วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ร้านอาหาร สีฟ้า

                 มื้อเย็นวันอาทิตย์ เป็นหัวข้อระดับชาติของที่บ้านเลยครับ ว่าจะทานอะไรกันดี ด้วยเราจะทานมื้อเที่ยงกันเต็มที่มาแล้ว และมื้อเย็นก็จะไม่ทานกันค่ำมาก ประมาณ 4-5 โมง ก็อยากจะทานอาหารให้เรียบร้อย เพื่อกลับมาพักผ่อนกันที่บ้าน ก่อนที่วันรุ่งขึ้นก็ต้องทำงานกันต่อเนื่องยาวทั้งอาทิตย์กันต่อ และครั้งนี้เรามีผู้ร่วมทริปกันเพียง 3 คน รวมท่านแม่แล้ว ด้วยความที่ไม่อยากไปนั่งอยู่บนรถนานๆ ไม่อยากเดินทางไปที่ไกลๆ เราจึงตัดสินใจไปทานกันที่ เอสพานาด สาขารัชดาภิเษก

               ระหว่างขับรถเดินทางไป ก็ยังคิดกันไม่ออกครับ ว่าทานร้านอะไรดี ท่านแม่ก็บอกเพียงว่า อยากทานอะไรที่ร้อนๆ มีน้ำซุป แต่ก็ไม่อยากทานบุฟเฟ่ต์เพราะหนักท้องไป คิดไปคิดมา ก็นึกถึงสโลแกน "คิดถึงสีฟ้า เวลาหิว" ทำให้ตัดสินใจไปทานกันที่ร้านสีฟ้าครับ เพราะท่านแม่บอกว่า ร้านสีฟ้า มีเมนูกระเพาะปลาน้ำแดง จะได้ทานร้อนๆ เคลือบกระเพาะดี พิกัดอยู่ชั้นใต้ดิน เราจึงเลือกจอดรถที่ชั้นใต้ดินเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขึ้น-ลงลิฟต์ เมื่อมาถึงหน้าร้าน แจ้งจำนวนกับทางน้องพนักงาน แล้วก็เลือกโต๊ะนั่งได้ตามชอบครับ หลังจากได้ที่นั่งแล้ว ทางพนักงานก็จะนำเมนูมาให้เราเลือกสั่งอาหารครับ

               



            บนโต๊ะจะมีแผ่นโฆษณา ไว้วางรองจาน มีช้อนส้อม ตะเกียบ วางไว้ให้บริการพร้อมสรรพครับ หลังสั่งอาหาร เราก็ทำการสั่งเครื่องดื่มครับ ท่านแม่ก็สั่งเป็นชาร้อนเช่นเดิม สักพักน้องพนักงานแจ้งว่า ชาร้อนหมด มีแต่น้ำตะไคร้อย่างเดียวที่มีแบบร้อนให้บริการครับ ก็เลยตามนั้นครับ






น้ำดื่ม

น้ำตะไคร้ร้อน

                หลังจากเครื่องดื่มมาทำการเสริฟ์ จากนั้นก็จะเป็นรายการอาหารที่เราสั่ง เริ่มทะยอยนำออกมาครับ มีทิ้งช่วงตรงกระเพาะปลาจานสุดท้าย ที่ใช้เวลาในการทำอาหารค่อนข้างนานเป็นพิเศษ


เป็ดย่าง

ปอเปี๊ยะสด

น้ำจิ้มเป็ด

ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

ยำถั่วพลู

กระเพาะปลาน้ำแดงปู

                        รสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของครอบครัวเรานะครับ เริ่มจากเป็ดย่าง จานนี้แอบเครียดครับ รสชาติไม่ค่อยถูกใจเท่าไร เนื้อเป็ดมาค่อนข้างหนาดีครับ แต่รสชาติน้ำราดและรสชาติของเนื้อเป็ดแปลกๆครับ น่าจะไม่ใช่ทางของเรา ตามมาด้วย ปอเปี๊ยะสด เหมือนที่นี่เคยทำอร่อยกว่านี้ครับ รอบนี้น้ำราดมาแบบอย่างข้นและเหนียว แต่ก็ทานได้ครับ

