วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เทศกาลอาหารเจ ศาลเจ้าชิกเซี้ยม่า

                          ในวันสุดท้ายของเทศกาลกินอาหารเจ เราเพิ่งจะได้มีเวลาว่างแบบสบายๆ จึงชวนแฟนแบบฉับพลันว่า จะพาไปเที่ยวหาอาหารเจอร่อยๆทาน เพื่อส่งท้ายเทศกาลกัน หลังจากนั่งคิดอยู่พักหนึ่งว่าจะไปที่ไหนดี แฟนก็แนะนำว่า ไปที่ศาลเจ้าชิกเซี้ยม่ากันดีกว่า ตรงนั้นมีร้านอาหารขายอาหารเจอยู่เยอะแยะเลย น่าจะมีอะไรที่น่าสนใจ จึงเป็นที่มาของการเดินทางในวันนี้ครับ

                             ด้วยบริเวณนั้นหาที่จอดรถยาก เราจึงเลือกที่จะนำรถไปจอดที่ฟอร์จูน รัชดา แล้วเดินทางไปหัวลำโพงกันด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT กันครับ จากสถานพระราม 9 ไปจนถึงสถานีหัวลำโพง ค่าบริการต่อคน 33 บาท ตรงนี้ต้องเลือกทางออกประตูให้ถูกต้องนะครับ เราสองคนเลือกกันผิด ตัดสินใจออกที่ประตู 2 กลายเป็นว่าโผล่ออกมาที่สถานีรถไฟหัวลำโพงกันเลย ประกอบกับแดดที่ร้อนแรงมาก จากที่จะเดินกันชิลๆ ดูถนนดูนั่นนี่กัน เปลี่ยนแผนเป็นใช้บริการสามล้อทันทีครับ ตรงนี้มีรถสามล้อจอดรอลูกค้าเป็นจำนวนมากครับ เราสองคนได้ในราคา 40 บาทจากจุดนี้ไปยังถึง ศาลเจ้าชิกเซี้ยม่า (สามล้อคันแรกบอก 60 บาท - ด้วยแจ้งว่าต้องไปกลับรถ นั่น นู่น นี่ เลยต้องราคานี้ แต่ด้วยแฟนค่อนข้างมั่นใจว่า ระยะทางไม่ได้ไกลเลย จึงเสนอที่ราคา 40 บาท แล้วก็มีสามล้ออีกคันมาพาพวกเราไปครับ)

                              หลังจากขึ้นสามล้อ ใช้เวลาประมาณไม่ถึง 5 นาที เราก็มาถึงศาลเจ้ากันเป็นที่เรียบร้อยครับ แต่พวกเราพลาดตรงที่ไม่ได้ใส่ชุดขาวกันมา ทำให้ไม่ได้เข้าไปไหว้ในศาลเจ้า ได้แต่เพียงยกมือไหว้กันเฉยๆครับ ตามชื่อของศาลเจ้าเลยนะครับ ที่นี่มีพระแม่ที่ศักดิ์สิทธ์ทั้ง 7 ของชาวจีนครับ หรือชื่อไทยอีกชื่อของที่นี่ก็คือ "เทพธิดา 7 นางฟ้า"

                               ปากซอยหัวมุมข้างๆศาลเจ้า จะมีร้านอาหารอยู่ร้านนึง ที่มีลูกค้าแวะเวียนเข้าออกกันตลอด ทำให้เป็นที่สนใจของเราสองคนครับ ได้ยินเสียงลูกค้าสั่งหมี่ผัดกระเฉดกันอย่างต่อเนื่อง เราจึงตัดสินใจเริ่มทานกันที่ร้านนี้ครับ โชคดีที่มีโต๊ะว่างพอดี นั่งกันก่อนแล้วค่อยสั่งครับ แฟนสั่งผัดหมี่กระเฉด เราเลยสั่งหมี่ฮ่องกง เพื่อจะได้มาแบ่งกันทานครับ สำหรับเครื่องดื่ม พวกเราไปถึงในเวลาประมาณเกือบบ่าย ทำให้เหลือเพียงน้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน ใช้เวลาไม่นานนะครับ ประมาณ 7-10 นาที ก็ได้อาหารมาวางตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยจ้า

