วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567

ร้านอาหารริมน้ำ ปลากาญจน์ ล็อคโฮม ในปลากาญจน์ รีสอร์ท

                             


      ในช่วงเวลาเกือบบ่ายของวันอาทิตย์ พวกเราตัดสินใจหาร้านอาหารทานกันก่อนออกเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ และก็มีคนแนะนำให้ไปลองทานอาหาร ที่ร้านปลากาญจน์ ล็อคโฮม โดยร้านจะตั้งอยู่ในปลากาญจน์ รีสอร์ท


ป้ายทางเข้า

ป้ายหน้าที่พัก

ลานจอดรถ

                       หลังจากเดินเข้าไปในตัวอาหารที่เป็นลอบบี้ เราก็พบกับการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์โทนไม้และไม้หวาย มุมที่ตกแต่งย้อนยุค คล้ายร้านขายของชำ มีของเก่า ของโบราณ ของสะสม จัดแสดงโชว์อยู่ด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในสมัยก่อน ตู้เพลง ตู้เกมส์ ไปจนถึงธนบัตรและพระเครื่องครับ


เฟอร์นิเจอร์ไม้

โซนย้อนอดีต

ชุดเก้าอี้ไม้หวาย

โชว์ของสะสม ของเก่า

                     ไหนๆก็เดินผ่านส่วนล็อบบี้ก็อดไม่ได้ ที่จะไปหยิบแผ่นพับรายละเอียดเกี่ยวกับที่พักมาลองดู เผื่อไว้รอบหน้ามีโอกาสกลับมาใช้บริการที่นี่ครับ


แผ่นพับ

มีแพคเกจล่องเรือด้วย

ห้องพักเป็นมิตรกับผู้สูงอายุ

ผนังกำแพงกันเสียงอย่างดี

สระว่ายน้ำอยู่หน้าห้องอาหาร

ทางไปห้องอาหาร

ที่นั่งโซนด้านนอก

ที่นั่งโซนด้านนอก และทางลงเรือ

ทางเข้าห้องอาหาร

                   ระหว่างทางเดินจากลอบบี้มายังห้องอาหารซึ่งอยู่ใกล้กับริมแม่น้ำ จะมีที่นั่งโซนด้านนอกริมน้ำ รวมถึงมีท่าเรือ สำหรับลงเรือไปล่องแม่น้ำพร้อมแพคเกจอาหารว่างด้วย สังเกตุได้ว่า ที่ปลากาญจน์รีสอร์ทนี้ ใส่ใจให้กับผู้สูงอายุเป็นอย่างมากครับ เพราะจะมีทางลาดเอียงไว้ให้บริการสำหรับรถเข็นวีลแชร์ แทบจะตลอดทุกเส้นทาง ด้วยแสงแดดที่ค่อนข้างแรง เราจึงเลือกที่จะใช้บริการในห้องอาหารด้านในครับ


เมนู

เมนูแนะนำ

ถั่วลิสงคั่ว (ฟรี)

น้ำเปล่า

ที่รองแก้ว

ปลาหมึกแดดเดียว

ผัดเผ็ดหมูป่า

ผักสด

หมูอบปลากาญจน์

สลัดเต้าหู้

แกงส้มหลดบัวกุ้ง ไซด์ M

น้ำแตงโมปั่น

พริกน้ำปลา

เอ็นข้อไก่ทอด

ยำผักกูด

เฟรนฟรายด์

ซอสและน้ำสลัด


                            สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของพวกเราทั้ง 4 คนนะครับ เริ่มจากเมนูทานเล่นฟรีของทางร้าน ถั่วลิสงคั่ว กรุบกรอบดีครับ ทานกันเล่นๆเพลินๆ ระหว่างรออาหาร ซึ่งก็ใช้เวลารอไม่นานครับ ประมาณ 5-10 นาที อาหารก็ออกมาครบครับ 

                           ผัดเผ็ดหมูป่า ทางร้านทำออกมารสชาติจัดจ้าน เครื่องแกงครบรส เผ็ดร้อนถึงใจมากๆเลยครับ สำหรับคนไม่ทานเผ็ดแบบเรา เรียกว่า ตักมาช้อนนึง คลุกข้าวได้เป็นจานครับ ในส่วนของตัวหมูป่า ทางร้านทำออกมาเป็นชิ้นบางๆ ไม่ใหญ่มาก ตัวหนังยังคงกรึบๆ ไม่มีความเหนียวเลยครับ เคี้ยวกันได้แบบสบายๆ ผู้สูงอายุทานกันได้แบบสบายใจ