                         ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ เมนูที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะอร่อย กลับกลายเป็นว่าอร่อยมากครับ ผัดมาได้หอมกลิ่นกระทะ และไม่มีความมันในจานเลย รสชาติออกมาได้กลมกล่อมสุดๆ ยกให้เป็นจานพระเอกของมื้อนี้เลยครับ ต่อด้วย ยำถั่วพลู รสชาติไม่เผ็ดมาก ออกแนวแปลกๆดีครับ ไม่เคยทานแบบใส่มะพร้าวคั่วที่เหมือนทานในเมี่ยงคำครับ 

                      ปิดท้ายด้วยเมนูกระเพาะปลาน้ำแดงปู เมนูที่ทำให้ตัดสินใจมาทานที่ร้านนี้ รสชาติทำออกมาทานได้ครับ เสริฟ์มาในหม้อดิน ทำให้น้ำร้อนได้นาน มีเนื้อปู กระเพาะปลาชิ้นใหญ่ ยาวดีครับ 

                     สรุปนะครับ อาหารส่วนใหญ่รสชาติทานได้ครับ มีอร่อยถูกใจบ้างรายการ สำหรับราคาบางจานก็รู้สึกว่าเหมาะสม แต่บางจานก็รู้สึกว่าแอบแพงไปค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรมากเท่ากับ น้ำตะไคร้ร้อน ในราคาแก้วละ 65 บาท กับกระเพาะปลาน้ำแดงชามเล็กๆราคา 245 บาท อันนี้ก็แล้วแต่ความพึงพอใจในการทานของแต่ละท่านล่ะครับ และทางร้านก็มีแจ้งราคาไว้แล้วชัดเจนครับ อันนี้ต่อว่ากันไม่ได้ ช่วงนี้มีโปรโมชั่นส่วนลดจากบัตรเครดิต KTC 10% ด้วยนะครับ

                  สุดท้ายครับ บนโต๊ะอาหารทุกโต๊ะจะเห็นว่า มีป้ายโปรโมชั่นมากมายครับ มีรายการนึงคือการกดเข้าไปสแกนบาร์โค้ด เพื่อรับน้ำสมุนไพรฟรี ราคาแก้วละ 65 บาท ด้วยความอยากได้ของฟรีครับ ก็เลยลองสแกนเข้าไป ปรากฏว่า จะต้องมีการกรอกข้อมูลในแบบสอบถาม มากมายหลายหน้าครับ ระหว่างที่เรากำลังกดตอบไปประมาณ 10 กว่าหน้า น่าจะไปประมาณครึ่งทาง ก็เพิ่งจะมาสังเกตว่า มีดอกจันทน์ด้านล่างป้ายแจ้งว่า สามารถใช้รหัสน้ำฟรีได้ครั้งต่อไปที่มาทานนะครับ เพราะระบบที่เรากำลังกรอกนั้น ต้องใช้เวลาในการอัพเดทข้อมูลครับ ไม่ได้ใช้ได้เลยในครั้งนี้ เลยยกเลิกการกรอกทิ้งครับ และเมื่อทานเสร็จ ก็ได้จับฉลากคูปองส่วนลดอาหารครับ สามารถสั่งอาหารในเมนูตามป้ายได้ในราคาเหลือ 8 บาท, 18, 28 บาท ประมาณนี้ แต่ก็เช่นเดิมครับ สามารถใช้ได้ในครั้งต่อไป และสามารถใช้ได้เฉพาะทานในร้านเท่านั้น สั่งกลับบ้านไม่ได้นะครับ