โซนปรุงอาหารหน้าร้าน

ป้ายชื่อร้าน

ผัดหมี่ฮ่องกง
ผัดหมี่กระเฉด


น้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน

                          สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นของเรา 2 คนนะครับ หน้าตาอาหารทั้งสองจาน อาจจะดูไม่น่าจะอร่อยสักเท่าไร แต่รสชาติอร่อยมากๆครับ ผัดหมี่กระเฉด รสชาติจัดจ้านดีครับ ความเผ็ดมีมาพร้อมแล้ว แต่ถ้าคนที่ชอบทานรสเผ็ดจัด แนะนำให้ใส่พริกเพิ่มครับ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบทานเห็ดนางฟ้า หรือไม่ชอบกลิ่นของเห็ด ผัดหมี่กระเฉดอาจจะไม่ตอบโจทย์นะครับ เพราะกลิ่นเห็ดในจานค่อนข้างแรงทีเดียว 

                    มาต่อกันที่ส่วนของหมี่ฮ่องกง รสชาติผัดออกมาดีครับ กลมกล่อม อร่อยเลย ผักคะน้าในจาน ทางร้านปอกเปลือกออกมาดี ผักสดกรอบ ไม่แข็งไม่เหนียวแต่อย่างใด เครื่องดื่ม น้ำกระเจี๊ยบไม่ค่อยเปรี้ยวครับ รสชาติออกจางๆครับ ในส่วนของราคา จานละ 50 บาททั้งสองอย่าง เครื่องดื่มแก้วละ 10 บาท เรียกว่าความคุ้มค่าโอเคดีครับ คนปกติทั่วไป ทานแล้วน่าจะอิ่มพอดีครับ จากนั้นเราก็ทำการสั่งอาหารกลับบ้านไปฝากคนที่บ้านครับ ระหว่างรออาหารที่ห่อกลับบ้าน แฟนก็มองไปเห็นจำนวนผู้คนที่ต่อคิวร้านขายของทอด ทำให้เรียกความสนใจ จนต้องเดินออกไปดู ว่าเค้าซื้ออะไรกันครับ


ทุกอย่าง 3 ชิ้น 20 บาท

เผือกทอด ไชเท้าทอด ปอเปี๊ยะทอด

จัดมาเรียบร้อย ทุกอย่าง 100 บาท

                   และแล้วด้วยความอยากลอง ท่านแฟนก็จัดมาเรียบร้อยครับ มีทุกอย่างที่ขายในรถเข็นสำหรับเราสองคน เริ่มที่เผือกทอดครับ เป็นแบบเผือกเส้นนำมาทอดเป็นแพๆ รสชาติกรุบกรอบอร่อยมาก เรียกว่าทานแล้วคิดถึงเฟรนซ์ฟรายกันเลยทีเดียว เนื้อสัมผัสเผือกด้านในยังคงได้รสชาติความหอมอยู่เต็มๆ ตามด้วยไชเท้าทอด ตรงนี้กรอบนอกนุ่มด้านใน ผู้สูงอายุทั้งหลายชื่นชอบกันแบบสุดๆ ปอเปี๊ยะไส้วุ้นเส้น รสชาติเน้นพริกไทย เฉยๆครับ ทานได้ หลังจากชิมกันเป็นที่เรียบร้อย เราจึงสั่งกลับบ้านไปฝากคนที่บ้านอีกชุดเช่นเคยครับ และเมื่อได้ของครบแล้ว ก็รู้สึกอยากหาอะไรหวานๆทานกันสักหน่อย จึงมุ่งหน้าเดินเข้าไปในซอยข้างศาลเจ้า ก็พบกับ ร้านขายขนมหวาน ที่มีเครื่องให้เลือกใส่มากมายครับ