                         ปลาหมึกแดดเดียวและสลัดเต้าหู้ รสชาติดีเหนือความคาดหมายครับ ตัวปลาหมึกเค็มอ่อนๆ เนื้อสัมผัสนุ่มดีครับ ไม่ได้เหนียว แห้ง แต่อย่างใด จิ้มทานกันเพลินๆแปบเดียว ก็หมดจานเป็นที่เรียบร้อยครับ ส่วนของสลัดเต้าหู้ ผักสดดี แต่ที่ดีกว่าก็คือตัวเต้าหู้ทอดครับ เป็นเต้าหู้ที่อร่อยมากๆ กรอบด้านนอก ด้านในนุ่มน้อยๆ ละมุนสุดๆครับ

                          หมูอบปลากาญจน์ รสชาติออกหวานเล็กน้อย ตัวเนื้อหมูนุ่มดีครับ ทานคู่กับเครื่องเคียงอย่างกระเทียมและผักดอง ช่วยตัดเลี่ยน และเพิ่มความอร่อยของเนื้อหมูยิ่งขึ้นครับ

                           ด้วยเมื่อวานเพิ่งทานแกงป่ากันไป วันนี้ก็เลยสั่งมาเป็นแกงส้มหลดบัวกุ้งแทนครับ ไหลบัวมีความกรุบกรอบน้อยๆ ไม่เหนียวหรือแข็งกระด้างจนเกินไป อ่อนกำลังดี รสชาติพริกแกงของแกงส้ม ไม่เหมือนที่เคยทานทั่วไป แต่ก็อร่อยไปอีกแบบครับ

                           ยำผักกูด เราสั่งแบบเผ็ดน้อย ทำให้รสชาติออกไปทางหวานนำเล็กน้อย ด้วยใส่น้ำพริกเผาเหมือนยำถั่วพลู ทำให้ชอบเป็นการส่วนตัวครับ ทานคู่กับไข่ต้มยิ่งเข้ากัน อร่อยดีครับ

                           เอ็นข้อไก่ทอด เมนูนี้ไม่ค่อยชอบเป็นการส่วนตัวครับ ด้วยรู้สึกว่าทางร้านชุบแป้งทอดออกมาหนาไปสักหน่อย และสุดท้ายคือเมนูเฟรนซ์ฟรายด์ทอด เมนูนี้ได้มาฟรีครับ ด้วยทางน้องพนักงานแจ้งว่า ช่วงนี้ถ้าลูกค้ารีวิวร้านใน Google Map จะได้รับเมนูนี้ฟรี เราก็เลยจัดกันไปครับ เฟรนซ์ฟรายด์ ทอดออกมาได้ดีนะครับ เป็นแบบแท่งใหญ่ ด้านนนอกกรุบกรอบ ด้านในยังมีเนื้อมันฝรั่งนุ่มๆ อร่อยดีครับ

                          สรุปความคุ้มค่าโดยรวมนะครับ สำหรับพวกเราแล้ว เมื่อเทียบปริมาณอาหาร คุณภาพอาหาร และความอร่อยที่ได้รับ กับราคาค่าอาหารในมื้อนี้ เราก็มองว่าคุ้มค่าครับ ถึงแม้ว่าราคาอาหารหลายรายการ จะดูแอบแรงไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับการบริการอย่างดีของน้องพนักงาน บรรยากาศร้าน และความอร่อยที่ได้รับ ก็คุ้มค่าอยู่ครับ


บิลค่าอาหาร


วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2567

กาญ มาชิ Kan Machi Cafe ร้านกาแฟ จ.กาญจนบุรี

                         


                                ทุกครั้งที่มีโอกาสมาเมืองกาญจนบุรี เราก็ไม่พลาดที่จะแวะมาที่ร้านกาแฟสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีจุดเด่นเป็นประตูคามินาริมงที่แขวนโคมแดงอันใหญ่ เปรียบเสมือนเราอยู่ที่วัดอาซากุสะ และน้อง Totoro ที่ยืนกางร่มรอพวกเราอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ทางร้านเปิดให้บริการในเวลา 10.00 น. และปิดทุกวันพุธนะครับ ทางร้านมีลานจอดรถขนาดใหญ่ รถบัส รถทัวร์ ก็จอดได้ครับ 