บิลค่าเสียหาย

ร้านแหลมเจริญซีฟู้ด

               ร้านอาหารทะเลซีฟู้ด ที่มีสาขาอยู่มากมาย ทั้งในห้างและนอกห้าง โดยครอบครัวเราทานกันมานานตั้งแต่สมัยที่มีสาขาเดียวที่จ.ระยอง เมนูที่ติดใจมากที่สุดก็เป็นปลากระพงทอดน้ำปลา ที่ทานร้านอาหารร้านอื่น ก็ไม่ได้รสชาติน้ำปลาที่ราดแล้วกลมกล่อมเท่าที่นี่ มาในวันนี้หลังจากทำบุญเสร็จ ก็เลยเลือกที่จะมาทานกันที่ร้านนี้ีที่สาขาแยกเหม่งจ๋ายครับ สาขานี้มีที่จอดรถไว้ให้บริการค่อนข้างกว้างครับ เลือกจอดได้ตามอัธยาศัยเลย ภายในร้านก็ค่อนข้างโปร่ง นั่งสบายครับ เรามาถึงภายในร้านประมาณเวลาสิบเอ็ดโมงนิดหน่อย ทำให้ลูกค้าภายในร้านยังไม่ค่อยมาก หลังจากเลือกที่นั่งได้แล้ว น้องพนักงานก็จะนำเมนูมาให้เราทำการเลือกสั่งอาหารครับ




                     ระหว่างทำการเลือกสั่งอาหาร ก็สั่งเครื่องดื่ม ที่นี่มีให้เลือกหลากหลายรายการครับ วันนี้เราเลือกสั่งชาร้อน กับน้ำเปล่า บนโต๊ะก็จะมีจานพร้อมช้อนส้อม น้ำจิ้มซีฟู้ด และตะกร้าใส่เศษอาหาร วางไว้บริการพร้อมครับ









                   หลังจากสั่งอาหารไป ที่นี่ทำอาหารไม่ช้านะครับ ยกเว้นเมนูปลา ซึ่งอาจจะใช้เวลานานสักนิดในการปรุงอาหาร ประมาณ 7-8 นาที อาหารก็ทะยอยนำออกมาเสริฟ์ครับ

ห่อหมกปลาอินทรีย์

ทอดมันปลากราย

ห่อยจ๊อปู

ข้าวผัดปูจานใหญ่

พริกน้ำปลา

ยำปลาข้าวสาร

ต้มยำโป๊ะแตกใหญ่

ทอดมันกุ้ง

ปลากระพงทอดน้ำปลา

ปลาหมึกทอดราดน้ำปลา

ปลากระพงทอดราดพริก 3 รส

หอยเชลส์ผัดฉ่า

ไอศครีมสับปะรดภูแล
                     
                      สรุปรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของครอบครัวเรานะครับ ห่อหมกปลาอินทรีย์ รสชาติยังคงละมุนครับ ไม่เผ็ดมาก รสชาติทานง่าย หอมหวานมันกะทิ อร่อยดีครับ ทอดมันปลากราย ทอดมันกุ้ง ห่อยจ้อปู รสชาติปกติครับ ทานได้ปกติ

                            ข้าวผัดปู ทำออกมาได้ดีเหมือนเดิมครับ ตัวข้าวเม็ดร่วนกำลังอร่อย ผัดออกมามีกลิ่นหอมของกระทะด้วย ทานแล้วอร่อยมากครับ ยำปลาข้าวสาร รสชาติน้ำยำที่ราดมา อร่อยดีครับ ปลาข้าวสารทอดมาได้กรอบกำลังดี ทานคู่กับน้ำยำแล้วกลมกล่อม เพลินเลยครับ แปบเดียวหมดจาน

                              โป๊ะแตก อาหารหม้อไฟร้อน รสชาติออกมาจัดจ้าน แซบถึงใจครับ ยิ่งซดน้ำซุปร้อนๆนี่แทบจะพ่นไฟกันได้เลยครับ ถูกใจท่านแม่เป็นอย่างมาก ด้วยความร้อนของน้ำซุป   และความจัดจ้าน  ของรสชาติทำให้สดชื่นขึ้นมาทันที ในหม้อก็มีเนื้อปลาหมึก ปลา กุ้ง และเห็ดฟางให้ทานคู่กันไปครับ