ร้านขนมหวาน

                       หลังจากสั่งเป็นที่เรียบร้อย เราสองคนก็เลือกกันคนละแบบครับ กะทิสด และน้ำตาลเคี่ยว ตรงนี้กะทิสดอร่อยมากครับ หอม เค็ม กำลังดี น้ำเชื่อมมีใส่เนื้อขนุนไว้ด้วยครับ ที่เด็ดที่สุดของทางร้านคือ เผือกกวนครับ อร่อยแบบสุดๆ รสชาติสูสีกับร้านขนมหวานที่เพชรบุรีกันเลย ในราคาถ้วยละ 30 บาท ร้านขนมหวานบอกว่านั่งทานที่โต๊ะของร้านขนมจีนได้ เป็นร้านเดียวกัน

น้ำยากะทิและน้ำพริก

                       ระหว่างที่นั่งทานขนมหวานไป ก็ได้กลิ่นหอมๆของน้ำยากะทิ ที่กำลังอุ่นอยู่ในหม้อ ทำให้แฟนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สั่งขนมจีนน้ำยามาอีก 1 จานครับ

ขนมจีนน้ำยา


                   ขนมจีนน้ำยา เนื้อน้ำยาไม่ได้มาแบบข้น แต่รสชาติจัดจ้านโอเคดีเลยนะครับ ทานคู่กับผักสดบนโต๊ะ ในราคาจานละ 45 บาท แต่ด้วยมีความอยากลองขนมจีนน้ำพริกด้วย แต่ตอนนี้ทานไม่ไหวแล้ว เลยสั่งใส่ถุงกลับไปลองทานที่บ้าน (ปรากฏว่า ขนมจีนน้ำพริกรสชาติอร่อยมากๆครับ ในความรู้สึกส่วนตัวต้องบอกว่า อร่อยกว่าน้ำยาอีก)

                      ระหว่างที่ทานขนมจีน แฟนก็เดินไปซื้อน้ำแห้ว เจ้าดังในซอยมาให้ทานครับ รสชาติไม่หวานมาก หอมกลิ่นแห้ว ทานแล้วสดชื่นดีครับ ตอนนี้ปริมาณของในมือที่ซื้อกลับบ้านเริ่มเยอะขึ้นแล้ว หลังจากปรึกษากันเราสองคนจึงตัดสินใจ ที่จะเรียกแท๊กซี่กลับไปเอารถที่ฟอร์จูนกันน่าจะดีกว่า เพราะถ้าถือถุงอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว ในปริมาณเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้ กลิ่นน่าจะไปรบกวนคนอื่นครับ 

                  นั่นเองคือจุดเริ่มต้นอีกครั้ง เพราะเมื่อเดินออกมาจากปากซอย สายตาก็ไปพบกับ ร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำเจ ตั้งอยู่ริมถนน ด้วยความอยากลองทาน แฟนจึงเดินมุ่งหน้าไปทางร้าน และหาโต๊ะนั่งทันทีครับ


หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว

เกาเหลาโฟ

เซี่ยงไฮ้น้ำ

เส้นเซี่ยงไฮ้


                       และเมื่อแฟนทำการสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อย เราก็เลยลองบ้าง ความทรงจำเรื่องเส้นบะหมี่เจยังคงมีอยู่ เราเลยเลือกเส้นที่ธรรมดาก็ไม่มีส่วนผสมของอย่างอื่นอยู่แล้ว ใช้เวลาไม่นานครับ ชามก๋วยเตี๋ยวก็มาอยู่ตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย น้ำเย็นตาโฟ รสชาติใช้ได้นะครับ กลมกล่อมอยู่ ในส่วนของน้ำใสก็เป็นแบบเช็งๆ รสชาติพริกไทยนำ เส้นเซี่ยงไฮ้ลวกออกมาได้ดี เหนียวหนึบ กำลังอร่อย เครื่องก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุด เป็นฮื่อก้วยเจ ครับ รสชาติดีมาก จนอยากจะขอซื้อสักเส้นกลับไปที่บ้าน แต่่ร้านก๋วยเตี๋ยวบอกว่า เหลือปริมาณไม่มากพอแบ่งขายได้ ต้องเก็บไว้เป็นเครื่องก๋วยเตี๋ยวครับ สำหรับเมนูนี้ ราคาชามละ 50 บาทครับ ระหว่างที่ทานเสร็จ ก็หันไปเห็นป้ายเมนูเครื่องดื่มเจ


