ด้วยเราได้คำแนะนำจากพี่สาวใจดีท่านนึง ให้พาท่านแม่ ลองมาทานกาแฟ ขนม พร้อมๆกับสัมผ้สบรรยากาศร่มรื่น สบายๆ แถมพิกัดยังอยู่แค่แถวสี่แยกเหม่งจ๋าย ในซ.ประชาอุทิศ 23 นี่เอง ดังนั้นหลังจากทานอาหารที่ร้าน Levar เป็นที่เรียบร้อย เราจึงเคลื่อนตัวไปทานกันต่อที่ร้านตามใจ คาเฟ่ เริ่มจากการค้นหาแผนที่ใน Google map แล้วก็พบว่า ไม่เจอชื่อร้านครับ พยายามอยู่นาน ทั้งแบบติดกัน แยกกัน ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ กระทั่งภาษาไทยปนอังกฤษ ก็ยังไม่เจอพิกัดของร้าน สุดท้ายจึงมาค้นหาใน Google ธรรมดาก่อน แล้วเข้าไปยังเฟซบุ๊คของทางร้าน เพื่อให้นำทางมายังร้าน
พิกัดที่ขึ้นในแผนที่จะเป็น บ้านวรรณกวี ซึ่งแจ้งว่าปิดทำการแล้ว เพื่อความแน่ใจ เราจึงโทรไปสอบถามทางร้าน ได้ความว่า ทางร้านตามใจ คาเฟ่ เปิดให้บริการในเวลา 8.00-18.00 น. แต่ที่ปิดนั่นคือ บ้านวรรณกวี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงอยู่ติดกัน ที่ต้องจองการใช้บริการล่วงหน้าต่างหาก ที่ปิดแล้ว เราจึงขับรถไปถึงพิกัดบ้านวรรณกวี เมื่อไปถึงจุดหมายจะพบกับลานจอดรถกว้างขวางทางด้านขวามือ พร้อมกับป้ายทางเข้าไปยังบริษัท ทศกัณฑ์ฟิลม์ มียามรักษาความปลอดภัย คอยให้ความสะดวกในการจอดรถ และดูแลรถให้ครับ
หลังจากจอดรถที่ลานจอดแล้ว มุ่งหน้าเข้าไปยังด้านใน จะพบกับความร่มรื่นของบรรยากาศรอบข้างที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ และบ้านทรงไทย ให้ความรู้สึกร่มเย็น สบายตา สบายใจ มีเสียงน้ำไหลจากน้ำพุในอ่าง
ด้วยระยะทางจากลานจอดรถไปยังภายในร้านกาแฟ ค่อนข้างไกลเล็กน้อย เราจึงให้ท่านแม่นั่งรถเข็นวีลแชร์ที่มีติดรถอยู่แล้วเข้าไปด้านใน น้องพนักงานร้านกาแฟออกมาให้ความสะดวก โดยที่เรายังไม่ได้ทันร้องขอแต่อย่างใด น้องพนักงานช่วยเปิดทางกั้นด้านหน้าร้าน เพื่อให้เราเข็นรถเข้ามาได้ เพราะด้านหน้าร้าน จะเป็นบันไดก้าวขึ้นเข้ามายังภายในร้าน
ภายในร้านตกแต่งบรรยกาศไทยๆ ชุดเก้าอี้โซฟาส่วนใหญ่เป็นไม้ทั้งหมดครับ ตรงนี้ไม่ค่อยได้ถ่ายบรรยากาศภายในร้านมาสักเท่าไร สามารถดูได้จากเฟซของทางร้านได้นะครับ ด้วยท่านน้าชื่นชอบในบรรยากศ มุมต่างๆภายในร้าน จึงมีแต่รูปท่านน้า (ไม่สะดวกในการนำมาโพสครับ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย) ด้วยเราไปถึงร้านในช่วงเวลา บ่าย 3 โมงกว่าๆ ทางร้านไม่ได้มีการเปิดเพลงเหมือนในช่วงเช้าแล้วครับ