                            มาถึงเมนูปลาทั้ง 2 จานครับ ปลากระพงทอดน้ำปลา ก็ยังคงความอร่อยไว้ดังเดิม ส่วนปลาทอดราดพริก 3 รส วันนี้ทำออกมารสชาติกลมกล่อมมากๆเลยครับ เครื่องพริก 3 รสที่ราดบนตัวปลา เข้ากันกับเนื้อปลาหวานๆ ทอดออกมากรอบๆร้อนๆ เป็นอย่างดี

                           เมนูปลาหมึกทอดราดน้ำปลา อันนี้แอบรู้สึกเหมือนกับเป็นปลาหมึกชุบแป้งทอดธรรมดาเลยครับ ไม่รู้สึกถึงน้ำปลาอะไรเลย และเมนูหอยเชลส์ผัดฉ่า หอยเชลส์ได้มาตัวใหญ่ ความสดก็ใช้ได้ครับ แต่ไม่ได้กลมกลืนในรสชาติผัดฉ่าครับ

                            ปิดท้ายที่เมนูของหวาน อย่างไอศครีมสับปะรด เมนูเด็ดที่ต้องสั่งทานทุกครั้งที่มาทานที่ร้านแหลมเจริญซีฟู้ด ด้วยการเสิรฟ์มาในลูกสับปะรดทั้งลูก เนื้อไอศครีมหอมหวาน มีเนื้อสับปะรดอยู่ด้านใน ทานแล้วเพลินสุดๆครับ แต่ราคาก็แอบแรงเหมือนกัน กับราคาลูกละ 95 บาท

                        สรุปร้านอาหารแหลมเจริญซีฟู้ด ก็ยังคงเป็นอีกร้านประจำที่ครอบครัวเราเลือกมาใช้บริการ ในเวลาที่อยากทานอาหารทะเล รสชาติจัดจ้าน ถึงใจครับ และคิดว่า เป็นอีกร้านที่หลายๆท่านน่าจะเคยมาใช้บริการกันอย่างแน่นอน


บิลค่าเสียหาย

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ร้าน เพราะดี

              หลังจากเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ที่มาทานร้านเพราะดี เราก็ห่างหายไปสักพักใหญ่ๆ เนื่องด้วยข้อกำหนดของทางร้านที่ต้องจองล่วงหน้า ซึ่งไม่ใช่ทางของครอบครัวเรา ที่นึกอยากจะทานร้านอาหารอะไร ก็จะมุ่งตรงไปทันที และด้วยเวลาที่ต้องแน่นอน ทำให้ค่อนข้างลำบากในการไปทาน

                แต่มาในวันนี้ ด้วยท่านแม่ดูรายการทีวีในเช้าวันอาทิตย์ โฆษณาร้านอาหารบุฟเฟ่ต์แนวซีฟู้ด ทำให้นึกถึงร้าน เพราะดี เราจึงทำการโทรจองร้านกันในวันอาทิตย์ เพื่อที่จะทานในรอบ 16.00 น. ขั้นตอนการจองก็ยังคงเป็นแบบเดิมนะครับ ทางร้านจะทำการแจ้งรายละเอียดมาให้ และเลขบัญชีให้ลูกค้าโอนเงินมัดจำไปก่อน โดยมัดจำท่านละ 500 บาท







             ด้วยความไม่รอบคอบ และไม่ได้ตรวจอ่านรายละเอียดที่ทางร้านส่งมาให้ เราจึงไม่ทราบว่า ทางร้านมีการปรับราคาจาก 888+ มาเป็นราคา 1,088+  และตอนนี้ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ก็เป็นราคาปกติที่ 1,088+  เพราะเรามัวแต่กังวลที่จะระบุที่นั่งด้านล่าง และขอเป็นเก้าอี้โซฟา ด้วยท่านแม่จะได้นั่งสบายและไม่ต้องเดินขึ้นไปชั้นบน แบบคราวที่แล้ว ซึ่งเรามาทราบราคาก็ตอนที่ชำระเงินครับ

               หลังจากทำการโอนเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว ก็ส่งภาพการโอนเงินไปยืนยันกับทางร้าน ก็จะเป็นอันที่เรียบร้อย เสร็จขั้นตอนการจองแบบเสร็จสมบูรณ์ครับ เมื่อถึงเวลาไปทาน เราก็เดินทางไปถึงที่ร้านในเวลาประมาณ บ่ายสามห้าสิบนาทีครับ สำหรับที่จอดรถ ก็เช่นเดิมนะครับ หาจอดเอาได้ที่บริเวณหน้าร้าน และตามข้างทางใกล้เคียง แต่ก็ระวังอย่าไปบังร้านอาหารร้านอื่นนะครับ

              เมื่อเข้ามาภายในร้าน ทางร้านก็จะถามชื่อผู้จอง แล้วนำเราไปยังโต๊ะทานอาหารครับ บนโต๊ะในตอนแรกจะมีวางแก้วไวน์ไว้บริการ เมื่อเราแจ้งว่าไม่ทานไวน์ (ไม่รวมอยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์นะครับ) ทางน้องพนักงานก็จะขอนำแก้วกลับเข้าไปเก็บครับ ทางร้านม่ีเครื่องดื่มให้เลือกเป็น น้ำเปล่า น้ำอัดลมกระป๋อง และชาลิปตััน ซึ่งทั้งหมดสามารถเปลี่ยนน้ำได้ แต่ไม่เปลี่ยนแก้วครับ และน้องพนักงานจะมาถามครับว่า จะเริ่มสั่งอาหารทานกันเลยไหม จะได้เริ่มจับเวลาครับ ถ้าเข้าร้านก่อน บ่าย 4 โมงเย็น ก็จะนับเวลาไปจนครบ 2 ชั่วโมงครับ และจะสามารถสั่งอาหารทานได้ถึงภายใน 1 ชั่วโมงครึ่ง และสามารถนั่งทานได้อีก 30 นาทีที่เหลือครับ

             




           
                      จากนั้นน้องพนักงานจะนำเมนูมาให้เราทำการเลือกรายการอาหาร โดยจะสอบถามก่อนว่า สนใจรับเป็นชุดเริ่มต้นของทางร้านเลยไหม ในชุดจะมีปูม้าแกะ ปลากระพงทอดน้ำปลา และกุ้งซอสมะขาม ซึ่งเราก็สนใจ และบอกว่า ขอปูม้าแกะเป็นไซด์ 2XL ตามที่เคยสั่งเมื่อรอบที่แล้ว แต่น้องพนักงานแจ้งว่า ตอนนี้มีข้อกำหนดใหม่ ถ้าลูกค้ามากัน 3-4 ท่าน จะสั่งได้แค่ไซด์ L โดยถ้าเมื่อปูนำมาเสริฟ์แล้ว ถึงจะสามารถสั่งจานใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง สำหรับไซด์ XL ก็จะต้องมากัน 7-8 ท่าน ถึงจะทำการสั่งได้ ตรงนี้ทางเราก็ไม่ค่อยเข้าใจ นโยบายของทางร้านสักเท่าไร เพราะถ้าลูกค้าทานไม่หมด ทางร้านก็มีการแจ้งปรับราคาอาหาร และทำการแพคอาหารที่ทานไม่หมดใส่ถุงให้คุณลูกค้าแบบเดิม