ป้ายเมนูเครื่องดื่มเจ

                 เหมือนเดจาวูครับ แฟนไวมาก หันมาบอกว่า หาเครื่องดื่มเย็นๆกันเถอะ แล้วก็หายแวบเข้าไปในร้านกาแฟ Antiques Cafe เป็นที่เรียบร้อยครับ


Antiques Cafe

เคาน์เตอร์ เครื่องดื่ม

บรรยากาศหน้าร้าน

โกโก้เย็น

                       ภายในร้านตกแต่งด้วยของโบราณหลากหลายครับ และระหว่างที่เรากำลังถ่ายรูปเล่นกันอยู่ น้องพนักงานก็บอกว่า ด้านในและด้านบน มีเปิดให้เข้าชมของโบราณอื่นๆอีกมากมายนะครับ สามารถเข้าไปชมได้ และของทุกชิ้นภายในร้าน จำหน่ายนะครับ ถ้าสนใจ สามารถสอบถามราคากันได้ครับ หลังจากเราเดินชมข้าวของ กันเป็นที่เรียบร้อย ก็เรียกแท๊กซี่กลับมายังฟอร์จูนครับ เสียค่าใช้จ่ายเป็นทางด่วน 50 บาท และค่าแท๊กซี่ 85 บาท เป็นอันจบทริปส่งท้ายเทศกาลกินเจในปีนี้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ร้าน เสียน หยง ซู่ สือ เหวียน ถ.จันทน์

                    วันอาทิตย์ที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลทานอาหารเจ เราและครอบครัวไปทำธุระแถวฝั่งธนกัน หลังจากเสร็จธุระเป็นที่เรียบร้อย ในเวลาประมาณใกล้เที่ยง ก็ถึงเวลาของการเลือกหาร้านอาหารทานกันครับ เช่นเคยเปิดเวปไซด์ค้นหาร้านอาหารเจกัน ในตอนแรกอยากไปทานหมี่ผัดเจกันที่ตลาดพลู แต่ด้วยหาที่จอดรถไม่ได้ครับ จึงขับเลยไปยังถนนจันทน์กันแทน

                      ระหว่างขับรถมุ่งหน้าไปยังถนนจันทน์ก็เปิดค้นหาชื่อร้านอาหารไปด้วย แล้วก็มาถูกใจกับชื่อ ร้าน เสียน หยงฯ ด้วยชื่อทางร้านดูจีนดีครับ ประกอบกับคำบรรยายในเวปไซด์ว่า เป็นร้านอาหารจีนไต้หวัน ทำให้ท่านแม่ออกความเห็นทันที ว่าเอาร้านนี้แระ อาหารเจไต้หวันอร่อยมาก ท่านแม่เป็นอดีตสมาชิกสมาคมไต้หวัน ประมาณนั้นเลยครับ ก็เลยได้ข้อสรุปกันเป็นที่เรียบร้อย 

                           ร้านอยู่ริมถนนจันทน์นะครับ เพราะฉะนั้นเรื่องที่จอดรถ ต้องหาจอดริมถนนกันตามอัธยาศัย ระวังอย่าไปขวางทางเข้าออกบ้านบุคคลอื่นนะครับ ใจเขาใจเราครับ


หน้าร้าน มีเคาน์เตอร์ก๋วยเตี๋ยว

บรรยากาศหน้าร้าน

                      ร้านอาหารเป็นตึกแถว 2 คูหานะครับ แบ่งด้านหน้าทางขวาเป็นโซนก๋วยเตี๋ยว ด้านซ้ายเป็นข้าวราดแกง สำหรับที่นั่งอยู่ตรงกลางภายในร้านครับ โต๊ะนั่งมีพอสมควร แต่ด้วยช่วงเวลาที่เราไปใช้บริการเป็นช่วงเที่ยง ทำให้โต๊ะค่อนข้างเต็มครับ ตรงไหนว่าง สามารถไปนั่งได้นะครับ หรือจะขอแบ่งนั่งกับลูกค้าท่านอื่นก็ได้ครับ ตามอัธยาศัยเลย บรรยากาศภายในร้าน มีความขลังครับ น่าจะเปิดให้บริการขายอาหารมาเป็นเวลานาน และมีวัตถุดิบอาหารเจ หลากหลายรายการจำหน่ายด้วยนะครับ 


