เมื่อเข้าถึงช่วงเดือนพฤศจิกายน เป็นการเริ่มฤดูกาลดอกทานตะวันบาน จุดที่เป็นที่นิยมของมหาชนก็คงจะหนีไม่พ้น เขาจีนแล จ.ลพบุรี เนื่องด้วยปีที่แล้วเราได้ออกเดินทางมายังที่นี่ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ปรากฏว่าเจอกับมหาชนล้นหลาม ติดอยู่บนถนนก่อนทางขึ้นเขาจีนแล ด้วยอัตราความเร็ว 1 ชม.ต่อ 800 เมตร ทำให้ต้องถอดใจ และเลี้ยวรถกลับบ้านไปด้วยความเสียดาย
รอบนี้เราจึงเลือกที่จะออกเดินทางกันแต่เช้า ในช่วงวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2560 การเดินทางถนนหนทางค่อนข้างโล่ง ขับสบาย จนมาถึงทางขึ้นเขาจีนแล ก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมถนนวันนี้ถึงได้โล่งผิดกับที่ผ่านมา เหตุผลก็คือ ดอกทานตะวันยังไม่บานจ้า หลายส่วนพื่นที่ เพิ่งทำการปลูก และกำลังใช้รถแทรกเตอร์ไถดิน สำหรับลงดอกทานตะวัน
ขณะที่กำลังถอดใจ แฟนก็ได้ไปถามคุณลุงที่กำลังขับรถแทรกเตอร์ ว่าเมื่อไรดอกทานตะวันถึงจะบาน จะได้กลับมาอีกครั้ง คุณลุงบอกว่า น่าจะบานพร้อมกันทั้งทุ่งหมดนี้ ในช่วงกลางๆค่อนไปทางปลายเดือนธันวาคมของปีนี้ และคุณลุงใจดีแนะนำว่า ให้ขับตรงต่อไปอีก จนถึงทางแยกให้เลี้ยวขวา จะยังพอมีทุ่งทานตะวันของชาวบ้านแถวนี้ เปิดให้เข้าชมได้ ที่นั่นเริ่มมีบานกันแล้ว
เราจึงมุ่งหน้าไปทันที เมื่อมาถึงทางแยก ก็มองเห็นป้ายวัดเวฬุวัน อยู่ข้างหน้า พร้อมๆกับป้ายแสดงให้เลี้ยวขวาไปเพื่อชมทุ่งทานตะวัน แล้วความรู้สึกบางอย่างก็ทำให้เราตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าไปยังวัดเวฬุวันกันก่อน เมื่อเข้ามาภายในตัววัด เรารู้สึกถึงความเย็นและสงบภายในจิตใจ ทางด้านขวามือของทางวัด มีห้องน้ำให้บริการ ห้องน้ำที่นี่สะอาด มีรองเท้าให้เปลี่ยน
หลังจากเสร็จภารกิจเข้าห้องน้ำกันเป็นที่เรียบร้อย เราก็มองหาตู้รับเงินบริจาคและโบสถ์เพื่อเข้าไปสักการะบูชาพระ ทางด้านในของวัดจะมีโบสถ์เล็กๆ เปิดให้เราสามารถเข้าไปจุดธูปบูชาพระพุทธรูป
ระหว่างทางที่เดินไปยังโบสถ์ ทางด้านซ้ายมือของเราจะเป็นศาลาคล้ายโรงอาหาร มีตู้ใส่อาหารนก พร้อมตู้รับบริจาคเงิน โดยเขียนกระดาษแปะไว้ว่า เงินค่าอาหารนก จะนำไปบำรุงวัด เราจึงไม่รอช้า หยิบเงินใส่ตู้และหยิบอาหารนก ออกมา 1 ถุง และก็ต้องตื่นเต้น เมื่ออ่านที่ตู้รับเงินบริจาคค่าอาหาร เขียนว่า เป็นอาหารสำหรับนกยูง
ทำบุญให้อาหารนก อาหารปลา มาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้ให้อาหารนกยูง นกยูงภายในตัววัด มีค่อนข้างมาก และส่วนใหญ่ไม่ตื่นคนขนาดบินหรือวิ่งหนี เพียงแต่จะค่อยๆถอยห่างจากเรา ถ้าเราเข้าไปใกล้จนเกินไป และเมื่อเราเทอาหารวางไว้ นกยูงจะค่อยๆเดินเข้ามาทาน ถ้าเรามีการขยับตัว ไม่ว่าจะไปเข้าใกล้หรือถอยออก นกยูงจะหยุดทานและมองว่า เราจะไปทางไหน ถ้าเราหยุดกับที่ นกยูงก็จะก้มหน้าทานต่อ
หลังจากให้อาหารนกยูงเสร็จ เราจะพบว่า นกยูงที่นี่นิยมที่จะทานอาหารเม็ดมากกว่าเม็ดข้าวโพดตากแห้ง เมื่อเดินไปล้างมือที่ทางห้องน้ำอีกรอบ ก็สังเกตเห็นป่าด้านใน มีฝูงนกยูงอยู่เป็นจำนวนมาก และมีไก่ น้องหมา จำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ด้วยกัน ที่ตรงนี้อากาศเย็นสบาย ลมพัดมาเรื่อยๆ ถึงแดดจะแรง แต่ไม่สัมผัสถึงความร้อนเลยแม้แต่น้อย ความสงบ ร่มเย็น ทำให้รู้สึกสดชื่น และสบายใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเดินกลับมาที่รถ เราก็สังเกตเห็นคุณลุงคนหนึ่ง วางโต๊ะขายของข้างๆรถกระบะ บนโต๊ะมีมะนาวผลใหญ่วางไว้ โดยวางป้ายไว้ว่า ลูกละ 1 บาท ด้วยความตื่นเต้นกับมะนาวขนาดใหญ่และราคาเพียง 1 บาท บวกกับอยากช่วยอุดหนุนคุณลุง และคุณลุงก็ยังเอามีดมาหั่นมะนาวให้ชิมน้ำก่อนเลยว่า รสชาติเปรี้ยวไม่โดด แอบมีหวานน้อยๆติดปลายลิ้นเหมือนเลมอน ทำให้แฟนถึงกับแทบจะเหมาคุณลุงมาเลย 100 ลูก ถ้ามีโอกาสผ่านมาชมทุ่งดอกทานตะวันที่เขาจีนแล อย่าลืมมาแวะที่วัดเวฬุวันแห่งนี้กันนะครับ
หลังจากขนมะนาวขึ้นนรถเป็นที่เรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปยังทุ่งทานตะวัน ขับไปตามป้ายบอกทางประมาณ 3 กิโลเมตร เราก็จะเห็นดอกทานตะวันกำลังบานอยู่ทางด้านซ้ายมือ แม้ดอกจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็ยังคงความเป็นทุ่งดอกทานตะวัน มีเชือกขึงกั้นเอาไว้ แสดงว่าต้องมีการเก็บค่าเข้าชม ขับมาอีกส้ักพัก ก็จะเห็นป้ายทางเข้า พร้อมด้านขวามือจะมีลานไว้สำหรับจอดรถ ที่นี่เก็บค่าเข้าชมคนละ 10 บาท หลังจากชำระเงินกับคนดูแล ก็สามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัยเลยครับ ที่นี่มีบริการโต๊ะเอาไว้ให้ยืนขึ้นไปถ่ายรูปในมุมสูง และมีรถแทรกเตอร์จอดไว้ด้านหน้าสำหรับเป็นพร็อพถ่ายรูปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น