วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2564

ราชาปลาเผา เจ๊กุ้ง

                    เมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่แล้ว เราได้ดูรายการทีวีรายหนึ่ง ที่เชิญเจ้าของกิจการเมี่ยงปลาเผา ที่กล่าวว่าเป็นเจ้าแรกในกรุงเทพมหาคร ประวัติของทางร้านประมาณว่า ต้องการช่วยให้คุณแม่รักษาสุขภาพจึงทำเมี่ยงปลาเผาให้ทาน แล้วก็เลยเกิดไอเดียนำมาทำขายเลย ซึ่งร้านนี้เราเคยทานเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว โดยพิกัดเก่า ตั้งอยู่ที่ริมฟุตบาทประตูที่ 5 ของสนามการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท) นั่นเอง

                    ประมาณ4โมงเย็นวันอาทิตย์ เรากับแฟนรู้สึกว่า อยากหาอะไรเบาๆทาน ทำให้บังเกิดไอเดียว่า ไปกินปลาเผากันดีกว่า จึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังร้านราชาปลาเผากันทันทีครับ ระหว่างทางไป ก็โทรไปสอบถามทางร้านว่าเปิดให้บริการหรือเปล่า ทางร้านแจ้งว่า ปัจจุบันเปิดร้านตั้งแต่ 10.00 น. ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมาก แต่เมื่อมาถึงประตูกกท กลับไม่พบอะไรเลย เจอแต่พื้นที่ว่างเปล่า จึงโทรไปสอบถามอีกครั้ง ได้ความว่า ทางร้านย้ายมาอยู่ตรงข้างๆกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) อยู่ปากซอยทางเข้าเอแบคคอนโด ตรงนั้นจะมีทางกลับรถอยู่ด้านหน้าซอย สำหรับที่จอดรถ หาจอดที่ริมรั้วเอแบคกันครับ ช่วงนี้ยังอยู่ในสถานการณ์โควิด ทำให้หาที่จอดรถได้ง่ายครับ


ป้ายหน้าร้านขนาดใหญ่
                       
ที่นั่งด้านใน แบบโต๊ะไม้

ที่นั่งข้างๆร้าน แบบโต๊ะญี่ปุ่น

                              เราสองคนเลือกนั่งแบบโต๊ะไม้ธรรมดาด้านใน เมื่อนั่งที่โต๊ะแล้ว บนโต๊ะทุกตัว มีให้บริการผ้าเปียก กระดาษทิชชู่อย่างดี วางไว้พร้อมครับ นับเป็นความใส่ใจของทางร้านเป็นอย่างดี มีเมนูวางไว้ให้เลือกดูรายการอาหารได้เลย


เมนู

เมนู

เมนู

เมนู

เมนู

เมนู

เมนู

                      วันนี้ทางร้านมีปลาราคา 350 บาทและ 320 บาท นานๆจะมาทานกันสักที ก็เลือกราคา 350 บาทกันเลยครับ ในรายการทีวีมีแจ้งว่า ทางร้านใช้เวลาในการเผาปลาประมาณ 25 นาที จะไม่มีการเผาไว้ก่อน เพื่อความสดใหม่ของปลาเผาครับ แต่ในวันนี้เราสองคนก็ใช้เวลาในการรออาหารไม่นานนะครับ ประมาณสิบกว่านาที รายการอาหารต่างๆก็ทะยอยออกมาเสริฟ์


น้ำแข็งเปล่า

น้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มหวาน

ผักสด

เส้นหมี่และเส้นขนมจีน

เครื่องเคียงพร้อม

ปลาทับทิมเผามาแล้วจ้า

ปลาเผา 350 บาท

ส้มตำปูปลาร้ารสจัด เผ็ดๆ

หอยแครงเผา

เต็มโต๊ะครับ

หอยแคงเผามากำลังดี ตัวกำลังทาน

                          สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ ปลาทับทิมเผา มีความสด หวาน สะอาด ล้างเครื่องในมาอย่างดี ไม่มีกลิ่นคาว (ในส่วนของความสดเป็นที่แน่นอนครับ เพราะหลังร้านมีกระชังปลาว่ายกันอยู่เลย แปลว่าใช้ปลาเป็นๆมาทำ) ส่วนความสะอาด นับเป็นความใส่ใจของทางร้าน ที่ทำความสะอาดปลามาดี ทานคู่กับผักสด แล้วเข้ากันดีครับ