                                หน้าทางเข้าจะมีห้องน้ำ และป้ายแจ้งรายละเอียดสำหรับลูกค้าที่ไม่อยากรอคิวเครื่องดื่มหรืออาหารนาน และถ้าอิ่มมาแล้ว ก็ชำระค่าเข้าสำหรับถ่ายรูป 60 บาทต่อท่านได้เลยครับ เพราะทางร้านมีกฏว่า ลูกค้า 1 ท่าน ต่อเครื่องดื่ม 1 แก้วนะครับ (ขั้นต่ำ 60 บาท) ส่วนท่านใดต้องการความฟินสไตล์ญี่ปุ่น ทางร้านก็มีชุดยูกาตะให้เช่าสำหรับถ่ายรูปกันด้วยนะครับ 


ห้องน้ำอยู่ด้านหน้า ติดกับลานจอดรถ

ประตูคามินาริมงที่แขวนโคมแดงอันใหญ่


น้อง Totoro

โซนนั่งด้านนอก

เข้าไปในร้านกันครับ


ทาโกะยากิ ก็มีจำหน่ายแล้ว

บรรยากาศภายในร้าน

จำหน่ายของที่ระลึก

ตู้ขนมเค้ก

เคาน์เตอร์สั่งอาหาร

                        รอบที่แล้วทางร้านมีจำหน่ายเค้กครีมนมสดเป็นรูป Totoro น่ารักถูกใจสาวก Totoro อย่างแฟนเราเป็นอย่างมาก แต่มาในวันนี้ ทางร้านแจ้งว่า กลัวลูกค้าเบื่อ เลยมีการปรับเปลี่ยนเป็นรูปทรงอื่นตามแต่ละช่วงเวลาครับ แฟนถึงกับแอบเสียใจ


บิลค่าอาหาร

เค้กเราวันนี้

เครื่องดื่ม 4 คน 4 แก้ว

ซอฟท์ครีมรสมัทฉะ

ชูครีมคัสตาร์ด

ชูครีมคัสตาร์ด

บลูเบอร์รี่ฮอกไกโดมิลค์

บลูเบอร์รี่ฮอกไกโดมิลค์

                           สำหรับรสชาติเครื่องดื่มที่เป็นชาเขียวมัทฉะ หอม เข้มข้นดีครับ สมกับที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่น น้ำบ๊วยก็อร่อยกลมกล่อมดี ไม่เปรี้ยวมากจนเสียวฟันครับ ส่วนของขนมเค้ก บลูเบอร์รี่ฮอกไกโดมิลค์ เป็นเนื้อเค้กเดียวกับเค้กโตโตโร่นมสดที่เราเคยทาน รสชาติอร่อยมากครับ หวานน้อยๆ ตัวแป้งเค้กและตัวครีม นุ่มละมุน ทานเพลินๆ แปบเดียวก็หมดชิ้นครับ

                            ชูครีมคัสตาร์ด เนื้อแป้งด้านนอกรสชาติกับความหวานละมุนของครีมนมสด ได้เป็นอย่างดีครับ ตัดกับรสชาติหอม เข้ม ของชาเขียวแล้ว เข้ากันแบบเพลินๆ เมื่อทานเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาออกไปเดินถ่ายรูปเล่นกันครับ

บรรยากาศสระน้ำ มีปลาคาร์พ

โซนด้านข้างร้าน

บรรยากาศถนนที่ญี่ปุ่น

บรรยากาศถนนที่ญี่ปุ่น

บรรยากาศเหมือนถนนที่ญี่ปุ่น

                           สรุปความคุ้มค่านะครับ ด้วยการตกแต่งสถานที่ไว้อย่างสวยงาม มุมถ่าย่รูปสวยๆเยอะ ให้บรรยากาศเหมือนเราอยู่ประเทศญี่ปุ่นเลย ทำให้สมกับราคาที่เค้าเก็บค่าเข้าคนละ 60 บาท (แต่ถ้ามีการซื้อเครื่องดื่ม 1 แก้ว / 1 คน ก็ยกเว้นค่าเข้าครับ เพราะเครื่องดื่มแต่ละแก้ว ราคาเกิน 60 บาทแน่นอนครับ) 

                         ขนมของทางร้านก็อยู่ในระดับที่เรียกว่า อร่อย หลายรายการครับ เครื่องดื่มก็รสชาติดี เป็นร้านที่ไม่ได้มีดีแค่บรรยากาศญี่ปุ่น และขนมก็ไม่ได้สวย น่ารักอย่างเดียว กินได้ด้วยครับ สรุปพวกเราลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า ยังคงคุ้มค่ากับราคาค่าอาหารที่จ่ายไปครับ บางรายการอาจจะดูแพง แต่เทียบกับความอร่อย และบรรยากาศสถานที่แล้ว ถือว่าคุ้มอยู่ดีครับ 

บทความที่ได้รับความนิยม