กับข้าวเจ


ถั่วคั่ว ขิงดอง

                 หลังจากได้ทำเลที่นั่งแล้ว ก็ถึงเวลาไปสั่งอาหารครับ ในส่วนของข้าวแกง ก็เดินไปสั่งราดข้าว หรือจะตักเป็นกับข้าวเลยก็ได้ จากนั้นจะได้อาหารมาถือในมือครับ แต่ไม่มีช้อน ส้อม ตอนแรกก็งงๆครับ โชคดีที่ลูกค้าท่านอื่นแนะนำว่า เอาข้าวไปชำระเงินที่มุมด้านขวามือด้านในเลย หลังจากจ่ายเงินแล้ว ก็หยิบช้อนส้อม อุปกรณ์ในการทานออกมาทานได้เลยครับ ทางร้านใช้ระบบบริการตนเองครับ


แกงเขียวหวานเจราดข้าว - 40 บาท

เห็ดเสียบไม้ย่าง

ก๋วยจั๊บเจ - 40 บาท

ก๋วยจั๊บเจ - 40 บาท

จุดชำระเงินด้านใน

เกี้ยมอี๋น้ำ - 40 บาท

บะหมี่โฟแห้ง - 40 บาท

                    อาหารส่วนใหญ่จะเริ่มต้นในราคาเมนูละ 40 บาทครับ สำหรับข้าวราดแกง อร่อยดีครับ รสชาติเข้มข้นดี ชอบน้ำจิ้มซีฟู้ดเจที่ใช้ราดบนเห็ดย่างเสียบไม้ครับ รสชาติจัดจ้าน อร่อย เห็ดก็ย่างออกมากำลังดี ทานแล้วโอเคเลยครับ

                    ในส่วนของก๋วยเตี๋ยวน้ำ ถ้าสั่งทานเป็นเมนู ก๋วยจั๊บ เกี้ยมอี๋ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ รสชาติสัมผัสที่ได้ก็จะปกติดีครัรบ น้ำซุปร้อน อร่อยกลมกล่อมใช้ได้เลย แต่เมื่อมาสั่งเส้นบะหมี่ ด้วยปกติ บะหมี่ที่เราคุ้นเคยกัน จะเป็นบะหมี่ผสมไข่ เมื่อมาเจอ บะหมี่เจ ทำให้รสสัมผัสแอบแหยะ เละ เล็กน้อยเลยครับ เรียกว่าถ้าติดรสสัมผัสแบบปกติมาแล้ว ไม่น่าจะทานได้ครับ แนะนำให้สั่งเส้นอื่นๆแทนครับ 

                  ในส่วนของเครื่องก๋วยเตี๋ยวก็รสชาติปกติดีครับ ลูกชิ้นเจ หมูแดงเจ ทานได้ครับ ผักสดก็กรุบกรอบดี โดยรวมทานได้ครับ ถ้าเทียบกับความคุ้มค่าในราคาที่่จ่ายไป ในความเห็นส่วนตัวนะครับ ยังไม่ค่อยโดนครับ ปริมาณอาหารเทียบกับราคาแล้วก็ไม่ได้แพงแต่อย่างใด แต่รสชาติยังไม่ถูกใจถึงกับอยากกลับมาซ้ำอีกครั้งครับ หลังจากทานอิ่มกันเรียบร้อย ตรงปากซอยร้าน จะมีรถเข็นขายกล้วยปิ้งครับ หน้าตาดูน่าทานมากๆเลย จึงไม่รอช้าที่จะซื้อมาทานกันครับ ในราคาถุงละ 20 บาท น้ำกะทิที่ราด หอม หวาน อร่อยกลมกล่อมมากๆครับ แต่เสียดาย วันนี้กล้วยที่แข็งแบบห่ามๆหมดแล้ว ทำให้มีแต่นิ่มๆ 