                           ส่วนของน้ำจิ้มซีฟู้ด รสชาติเผ็ด เปรี้ยว มาครบ จัดจ้านครับ คนที่ชอบความจี๊ดจ๊าดต้องไม่พลาดน้ำจิ้มของทางร้าน ส่วนน้ำจิ้มหวานของที่นี่ ไม่มีพริกผสมเลยครับ ดีงามมากๆ โรยด้วยถั่วคั่วใหม่ๆ กรุบกรอบ น้ำจิ้มหวานผสมมะขามเปียก ออกหวานๆเปรี้ยวๆ ยิ่งเจอถั่วมันๆเข้าไปอีก ราดบนเนื้อปลาห่อด้วยผักแล้ว สุดยอดความอร่อยเลยครับ

                         ส้มตำปูปลาร้า น้ำปลาร้ามาแบบนัวๆ รสชาติตำครบรส อร่อยถูกใจแฟนมากๆครับ โดยเฉพาะหอยแครงเผา ปกติแฟนไม่ทานหอยแครง เพราะไม่ชอบเลือดบนตัวหอย แต่ทางร้านย่างออกมาได้แห้งกำลังดี ไม่แห้งจนเนื้อขาดความชุ่มฉ่ำ แต่ก็ไม่มีเลือดให้เห็นเลย ถูกใจมากๆ ทานกันเพลินๆ แปบเดียวหมดจาน แต่มีบ้างบางตัวที่เปิดฝาหอยไม่ออกครับ จนปัญญาก็ต้องทิ้งกันไป

                           ทางร้านมีร่วมโครงการคนละครึ่งด้วยนะครับ สรุปความคุ้มค่าเมื่อเทียบราคาค่าอาหาร กับปริมาณอาหาร คุณภาพอาหารและรสชาติอาหารแล้ว เราสองคนเห็นตรงกันครับ ว่าคุ้มค่าดี คู่ควรกับการมาทานกันอีกอย่างแน่นอน ทางร้านมีให้คูปองสะสมการทานปลาเผาด้วย 10 ตัว แถม 1 ตัวครับ ถึงแม้ตลาดแถวบ้านจะขายเมี่ยงปลาเผา เพียงชุดละ 160-180 บาท แต่เราสองคนก็ยังรู้สึกว่า ร้านราชาปลาเผา คุ้มค่ากับการมาทานอยู่ดีครับ ท่านใดผ่านมาแถวนี้ อย่าลืมแวะมาทานกันนะครับ น้องพนักงานทุกคนบริการดี แฟนเจ้าของร้านเป็นคนต่างชาติ แต่ก็พูดไทยได้ชัดเลยครับ ทานเสร็จสามารถไปเดินตลาด กกท. เพื่อย่อยอาหารต่อได้ด้วยนะครับ (ตลาดกกท. เปิดให้บริการ 16.30 เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์นะครับ)


บิลค่าเสียหาย


วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564

Cafe De Oasis จ.เชียงใหม่ (ฉบับ Mini)

                                ช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ระหว่างรอเวลาขึ้นเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่ เราสองคนตัดสินใจหาร้านกาแฟ บรรยากาศสบายๆ ที่เปิดโล่ง และลูกค้าไม่แออัด เพื่อจะได้ใช้เวลาในสนามบินให้น้อยที่สุด และเป้าหมายของเราก็คือ ร้านกาแฟที่อยู่ท่ามกลางในสวน Cafe De Oasis ซึ่งร้านก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับสนามบินสักเท่าไรเลยครับ สำหรับที่จอดรถ สามารถจอดได้ที่ริมถนนหน้าร้านเลยครับ


ป้ายหน้าร้าน

กระบองเพชรหน้าร้าน

บรรยกาศภายในร้าน

บรรยากาศภายในร้าน
















                                 ภายในร้านตกแต่งไว้อย่างสวยงาม สบายตา มีที่นั่งไว้ให้บริการลูกค้าค่อนข้างมาก มีทั้งชั้นบนและชั้นล่าง มีที่นั่งทั้งแบบโซฟา โต๊ะประชุม โต๊ะไม้วางไว้ตามจุดต่างๆ รวมถึงในสวนด้านนอกด้วย หลังจากเดินสำรวจเลือกที่นั่งแล้ว ด้วยอากาศที่ค่อนข้างร้อนถึงจะมีลมพัดเข้ามาบ้าง แต่เราสองคนตัดสินใจนั่งใกล้เคาน์เตอร์ขนมดีกว่า อาศัยไอเย็นจากตู้แช่ขนมเค้กครับ


ขนมเค้ก

เบเกอรี่

เค้กแครอท

เครื่องดื่มผลไม้

โต๊ะตกแต่งสวยงาม

                              สำหรับรสชาติตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ เค้กแครอท มาแบบเครื่องแน่นดีครับ แต่เสียดายที่รสชาติออกหวานมากไปสักหน่อย และเนื้อครีมชีสด้านบน รสชาติตัดเปรี้ยวน้อยไปทำให้ความหวานยิ่งโดดเด่นครับ ในส่วนของเครื่องดื่ม ชามะนาวก็รสชาติสดชื่น ปกติดีครับ ออกหวานนิดหน่อย สำหรับอีกแก้วเป็นน้ำผลไม้ Wake up call เมนูนี้แฟนทาน ก็บอกว่ารสชาติโอเคดีครับ