                    แต่เมื่อเป็นนโยบายของทางร้าน เราเข้ามาทานแล้ว ก็ต้องทำตามล่ะครับ จึงเริ่มทำการสั่งอาหาร และเมนูปูม้าแกะ ในแต่ละจานจะต้องใช้เวลาในการรอประมาณ 20-25 นาทีนะครับ ระหว่างรออาหารนำมาเสริฟ์ เราก็เดินไปดูที่เมนูไลน์อาหารที่สามารถตักได้เลย เมนูก็ยังเป็นแบบเดิมครับ มีขนมจีนน้ำยาปู มีน้ำพริกไข่ปู กุ้งสะดุ้ง และหอยนางรมสด ไม่รอช้าครับ ไปตักหอยนางรมสดกันดีกว่า เมื่อเราเดินไปถึงเวลาประมาณ บ่าย 4 โมงเย็น เจอแต่ถาดน้ำแข็งว่างเปล่า สอบถามน้องพนักงาน แจ้งว่าเดี๋ยวนำมาเติมครับ เพราะกำลังแกะหอยกันอยู่ ผ่านไปสัก 5 นาที น้องพนักงานก็เดินมาแจ้งว่า นำมาเสริฟ์แล้วครับ
เมื่อเราเดินไปถึง ก็เห็นหอยนางรมวางอยู่ประมาณ 7-8 ตัว ก็ไม่กล้าตักเยอะครับ เดี๋ยวลูกค้าท่านอื่นไม่ได้ เรารอตักอีกทีรอบต่อไปที่มาเติมล่ะกัน






                หอยนางรมตัวใหญ่ ความสดก็นับว่าโอเคดีเลยนะครับ ส่วนเครื่องเคียงก็สามารถหยิบได้ตรงด้านหลังเคาน์เตอร์หอยนางรมเลยครับ มีวางไว้พร้อม ทั้งหอมเจียว และน้ำพริกเผา หลังจากนั้นอาหารที่ทำการสั่งก็เริ่มทะยอยนำออกมาเสิรฟ์ครับ ซึ่งระหว่างนั้น เราก็ทำการสั่งเพิ่มกันไปเรื่อยๆ


หอยหวาน

ส้มตำปูม้า

ยำปูม้า

ปูม้านึ่งแกะไซด์ L

ปลาหมีึกทอดน้ำปลา

กุ้งซอสมะขาม

ยำกุ้งฟู

ยำกุ้งฟูจานที่ 2

กระเพราปู

ปลาหมึกทอดกระเทียม

ต้มยำกุ้งน้ำข้น

ปูม้านึ่งแกะไซด์ L

แฮกึ้นทอด

หอยเชลส์อบเนย

ปูม้านึ่งแกะไซด์ L

ทะเลผัดฉ่า

ปูผัดผงกะหรี่

ปูนิ่มทอดกระเทียม

หอยเชลส์อบเนยกระเทียม

ยำปูม้าจานที่ 2

ต้มข่าทะเล

ปูม้านึ่งแกะไซด์ S

ปูผัดผงกะหรี่

ปูผัดพริก

หอยเป๋าฮื้ดผัดน้ำมันหอย

ปลากระพงทอดน้ำปลา

กุ้งสะดุ้ง

ข้าวผัดปู

หอยแมงภู่อบ


                  โดยรอบนี้ทางร้านมีเมนูใหม่ ที่ยังไม่ได้ใส่ลงไปในเล่มเมนู คือแฮกึ่น ซึ่งหน้าตาคล้ายกับห่อยจ้อครับ รสชาติออกมาเนื้อแน่น ผสมกุ้ง ปู มาโดดเด่น แต่ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบทานของทอด เลยไม่ค่อยโดนสักเท่าไรครับ อีกรายการที่เราเพิ่งลองสั่งเพิ่มมาทานกัน ปูนิ่มทอดกระเทียม รสชาติโอเคครับ ปูนิ่มตัวไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีเนื้อ

                ขอสรุปรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวนะครับ ปูม้านึ่ง ตัวเล็กลงกว่าเดิมครับ แต่ความสด รสชาติก็ยังคงเดิม ปลากระพงทอดน้ำปลา ก็รสชาติเดิม ทานได้ ปูผัดผงกะหรี่ก็ยังคงรสชาติโอเคดี ทานอร่อยครับ ส่วนส้มตำ อันนี้ไม่ค่อยอร่อยเท่าไรครับ พวกเมนูยำ รสชาติดีครับ น้ำจิ้มซีฟู้ดที่นำมาราดคลุกน้ำยำ รสชาติจัดจ้าน ตามสไตล์ร้านอาหารซีฟู้ด ยำกุ้งฟู ทำออกมาได้ดีครับ ทอดกุ้งมากรอบกำลังดี คลุกกับน้ำยำ แล้วอร่อยดีครับ

                 หอยหวาน ก็ตัวใหญ่ ความสดโอเคดีครับ หอยเชลส์ ฝานึงจะมีวางหอยตัวเล็กๆมาสักประมาณ 2-3 ตัว ถ้าตัวใหญ่หน่อยก็วางตัวเดียว รสชาติปกติครับ ความสด ก็ธรรมดา ไม่ได้สดอะไรมากมาย ส่วนหอยนางรม ยกให้เป็นพระเอกของวันนี้เลยครับ หอยมาตัวใหญ่มาก ความสดโอเคดีเลย แต่ออกมาค่อนข้างช้า ออกแล้วก็หายทิ้งช่วงค่อนข้างนานมากๆ มาวางแป๊บเดียวไม่ถึง 1 นาทีครับ หายเกลี้ยง ออกมาครั้งละ 6-7 ตัวเองครับ

                เมนูต้มๆ ต้มยำน้ำข้น รสชาติน้ำพริกเผาค่อนข้างนำ ความมันมาเต็ม ต้มข่าทะเล ก็รสชาติธรรมดาครับ พอทานได้ ที่เหลือเราก็สั่งวนกันไปครับ มาถึงของหวานครับ เมนูที่ต้องสั่งกับทางน้องพนักงานจะเป็นข้าวเหนียวมะม่วง ส่วนที่เหลือสามารถตักได้ที่ไลน์อาหารชั้น 1 ครับ








                        ข้าวเหนียวมะม่วงรอบนี้ ไม่เหมือนรอบที่แล้วที่เคยทานครับ เนื้อข้าวเหนียวแอบแข็ง ส่วนวุ้นกะทิ กับลอดช่อง ยังคงความอร่อยเหมือนเดิม ส่วนผลไม้จะมีเป็นแคนตาลูปให้ตักทานได้เรื่อยๆครับ


                        สำหรับความคุ้มค่านะครับ เนื้อปูม้านึ่งแกะไซด์ L จานนึง น่าจะประมาณปูม้านึ่ง 2 กิโล เพราะเป็นปูม้าตัวไม่ใหญ่มาก น่าจะประมาณ 6-7 ตัวต่อกิโล แต่ด้วยทางร้านมีข้อจำกัด ห้ามสั่งไซด์ 2XL  ถ้าลูกค้ามาใช้บริการไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ทำให้เราต้องสั่งจานไซด์ L ทีละจานๆ ทำให้การทานรู้สึกว่าขาดตอนครับ มีหลายรอบที่ต้องนั่งรออาหาร และเมนูปูม้านึ่ง จะต้องใช้เวลาในการรออาหารแล้วด้วย และรสชาติน้ำยาปู น้ำพริกไข่ปู ก็เปลี่ยนไปจากเดิม ด้วยความรู้สึกกับราคาต่อท่านที่ 1,196.80 บาท ทำให้ความคุ้มค่าลดลงไปเป็นอย่างมาก ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายกับร้านเพราะดีแล้วครับ แต่ก็ขอชื่นชมการบริการของน้องพนักงานนะครับ ยังคงให้บริการใส่ใจเป็นอย่างดีเหมือนเดิม



บทความที่ได้รับความนิยม