ปากซอยจันทน์ 39

ร้านขายกล้วยปิ้ง

กล้วยปิ้งพร้อมน้ำกะทิ


วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ร้านเย็นตาโฟรสเด็ด แบริ่ง 68

                       ร้านเย็นตาโฟรสเด็ด แบริ่ง 68 เป็นร้านประจำของครอบครัวแฟนมานาน และปกติที่เรามาแถวลาซาล แบริ่ง ก็ไม่เคยพลาดที่จะมาทานร้านนี้ ด้วยวันอังคารที่ผ่านมา ต้องไปซื้ออาหารเจที่ตลาดสำโรง เราจึงตั้งใจมาทานกันก่อนไปเดิน เหตุผลหลักเพราะเพิ่งเปิดดูรายการของ Youtuber ท่านนึง ที่พามารีวิวร้านอาหารในซอยแบริ่ง เราจึงไม่พลาดที่จะมาทานกันอีกสักครั้ง หลังไม่ได้แวะมาทานนานพอสมควร 

                         ร้านเริ่มเปิดขายในเวลาประมาณ 8 โมงเช้าครับ พิกัดหาไม่ยากเลย มีป้ายร้านเด่นชัดเจน สำหรับที่จอดรถ ก็สามาถหาจอดได้ที่ริมถนนครับ สำหรับที่นั่งจะมีทั้งหน้าร้าน และด้านในตึกครับ 


โซนหน้าร้าน

รายการอาหารและราคา

                            ด้วยเรามาถึงในเวลาทางร้านเพิ่งจะเปิดขาย ทำให้โต๊ะด้านหน้ายังคงว่าง เลยเลือกนั่งด้านหน้าเลย เพื่อความสะดวกในการสั่งอาหาร ตรงนี้สามารถเขียนรายการอาหารลงในกระดาษพร้อมเบอร์โต๊ะได้เลยครับ ใช้เวลาไม่นาน รายการอาหารก็นำออกมาเสริฟ์กันจ้า

แมงกะพรุนลวก 50 บาท


บะหมี่แห้งโฟยำ ไม่ใส่ลูกชิ้นปลากลม และลูกชิ้นปลารักบี้

น้ำซุปสำหรับบะหมี่แห้ง

อุปกรณ์ในการทาน

เครื่องปรุง

หนังปลาทอด

เกี๊ยวทอด

ลูกชิ้นกุ้งทอด
บะหมี่เส้นเหนียวนุ่ม


เส้นหมี่โฟยำ

เกี้ยมอี๋น้ำ ไม่ใส่ลูกชิ้นปลากลมและลูกชิ้นปลารักบี้


                 สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ ต้องขอบอกว่า ยังคงความอร่อยไว้เหมือนเดิมเลย สำหรับส่วนตัวแล้ว ถ้าพูดถึงเย็นตาโฟต้มยำ ต้องที่นี่เลยครับ ทางร้านปรุงรสชาติมาแล้วไว้เข้มข้น จัดจ้าน น้ำซอสเย็นตาโฟก็อร่อยครับ ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มแต่อย่างใด แต่ขอแนะนำให้ทานแบบแห้งนะครับ เพราะแอบรู้สึกเองว่า โฟยำแบบน้ำ รสชาติจะอ่อนกว่าครับ ไม่ค่อยถึงใจ

                       เครื่องเคียงของก๋วยเตี๋ยวสามารถสั่งมาทานเพิ่มแยกได้ทุกชนิดครับ เผือกทอดทางร้านทอดออกมาได้กรอบอร่อย เช่นเดียวกับแผ่นเกี๊ยวทอดและลูกชิ้นกุ้งทอด สามารถทานเล่นได้ หรือจะเอามาใส่เพิ่มในก๋วยเตี๋ยวก็ยังได้ และเมนูชอบส่วนตัวครับ แมงกะพรุนลวก ทางร้านให้มาแบบชิ้นใหญ่ๆ เรียกว่ามาเป็นพวงกันเลยครับ น่าจะสะใจและถูกใจสำหรับคนชอบใหญ่ๆ แต่ส่วนตัวแล้ว อยากได้แบบตัดเป็นชิ้นๆสักหน่อย เพราะใส่ปากค่อนข้างยากครับ แต่ความสด กรอบ อร่อย มาเต็มครับ