                                สำหรับความคุ้มค่านะครับ เป็นร้านกาแฟที่นับว่าบรรยากาศดีมากๆครับ เหมาะสำหรับมานั่งคุยงาน คุยกับเพื่อน คุยกับแฟน หรือจะมากันแบบครอบครัว ทางร้านก็มีสถานที่รองรับไว้เป็นอย่างดีครับ ท่านใดมีโอกาสมาเที่ยวเชียงใหม่ อย่าลืมมาลองแวะทานกันนะครับ


บิลค่าเสียหาย


ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูลำไย จ.ลำพูน

                              เมื่อปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ในทริปท่องเที่ยวเชียงใหม่ของเรากับแฟน ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพ เราสองคนเดินทางไปสักการะพระธาตุหริภุญชัย ที่จ.ลำพูน ทั้งๆที่เป็นวันจันทร์ วันธรรมดา แต่ก็มีปริมาณนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ต่างจากจังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างมาก ทำให้กว่าเราสองคนจะสักการะตามจุดต่างๆเสร็จก็เป็นเวลาเลยเที่ยงวันกันแล้ว ระหว่างที่กำลังเดินซื้อของฝากที่ศูนย์ OTOP ตรงข้ามกับวัดพระธาตุฯ ก็เริ่มคิดจะหาข้าวกลางวันทานกันแถวนี้เลย หลังจากเปิดหาข้อมูล ก็ตกลงกันว่า มาถึงลำพูน ก็ต้องทานก๋วยเตี๋ยวหมูลำไยกันสักหน่อย 

                                  ปรากฏว่า ร้านอยู่หลังศูนย์ OTOP ฝั่งตรงข้ามวัดพระธาตุฯ เลยครับ เราจึงจอดรถกันที่วัดต่อ แล้วเดินข้ามถนนไปยังร้านก๋วยเตี๋ยว ก่อนจะถึงร้าน จะมีร้านขายข้าวเกรียบว่าว ทำใหม่ๆ น่าทานมากๆ และมีร้านขายขนมจีบ กำลังขายดี เหลือเพียงไม่กี่กล่อง ดูน่าทานอีกเช่นกัน แต่เราก็มุ่งหน้าไปยังเป้าหมายหลักกันก่อนครับ


หน้าร้าน

ภายในร้านมีขายของฝากมากมาย

ภายในร้านมีโต๊ะให้บริการค่อนข้างเยอะ

มีเครื่องดื่มจำหน่ายหลากหลาย

โซนก๋วยเตี๋ยว

                  หลังจากเดินเข้ามาภายในร้าน ก็เห็นป้ายเมนูมากมาย หลากหลายอย่างมากๆครับ ทางร้านไม่ได้มีแต่ก๋วยเตี๋ยวเพียงอย่างเดียวนะครับ ขนมจีบ ก็มีจำหน่ายด้วย เมื่อได้โต๊ะนั่งแล้ว ก็มีคนมารับออเดอร์รายการอาหาร พร้อมๆกับแนะนำเมนูครับ เราจึงตัดสินใจสั่งตามที่แนะนำมาเลย ใช้เวลาในการรอไม่นานครับ ก๋วยเตี๋ยวก็เริ่มทะยอยออกมาเสริฟ์จ้า


เครื่องปรุงต่างๆ

เส้นหมี่สุโขทัย

เส้นเล็กหมูตุ๋นลำไย

เส้นเล็กหมูตุ๋น

น้ำลำไย

น้ำชาจีนใส่น้ำแข็ง

                        สำหรับรสชาติอาหารตามความรู้สึกส่วนตัวของเราสองคนนะครับ รู้สึกว่าก็รสชาติทานได้ปกติดีครับ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ เนื้อหมูตุ๋นก็นุ่มดีครับ น้ำซุปใส่ลำไยก็ไม่ได้หวานเป็นพิเศษ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ก็รสชาติปกติเช่นกันครับ น้ำลำไยรสชาติธรรมดา ไม่หวานดีครับ น้ำชาจีนก็หอมดีครับ สรุปความคุ้มค่าเมื่อเทียบราคาอาหาร 150 บาท กับปริมาณอาหาร คุณภาพอาหาร และรสชาติอาหารแล้ว ก็คุ้มค่าดีครับ แต่ความเห็นส่วนตัวของเราสองคน ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น จนรู้สึกอยากกลับมาทานอีกครั้งครับ

บทความที่ได้รับความนิยม