น้องพนักงานดูแลดีมากครับ มาให้คำแนะนำ ถึงรายการเครื่องดื่ม ขนม และใส่ใจดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก นำเมนูขนาดใหญ่มาให้ท่านแม่ทำการเลือกสั่ง พร้อมทั้งช่วยบริการจดรายการเครื่องดื่มให้อีกด้วย ทางร้านมีรายการเป็น Set ให้ด้วยนะครับ สำหรับ การสั่งเครื่องดื่มเย็นพร้อมขนม
เรามากัน 5 คน ก็สั่งเครื่องดื่มกันคนละแก้วครับ พร้อมด้วยขนมที่ขึ้นชื่อทั้ง 3 อย่าง ได้แก่ ตะโก้ชีสเค้ก, นมเย็นเค็ก และ ลิ้นจี่พานาคอตต้าครับ ใช้เวลาไม่นาน ขนมก็นำออกมาเสริฟ์ ตามด้วยรายการเครื่องดื่ม
ลิ้นจี่พานาคอตต้า |
คาปูชิโน่ร้อน |
สำหรับรสชาติขนมและเครื่องดื่มตามความรู้สึกส่วนตัวของพวกเรานะครับ เริ่มจากเมนู เสาวรสโซดา รสชาติโอเคดีครับ เปรี้ยว ซ่า ให้ความสดชื่นหลังจากดื่มได้เป็นอย่างดี ไม่หวานมาก รสชาติกำลังดี เมนูนี้ท่านแม่ให้ผ่าน ชอบมากๆครับ ต่อด้วยเมนูของเรา เป็นกาแฟอเมริกาโน่น้ำมะพร้าว รสชาติหอมน้ำมะพร้าว ไม่หวาน ออกอมเปรี้ยวจากน้ำมะพร้าวที่ปลายลิ้นเล็กน้อย เหมือนเราทานน้ำมะพร้าวสดจากลูกมะพร้าวเลย ในส่วนของกาแฟก็หอมดีครับ
ต่อด้วย ชาเขียวมัจฉะลาเต้ รสชาติก็หอมกลมกล่อม อร่อยดีครับ ท่านน้าบอกว่าไม่หวานมาก กำลังดี สุดท้ายคือ คาปูชิโน่ร้อน รสชาติปกติดีครับ หอมละมุนๆ จากนั้นก็มาถึงขนมหวานกันบ้าง ขอเริ่มจาก ตะโก้ชีสเค้ก เมนูนี้แฟนให้ผ่านครับ แต่เรารู้สึกว่าเฉยๆ ความเป็นชีสเค้กออกไปสักหน่อย
นมเย็นเค้ก อันนี้รสชาติก็ทานได้ครับ นุ่มๆละมุนๆ แต่ไม่ค่อยชอบเป็นการส่วนตัว เหมือนไม่ใช่ทางของเราสักเท่าไร ที่ถูกใจผมมากที่สุด ต้องเป็นเมนู ลิ้นจี่พานาคอตต้าครับ ถึงแม้ว่าตัวเนื้อของ พานาคอตต้าน่าจะละมุนได้อีก แต่ก็ถือว่าโอเคครับเมื่อทานคู่กับซอสในถ้วยด้านข้าง ไม่หวานเกินไป ไม่เลี่ยน เผลอแปบเดียวหมดจานครับ
ขนมแทบทุกจาน ตกแต่งมาอย่างสวยงาม ปราณีต ให้ความรู้สึกเข้ากันกับสถานที่ที่ตกแต่งแบบไทยๆ ในส่วนของความคุ้มค่า เมื่อเทียบรสชาติ คุณภาพ ปริมาณ กับราคาค่าขนมและเครื่องดื่มแล้ว ราคาค่อนข้างจะสูง แต่โดยส่วนตัวเราว่าไม่ได้แพงจนเกินไป เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสงบ ร่มรื่น พักจิตใจที่เร่งรีบ มีโอกาสขอแนะนำให้มาลองทานกันที่ร้านครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น