ในวันสุดท้ายของเทศกาลกินอาหารเจ เราเพิ่งจะได้มีเวลาว่างแบบสบายๆ จึงชวนแฟนแบบฉับพลันว่า จะพาไปเที่ยวหาอาหารเจอร่อยๆทาน เพื่อส่งท้ายเทศกาลกัน หลังจากนั่งคิดอยู่พักหนึ่งว่าจะไปที่ไหนดี แฟนก็แนะนำว่า ไปที่ศาลเจ้าชิกเซี้ยม่ากันดีกว่า ตรงนั้นมีร้านอาหารขายอาหารเจอยู่เยอะแยะเลย น่าจะมีอะไรที่น่าสนใจ จึงเป็นที่มาของการเดินทางในวันนี้ครับ
ด้วยบริเวณนั้นหาที่จอดรถยาก เราจึงเลือกที่จะนำรถไปจอดที่ฟอร์จูน รัชดา แล้วเดินทางไปหัวลำโพงกันด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT กันครับ จากสถานพระราม 9 ไปจนถึงสถานีหัวลำโพง ค่าบริการต่อคน 33 บาท ตรงนี้ต้องเลือกทางออกประตูให้ถูกต้องนะครับ เราสองคนเลือกกันผิด ตัดสินใจออกที่ประตู 2 กลายเป็นว่าโผล่ออกมาที่สถานีรถไฟหัวลำโพงกันเลย ประกอบกับแดดที่ร้อนแรงมาก จากที่จะเดินกันชิลๆ ดูถนนดูนั่นนี่กัน เปลี่ยนแผนเป็นใช้บริการสามล้อทันทีครับ ตรงนี้มีรถสามล้อจอดรอลูกค้าเป็นจำนวนมากครับ เราสองคนได้ในราคา 40 บาทจากจุดนี้ไปยังถึง ศาลเจ้าชิกเซี้ยม่า (สามล้อคันแรกบอก 60 บาท - ด้วยแจ้งว่าต้องไปกลับรถ นั่น นู่น นี่ เลยต้องราคานี้ แต่ด้วยแฟนค่อนข้างมั่นใจว่า ระยะทางไม่ได้ไกลเลย จึงเสนอที่ราคา 40 บาท แล้วก็มีสามล้ออีกคันมาพาพวกเราไปครับ)
หลังจากขึ้นสามล้อ ใช้เวลาประมาณไม่ถึง 5 นาที เราก็มาถึงศาลเจ้ากันเป็นที่เรียบร้อยครับ แต่พวกเราพลาดตรงที่ไม่ได้ใส่ชุดขาวกันมา ทำให้ไม่ได้เข้าไปไหว้ในศาลเจ้า ได้แต่เพียงยกมือไหว้กันเฉยๆครับ ตามชื่อของศาลเจ้าเลยนะครับ ที่นี่มีพระแม่ที่ศักดิ์สิทธ์ทั้ง 7 ของชาวจีนครับ หรือชื่อไทยอีกชื่อของที่นี่ก็คือ "เทพธิดา 7 นางฟ้า"
ปากซอยหัวมุมข้างๆศาลเจ้า จะมีร้านอาหารอยู่ร้านนึง ที่มีลูกค้าแวะเวียนเข้าออกกันตลอด ทำให้เป็นที่สนใจของเราสองคนครับ ได้ยินเสียงลูกค้าสั่งหมี่ผัดกระเฉดกันอย่างต่อเนื่อง เราจึงตัดสินใจเริ่มทานกันที่ร้านนี้ครับ โชคดีที่มีโต๊ะว่างพอดี นั่งกันก่อนแล้วค่อยสั่งครับ แฟนสั่งผัดหมี่กระเฉด เราเลยสั่งหมี่ฮ่องกง เพื่อจะได้มาแบ่งกันทานครับ สำหรับเครื่องดื่ม พวกเราไปถึงในเวลาประมาณเกือบบ่าย ทำให้เหลือเพียงน้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน ใช้เวลาไม่นานนะครับ ประมาณ 7-10 นาที ก็ได้อาหารมาวางตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยจ้า
|
โซนปรุงอาหารหน้าร้าน |
|
ป้ายชื่อร้าน
|
|
ผัดหมี่ฮ่องกง |
|
ผัดหมี่กระเฉด
|
|
น้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน
|
สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นของเรา 2 คนนะครับ หน้าตาอาหารทั้งสองจาน อาจจะดูไม่น่าจะอร่อยสักเท่าไร แต่รสชาติอร่อยมากๆครับ ผัดหมี่กระเฉด รสชาติจัดจ้านดีครับ ความเผ็ดมีมาพร้อมแล้ว แต่ถ้าคนที่ชอบทานรสเผ็ดจัด แนะนำให้ใส่พริกเพิ่มครับ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบทานเห็ดนางฟ้า หรือไม่ชอบกลิ่นของเห็ด ผัดหมี่กระเฉดอาจจะไม่ตอบโจทย์นะครับ เพราะกลิ่นเห็ดในจานค่อนข้างแรงทีเดียว
มาต่อกันที่ส่วนของหมี่ฮ่องกง รสชาติผัดออกมาดีครับ กลมกล่อม อร่อยเลย ผักคะน้าในจาน ทางร้านปอกเปลือกออกมาดี ผักสดกรอบ ไม่แข็งไม่เหนียวแต่อย่างใด เครื่องดื่ม น้ำกระเจี๊ยบไม่ค่อยเปรี้ยวครับ รสชาติออกจางๆครับ ในส่วนของราคา จานละ 50 บาททั้งสองอย่าง เครื่องดื่มแก้วละ 10 บาท เรียกว่าความคุ้มค่าโอเคดีครับ คนปกติทั่วไป ทานแล้วน่าจะอิ่มพอดีครับ จากนั้นเราก็ทำการสั่งอาหารกลับบ้านไปฝากคนที่บ้านครับ ระหว่างรออาหารที่ห่อกลับบ้าน แฟนก็มองไปเห็นจำนวนผู้คนที่ต่อคิวร้านขายของทอด ทำให้เรียกความสนใจ จนต้องเดินออกไปดู ว่าเค้าซื้ออะไรกันครับ
|
ทุกอย่าง 3 ชิ้น 20 บาท |
|
เผือกทอด ไชเท้าทอด ปอเปี๊ยะทอด
|
|
จัดมาเรียบร้อย ทุกอย่าง 100 บาท
|
และแล้วด้วยความอยากลอง ท่านแฟนก็จัดมาเรียบร้อยครับ มีทุกอย่างที่ขายในรถเข็นสำหรับเราสองคน เริ่มที่เผือกทอดครับ เป็นแบบเผือกเส้นนำมาทอดเป็นแพๆ รสชาติกรุบกรอบอร่อยมาก เรียกว่าทานแล้วคิดถึงเฟรนซ์ฟรายกันเลยทีเดียว เนื้อสัมผัสเผือกด้านในยังคงได้รสชาติความหอมอยู่เต็มๆ ตามด้วยไชเท้าทอด ตรงนี้กรอบนอกนุ่มด้านใน ผู้สูงอายุทั้งหลายชื่นชอบกันแบบสุดๆ ปอเปี๊ยะไส้วุ้นเส้น รสชาติเน้นพริกไทย เฉยๆครับ ทานได้ หลังจากชิมกันเป็นที่เรียบร้อย เราจึงสั่งกลับบ้านไปฝากคนที่บ้านอีกชุดเช่นเคยครับ และเมื่อได้ของครบแล้ว ก็รู้สึกอยากหาอะไรหวานๆทานกันสักหน่อย จึงมุ่งหน้าเดินเข้าไปในซอยข้างศาลเจ้า ก็พบกับ ร้านขายขนมหวาน ที่มีเครื่องให้เลือกใส่มากมายครับ
|
ร้านขนมหวาน
|
หลังจากสั่งเป็นที่เรียบร้อย เราสองคนก็เลือกกันคนละแบบครับ กะทิสด และน้ำตาลเคี่ยว ตรงนี้กะทิสดอร่อยมากครับ หอม เค็ม กำลังดี น้ำเชื่อมมีใส่เนื้อขนุนไว้ด้วยครับ ที่เด็ดที่สุดของทางร้านคือ เผือกกวนครับ อร่อยแบบสุดๆ รสชาติสูสีกับร้านขนมหวานที่เพชรบุรีกันเลย ในราคาถ้วยละ 30 บาท ร้านขนมหวานบอกว่านั่งทานที่โต๊ะของร้านขนมจีนได้ เป็นร้านเดียวกัน
|
น้ำยากะทิและน้ำพริก |
