มื้อเย็นวันอาทิตย์ เป็นหัวข้อระดับชาติของที่บ้านเลยครับ ว่าจะทานอะไรกันดี ด้วยเราจะทานมื้อเที่ยงกันเต็มที่มาแล้ว และมื้อเย็นก็จะไม่ทานกันค่ำมาก ประมาณ 4-5 โมง ก็อยากจะทานอาหารให้เรียบร้อย เพื่อกลับมาพักผ่อนกันที่บ้าน ก่อนที่วันรุ่งขึ้นก็ต้องทำงานกันต่อเนื่องยาวทั้งอาทิตย์กันต่อ และครั้งนี้เรามีผู้ร่วมทริปกันเพียง 3 คน รวมท่านแม่แล้ว ด้วยความที่ไม่อยากไปนั่งอยู่บนรถนานๆ ไม่อยากเดินทางไปที่ไกลๆ เราจึงตัดสินใจไปทานกันที่ เอสพานาด สาขารัชดาภิเษก
ระหว่างขับรถเดินทางไป ก็ยังคิดกันไม่ออกครับ ว่าทานร้านอะไรดี ท่านแม่ก็บอกเพียงว่า อยากทานอะไรที่ร้อนๆ มีน้ำซุป แต่ก็ไม่อยากทานบุฟเฟ่ต์เพราะหนักท้องไป คิดไปคิดมา ก็นึกถึงสโลแกน "คิดถึงสีฟ้า เวลาหิว" ทำให้ตัดสินใจไปทานกันที่ร้านสีฟ้าครับ เพราะท่านแม่บอกว่า ร้านสีฟ้า มีเมนูกระเพาะปลาน้ำแดง จะได้ทานร้อนๆ เคลือบกระเพาะดี พิกัดอยู่ชั้นใต้ดิน เราจึงเลือกจอดรถที่ชั้นใต้ดินเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขึ้น-ลงลิฟต์ เมื่อมาถึงหน้าร้าน แจ้งจำนวนกับทางน้องพนักงาน แล้วก็เลือกโต๊ะนั่งได้ตามชอบครับ หลังจากได้ที่นั่งแล้ว ทางพนักงานก็จะนำเมนูมาให้เราเลือกสั่งอาหารครับ
บนโต๊ะจะมีแผ่นโฆษณา ไว้วางรองจาน มีช้อนส้อม ตะเกียบ วางไว้ให้บริการพร้อมสรรพครับ หลังสั่งอาหาร เราก็ทำการสั่งเครื่องดื่มครับ ท่านแม่ก็สั่งเป็นชาร้อนเช่นเดิม สักพักน้องพนักงานแจ้งว่า ชาร้อนหมด มีแต่น้ำตะไคร้อย่างเดียวที่มีแบบร้อนให้บริการครับ ก็เลยตามนั้นครับ
น้ำดื่ม |
น้ำตะไคร้ร้อน |
หลังจากเครื่องดื่มมาทำการเสริฟ์ จากนั้นก็จะเป็นรายการอาหารที่เราสั่ง เริ่มทะยอยนำออกมาครับ มีทิ้งช่วงตรงกระเพาะปลาจานสุดท้าย ที่ใช้เวลาในการทำอาหารค่อนข้างนานเป็นพิเศษ
เป็ดย่าง |
ปอเปี๊ยะสด |
น้ำจิ้มเป็ด |
ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ |
ยำถั่วพลู |
กระเพาะปลาน้ำแดงปู |
รสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของครอบครัวเรานะครับ เริ่มจากเป็ดย่าง จานนี้แอบเครียดครับ รสชาติไม่ค่อยถูกใจเท่าไร เนื้อเป็ดมาค่อนข้างหนาดีครับ แต่รสชาติน้ำราดและรสชาติของเนื้อเป็ดแปลกๆครับ น่าจะไม่ใช่ทางของเรา ตามมาด้วย ปอเปี๊ยะสด เหมือนที่นี่เคยทำอร่อยกว่านี้ครับ รอบนี้น้ำราดมาแบบอย่างข้นและเหนียว แต่ก็ทานได้ครับ
ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ เมนูที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะอร่อย กลับกลายเป็นว่าอร่อยมากครับ ผัดมาได้หอมกลิ่นกระทะ และไม่มีความมันในจานเลย รสชาติออกมาได้กลมกล่อมสุดๆ ยกให้เป็นจานพระเอกของมื้อนี้เลยครับ ต่อด้วย ยำถั่วพลู รสชาติไม่เผ็ดมาก ออกแนวแปลกๆดีครับ ไม่เคยทานแบบใส่มะพร้าวคั่วที่เหมือนทานในเมี่ยงคำครับ
ปิดท้ายด้วยเมนูกระเพาะปลาน้ำแดงปู เมนูที่ทำให้ตัดสินใจมาทานที่ร้านนี้ รสชาติทำออกมาทานได้ครับ เสริฟ์มาในหม้อดิน ทำให้น้ำร้อนได้นาน มีเนื้อปู กระเพาะปลาชิ้นใหญ่ ยาวดีครับ
สรุปนะครับ อาหารส่วนใหญ่รสชาติทานได้ครับ มีอร่อยถูกใจบ้างรายการ สำหรับราคาบางจานก็รู้สึกว่าเหมาะสม แต่บางจานก็รู้สึกว่าแอบแพงไปค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรมากเท่ากับ น้ำตะไคร้ร้อน ในราคาแก้วละ 65 บาท กับกระเพาะปลาน้ำแดงชามเล็กๆราคา 245 บาท อันนี้ก็แล้วแต่ความพึงพอใจในการทานของแต่ละท่านล่ะครับ และทางร้านก็มีแจ้งราคาไว้แล้วชัดเจนครับ อันนี้ต่อว่ากันไม่ได้ ช่วงนี้มีโปรโมชั่นส่วนลดจากบัตรเครดิต KTC 10% ด้วยนะครับ
สุดท้ายครับ บนโต๊ะอาหารทุกโต๊ะจะเห็นว่า มีป้ายโปรโมชั่นมากมายครับ มีรายการนึงคือการกดเข้าไปสแกนบาร์โค้ด เพื่อรับน้ำสมุนไพรฟรี ราคาแก้วละ 65 บาท ด้วยความอยากได้ของฟรีครับ ก็เลยลองสแกนเข้าไป ปรากฏว่า จะต้องมีการกรอกข้อมูลในแบบสอบถาม มากมายหลายหน้าครับ ระหว่างที่เรากำลังกดตอบไปประมาณ 10 กว่าหน้า น่าจะไปประมาณครึ่งทาง ก็เพิ่งจะมาสังเกตว่า มีดอกจันทน์ด้านล่างป้ายแจ้งว่า สามารถใช้รหัสน้ำฟรีได้ครั้งต่อไปที่มาทานนะครับ เพราะระบบที่เรากำลังกรอกนั้น ต้องใช้เวลาในการอัพเดทข้อมูลครับ ไม่ได้ใช้ได้เลยในครั้งนี้ เลยยกเลิกการกรอกทิ้งครับ และเมื่อทานเสร็จ ก็ได้จับฉลากคูปองส่วนลดอาหารครับ สามารถสั่งอาหารในเมนูตามป้ายได้ในราคาเหลือ 8 บาท, 18, 28 บาท ประมาณนี้ แต่ก็เช่นเดิมครับ สามารถใช้ได้ในครั้งต่อไป และสามารถใช้ได้เฉพาะทานในร้านเท่านั้น สั่งกลับบ้านไม่ได้นะครับ
บิลค่าเสียหาย |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น