                     สำหรับเส้นบะหมี่ทางร้านลวกออกมาได้ เหนียว นุ่ม กำลังดี มากๆ ทานกี่ครั้งก็อร่อยแบบเดิม โดยรวมแล้วความคุ้มค่าสำหรับมื้อนี้ในราคา 260 บาท เรียกว่าคุ้มค่ามากๆครับ เพราะได้ครบทั้งคุณภาพ และปริมาณอาหาร เสียดายอย่างเดียวครับ สำหรับคนที่ชอบทานก๋วยเตี๋ยวแบบร้อนๆ อาจจะต้องเลือกที่จะนั่งด้านหน้า เพราะถ้าสั่งอาหารหลายอย่าง ทางร้านจะนำชามที่ปรุงเสร็จแล้ว รอใส่ถาดไว้ก่อน จนครบทุกรายการเมนู ถึงจะนำออกมาเสริฟ์ที่โต๊ะ ทำให้น้ำซุปที่ร้อนเริ่มเย็นลงครับ 

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ก๋วยเตี๋ยวเจ๊อ๋อย เกาะสีชัง

                     วันนี้มีโอกาสได้ไปทำธุระที่เกาะสีชัง หลังจากได้เปิดดูรีวิวร้านอาหาร มีหลายท่านแนะนำว่า ไม่ควรพลาดที่จะทานร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊อ๋อย พิกัดตั้งอยู่ใกล้ๆกับท่าเรือเกาะสีชังเลยครับ แต่ทางเดินเข้าไปค่อนข้างจะลึกลับ ซับซ้อน นิดหน่อยครับ เมื่อเดินเข้ามาถึง ร้านจะหันหน้าออกไปยังทะเลเลยครับ


ร้านเจ๊อ๋อย

                        เมื่อก้าวเข้ามาถึงภายในร้าน ก็สามารถเลือกหาโต๊ะว่างได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ ตั้งใจจะมาลองทาน ปลาหมึกแดดเดียว แต่เจ้าของร้านบอกว่า ช่วงนี้มีแต่ฝนตก ไม่มีแดดให้ตาก ทำให้เมนูนี้ไม่มีในวันนี้ครับ บนโต๊ะจะมีรายการเมนูให้เลือกสั่ง พร้อมแจ้งราคาให้เรียบร้อยครับ


เมนู

                     
                        หลังจากสั่งรายการก๋วยเตี๋ยวไปไม่นาน ก็ออกมาทะยอยเสริฟ์กันครับ 


บะหมี่แห้งทะเล

บะหมี่แห้งโฟต้มยำทะเล

น้ำซุป

เกี๋ยวปลา+เส้นปลา ทะเล น้ำใส

                สำหรับรสชาติอาหารตามความรู้สึกส่วนตัวนะครับ น้ำซุปร้อน หอมหวาน กลมกล่อมดีครับ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าเย็นตาโฟ รู้สึกว่ายังไม่สุดครับ แต่สำหรับน้ำใส หรือแบบไม่ใส่ซอส อร่อยกว่ามากครับ เครื่องทะเลมาแบบสด เส้นปลาไม่มีกลิ่นเหม็น เกี๊ยวปลา แป้งหนาไปนิดนึง แต่ก็อร่อยกลมกล่อมดีครับ

               เส้นบะหมี่ก็มาแบบเหนียว นุ่ม ลวกมาอร่อยกำลังดี เสียดายกุ้งชุบแป้งทอด ไม่กรอบแล้ว แต่ตรงนี้ทางร้านก็แจ้งล่วงหน้าแล้วครับ โดยรวมแล้ว อร่อยดีครับ เมื่อเทียบปริมาณอาหาร รสชาติ คุณภาพ กับราคาที่จ่ายไปแล้ว คุ้มค่าทีเดียวครับ โอกาสหน้ามาเกาะสีชัง จะแวะมาทานอีกรอบครับ หวังว่ารอบหน้าจะได้ทานปลาหมึกแดดเดียวด้วยครับ

บทความที่ได้รับความนิยม