ระหว่างที่นั่งทานขนมหวานไป ก็ได้กลิ่นหอมๆของน้ำยากะทิ ที่กำลังอุ่นอยู่ในหม้อ ทำให้แฟนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สั่งขนมจีนน้ำยามาอีก 1 จานครับ
|
ขนมจีนน้ำยา
|
ขนมจีนน้ำยา เนื้อน้ำยาไม่ได้มาแบบข้น แต่รสชาติจัดจ้านโอเคดีเลยนะครับ ทานคู่กับผักสดบนโต๊ะ ในราคาจานละ 45 บาท แต่ด้วยมีความอยากลองขนมจีนน้ำพริกด้วย แต่ตอนนี้ทานไม่ไหวแล้ว เลยสั่งใส่ถุงกลับไปลองทานที่บ้าน (ปรากฏว่า ขนมจีนน้ำพริกรสชาติอร่อยมากๆครับ ในความรู้สึกส่วนตัวต้องบอกว่า อร่อยกว่าน้ำยาอีก)
ระหว่างที่ทานขนมจีน แฟนก็เดินไปซื้อน้ำแห้ว เจ้าดังในซอยมาให้ทานครับ รสชาติไม่หวานมาก หอมกลิ่นแห้ว ทานแล้วสดชื่นดีครับ ตอนนี้ปริมาณของในมือที่ซื้อกลับบ้านเริ่มเยอะขึ้นแล้ว หลังจากปรึกษากันเราสองคนจึงตัดสินใจ ที่จะเรียกแท๊กซี่กลับไปเอารถที่ฟอร์จูนกันน่าจะดีกว่า เพราะถ้าถือถุงอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว ในปริมาณเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้ กลิ่นน่าจะไปรบกวนคนอื่นครับ
นั่นเองคือจุดเริ่มต้นอีกครั้ง เพราะเมื่อเดินออกมาจากปากซอย สายตาก็ไปพบกับ ร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำเจ ตั้งอยู่ริมถนน ด้วยความอยากลองทาน แฟนจึงเดินมุ่งหน้าไปทางร้าน และหาโต๊ะนั่งทันทีครับ
|
หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว
|
|
เกาเหลาโฟ |
|
เซี่ยงไฮ้น้ำ
|
|
เส้นเซี่ยงไฮ้
|
และเมื่อแฟนทำการสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อย เราก็เลยลองบ้าง ความทรงจำเรื่องเส้นบะหมี่เจยังคงมีอยู่ เราเลยเลือกเส้นที่ธรรมดาก็ไม่มีส่วนผสมของอย่างอื่นอยู่แล้ว ใช้เวลาไม่นานครับ ชามก๋วยเตี๋ยวก็มาอยู่ตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย น้ำเย็นตาโฟ รสชาติใช้ได้นะครับ กลมกล่อมอยู่ ในส่วนของน้ำใสก็เป็นแบบเช็งๆ รสชาติพริกไทยนำ เส้นเซี่ยงไฮ้ลวกออกมาได้ดี เหนียวหนึบ กำลังอร่อย เครื่องก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุด เป็นฮื่อก้วยเจ ครับ รสชาติดีมาก จนอยากจะขอซื้อสักเส้นกลับไปที่บ้าน แต่่ร้านก๋วยเตี๋ยวบอกว่า เหลือปริมาณไม่มากพอแบ่งขายได้ ต้องเก็บไว้เป็นเครื่องก๋วยเตี๋ยวครับ สำหรับเมนูนี้ ราคาชามละ 50 บาทครับ ระหว่างที่ทานเสร็จ ก็หันไปเห็นป้ายเมนูเครื่องดื่มเจ
|
ป้ายเมนูเครื่องดื่มเจ
|
เหมือนเดจาวูครับ แฟนไวมาก หันมาบอกว่า หาเครื่องดื่มเย็นๆกันเถอะ แล้วก็หายแวบเข้าไปในร้านกาแฟ Antiques Cafe เป็นที่เรียบร้อยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น