เมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่แล้ว เราได้ดูรายการทีวีรายหนึ่ง ที่เชิญเจ้าของกิจการเมี่ยงปลาเผา ที่กล่าวว่าเป็นเจ้าแรกในกรุงเทพมหาคร ประวัติของทางร้านประมาณว่า ต้องการช่วยให้คุณแม่รักษาสุขภาพจึงทำเมี่ยงปลาเผาให้ทาน แล้วก็เลยเกิดไอเดียนำมาทำขายเลย ซึ่งร้านนี้เราเคยทานเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว โดยพิกัดเก่า ตั้งอยู่ที่ริมฟุตบาทประตูที่ 5 ของสนามการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท) นั่นเอง
ประมาณ4โมงเย็นวันอาทิตย์ เรากับแฟนรู้สึกว่า อยากหาอะไรเบาๆทาน ทำให้บังเกิดไอเดียว่า ไปกินปลาเผากันดีกว่า จึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังร้านราชาปลาเผากันทันทีครับ ระหว่างทางไป ก็โทรไปสอบถามทางร้านว่าเปิดให้บริการหรือเปล่า ทางร้านแจ้งว่า ปัจจุบันเปิดร้านตั้งแต่ 10.00 น. ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมาก แต่เมื่อมาถึงประตูกกท กลับไม่พบอะไรเลย เจอแต่พื้นที่ว่างเปล่า จึงโทรไปสอบถามอีกครั้ง ได้ความว่า ทางร้านย้ายมาอยู่ตรงข้างๆกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) อยู่ปากซอยทางเข้าเอแบคคอนโด ตรงนั้นจะมีทางกลับรถอยู่ด้านหน้าซอย สำหรับที่จอดรถ หาจอดที่ริมรั้วเอแบคกันครับ ช่วงนี้ยังอยู่ในสถานการณ์โควิด ทำให้หาที่จอดรถได้ง่ายครับ
ป้ายหน้าร้านขนาดใหญ่ |
ที่นั่งด้านใน แบบโต๊ะไม้ |
ที่นั่งข้างๆร้าน แบบโต๊ะญี่ปุ่น |
เราสองคนเลือกนั่งแบบโต๊ะไม้ธรรมดาด้านใน เมื่อนั่งที่โต๊ะแล้ว บนโต๊ะทุกตัว มีให้บริการผ้าเปียก กระดาษทิชชู่อย่างดี วางไว้พร้อมครับ นับเป็นความใส่ใจของทางร้านเป็นอย่างดี มีเมนูวางไว้ให้เลือกดูรายการอาหารได้เลย
เมนู |
เมนู |
เมนู |
เมนู |
เมนู |
เมนู |
เมนู |
วันนี้ทางร้านมีปลาราคา 350 บาทและ 320 บาท นานๆจะมาทานกันสักที ก็เลือกราคา 350 บาทกันเลยครับ ในรายการทีวีมีแจ้งว่า ทางร้านใช้เวลาในการเผาปลาประมาณ 25 นาที จะไม่มีการเผาไว้ก่อน เพื่อความสดใหม่ของปลาเผาครับ แต่ในวันนี้เราสองคนก็ใช้เวลาในการรออาหารไม่นานนะครับ ประมาณสิบกว่านาที รายการอาหารต่างๆก็ทะยอยออกมาเสริฟ์
น้ำแข็งเปล่า |
น้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มหวาน |
ผักสด |
เส้นหมี่และเส้นขนมจีน |
เครื่องเคียงพร้อม |
ปลาทับทิมเผามาแล้วจ้า |
ปลาเผา 350 บาท |
ส้มตำปูปลาร้ารสจัด เผ็ดๆ |
หอยแครงเผา |
เต็มโต๊ะครับ |
หอยแคงเผามากำลังดี ตัวกำลังทาน |
สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ ปลาทับทิมเผา มีความสด หวาน สะอาด ล้างเครื่องในมาอย่างดี ไม่มีกลิ่นคาว (ในส่วนของความสดเป็นที่แน่นอนครับ เพราะหลังร้านมีกระชังปลาว่ายกันอยู่เลย แปลว่าใช้ปลาเป็นๆมาทำ) ส่วนความสะอาด นับเป็นความใส่ใจของทางร้าน ที่ทำความสะอาดปลามาดี ทานคู่กับผักสด แล้วเข้ากันดีครับ
ส่วนของน้ำจิ้มซีฟู้ด รสชาติเผ็ด เปรี้ยว มาครบ จัดจ้านครับ คนที่ชอบความจี๊ดจ๊าดต้องไม่พลาดน้ำจิ้มของทางร้าน ส่วนน้ำจิ้มหวานของที่นี่ ไม่มีพริกผสมเลยครับ ดีงามมากๆ โรยด้วยถั่วคั่วใหม่ๆ กรุบกรอบ น้ำจิ้มหวานผสมมะขามเปียก ออกหวานๆเปรี้ยวๆ ยิ่งเจอถั่วมันๆเข้าไปอีก ราดบนเนื้อปลาห่อด้วยผักแล้ว สุดยอดความอร่อยเลยครับ
ส้มตำปูปลาร้า น้ำปลาร้ามาแบบนัวๆ รสชาติตำครบรส อร่อยถูกใจแฟนมากๆครับ โดยเฉพาะหอยแครงเผา ปกติแฟนไม่ทานหอยแครง เพราะไม่ชอบเลือดบนตัวหอย แต่ทางร้านย่างออกมาได้แห้งกำลังดี ไม่แห้งจนเนื้อขาดความชุ่มฉ่ำ แต่ก็ไม่มีเลือดให้เห็นเลย ถูกใจมากๆ ทานกันเพลินๆ แปบเดียวหมดจาน แต่มีบ้างบางตัวที่เปิดฝาหอยไม่ออกครับ จนปัญญาก็ต้องทิ้งกันไป
ทางร้านมีร่วมโครงการคนละครึ่งด้วยนะครับ สรุปความคุ้มค่าเมื่อเทียบราคาค่าอาหาร กับปริมาณอาหาร คุณภาพอาหารและรสชาติอาหารแล้ว เราสองคนเห็นตรงกันครับ ว่าคุ้มค่าดี คู่ควรกับการมาทานกันอีกอย่างแน่นอน ทางร้านมีให้คูปองสะสมการทานปลาเผาด้วย 10 ตัว แถม 1 ตัวครับ ถึงแม้ตลาดแถวบ้านจะขายเมี่ยงปลาเผา เพียงชุดละ 160-180 บาท แต่เราสองคนก็ยังรู้สึกว่า ร้านราชาปลาเผา คุ้มค่ากับการมาทานอยู่ดีครับ ท่านใดผ่านมาแถวนี้ อย่าลืมแวะมาทานกันนะครับ น้องพนักงานทุกคนบริการดี แฟนเจ้าของร้านเป็นคนต่างชาติ แต่ก็พูดไทยได้ชัดเลยครับ ทานเสร็จสามารถไปเดินตลาด กกท. เพื่อย่อยอาหารต่อได้ด้วยนะครับ (ตลาดกกท. เปิดให้บริการ 16.30 เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์นะครับ)
บิลค่าเสียหาย |