ |
โรลแซนมอนเบิร์นซอสไข่ปลาคอต |
ยำสาหร่าย |
ไอศครีมมะนาว |
ไอศครีมมะนาว |
สรุปรสชาติอาหารตามความรู้สึกของเรากับแฟนนะครับ เริ่มจากขิงดองเลย มาตอนแรกเห็นสีซีดๆ แต่รสชาติก็เผ็ดใช้ได้นะครับ แต่ไม่เหมือนขิงดองสำหรับทานอาหารญี่ปุ่นเลย ให้ความรู้สึกละม้ายคล้ายกับขิงดองที่กินกับเป็ดย่าง อาหารจีนมากกว่า ขิงดองไม่โดนครับ ในส่วนของข้าวญี่ปุ่น ทางร้านเลือกใช้ข้าวดีครับ หุงออกมานิ่มนวล ทานแล้วอร่อยดีครับ ต่อด้วยวาซาบิ ทางร้านเลือกใช้แบบ รสชาติอ่อนไปสักหน่อยครับ แต่ชาเขียวเข้มข้นดีครับ
จานแรกที่ออกมาเสริฟ์คือ หนังปลาแซลมอนทอดกรอบ ต้องบอกว่า ไม่อร่อยครับ ของทอดมาแบบไม่ร้อน แต่ก็มีความกรอบนะ กรอบจนหาสัมผัสอะไรอย่างอื่นไม่เจอเลย กินแล้วไม่ให้ความรู้สึกว่ากินหนังปลาแซลมอนทอดเลย ต่อด้วยซุปมิโสะอร่อยดีครับ น้ำซุปหอมกลมกล่อมดี ทานแล้วสดชื่น สามารถแก้เลี่ยนได้ด้วย
ชุดซาซิมิที่ได้มา นอกจากปลาแซลมอนและปลาซาบะแล้ว ปลาชนิดอื่นๆมีเส้นเอ็นปลามาแทบทุกชิ้นครับ หนวดปลาหมึกก็เหนียวครับ ที่อร่อยที่สุดในจานนี้ เป็นปลาซาบะดอง รสชาติกลมกล่อม อร่อยมากๆ ปลาแซลมอนธรรมดาทั้งส่วนท้องและส่วนปกติ ทานได้ครับ ทำให้เราสั่งซาซิมิจานเดียว แล้วพอเลยครับ ไม่มีความรู้สึกอยากจะทานต่อ
ต่อด้วยซูชิและโรลต่างๆนะครับ ทางร้านเบิร์นแซลมอน ออกมากำลังดี รสชาติอร่อย ไม่ได้อัดข้าวมาในปริมาณโหดร้ายแต่อย่างไร มีเพียงน้ำซอสที่ออกจะเข้มข้นไปสักหน่อย เรียกว่าเหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติเข้มข้น แต่สำหรับเรากลับรู้สึกว่า ทำให้เลี่ยนครับ ต้องเขี่ยเอาซอสออกไปครึ่งหนึ่งของแต่ละคำ
มาถึงเมนูยำแบบไทยๆของเรากันครับ น้ำยำรสชาติไม่จัดจ้าน ออกแนวไม่เผ็ดเลยเสียด้วยซ้ำ เปรี้ยวนำครับ ทานแล้วไม่ค่อยให้ความรู้สึกว่าเป็นยำ และเช่นเคยครับ หนวดปลาหมึกเหนียวอีกรอบ และความเหนียวยังคงต่อเนื่อง เมื่อมาเจอ เมนูเบคอนพันเห็ดเข็มทอง ตัวเบคอน น้ำซอสราด อร่อยครับ แต่เห็ดเข็มทองมากันแบบมัดฟ่อนใหญ่ๆ และตรงปลาย ไม่ได้ตัดโคนออกให้หมดครับ ให้ความรู้สึกว่าเคี้ยวเอื้องมากมาย ต้องขอช้อนส้อมจากทางร้าน มาตัดตรงปลายออกครับ
ต่อด้วยเมนูพิเศษของทางร้าน เมนูหอยเชลส์ รสชาติอร่อยดีนะครับ เมนูหอยเชลส์อบชีสมาแบบถาดใหญ่ๆ สวยงามครับ มีกุ้งสดแซมมากับหอยเชลส์ด้วย หอยเชลส์ย่างซอสขิงกับซอสยากิโตริ ก็รสชาติอร่อยดีครับ หอยเชลส์ตัวใหญ่ สดกำลังดี
เมนูที่คาใจเราสองคนมากๆก็คือ สลัดปลาเงินครับ ด้วยเป็นเมนูที่ขาดไม่ค่อยได้ เวลาไปทานอาหารญี่ปุ่นกัน แต่ปลาเงินที่มาในจาน ตัวค่อนข้างใหญ่ แต่ก็คือปลาเงินล่ะครับ ทางร้านไม่ได้เสริฟ์มากับสลัดน้ำมันงาแบบที่อื่่นๆ แต่เป็นน้ำสลัดมายองเนส ทำให้แอบเลี่ยนเล็กน้อยครับ ไก่ย่างยากิโตริ เมนูนี้อร่อยดีครับ ตัวไก่ย่างมาสุกกำลังดี สุดท้ายด้วยกุ้งเทมปุระและยำสาหร่าย รสชาติปกติดีครับ ทานได้
สำหรับของหวาน ทางร้านมีให้บริการเป็นไอศครีมถ้วยครับ รสชาติ วนิลา ชอคโกแลต สตอเบอร์รี่ และมะนาว เช่นเคยครับ อ่านมาจากในรีวิวบอกว่า ไอศครีมมะนาว รสชาติอร่อยมาก ก็เลยลองสักถ้วยครับ ความรู้สึกเฉยๆครับ ทานได้ ไม่ได้เปรี้ยวอะไรสักเท่าไร
สรุปความคุ้มค่าตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ คุณภาพอาหารบางอย่างก็คุ้มค่า อร่อย บางอย่างก็รู้สึกว่าไม่น่าสั่งมาทานเลย และที่สำคัญรู้สึกว่าปวดกราม กับการเคี้ยวหนวดปลาหมึกและเห็ดเข็มทอง ค่อนข้างมากครับ ถ้าถามว่าโอกาสหน้าจะมาทานอีกไหม ต้องขอตอบว่า ไม่มาครับ ด้วยพิกัดที่อยู่ไกลที่พัก และไม่ได้รู้สึกว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมาขนาดนั้นครับ ถ้าถามว่าคุ้มค่ากับเงินที่่จ่ายไปไหม ต้องตอบว่า รับได้ครับ แต่ในราคานี้ กลับไปทาน Real Ichi ยังจะให้ความรู้สึกดีกว่านี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น