วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ร้าน นายฉั้ว จ.นครปฐม

                        เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราและครอบครัวได้เดินทางไปทำภารกิจที่จังหวัดนครปฐม และได้ไปสักการะ องค์พระปฐมเจดีย์ ด้วยไปถึงในเวลาประมาณเกือบ 10 โมงเช้า มิสเตอร์ทีจึงแนะนำว่า เราควรไปหาอาหารทานกันก่อน มาถึงนครปฐม เมนูที่ไม่ควรพลาด ก็ต้องเป็นข้าวหมูแดง และเมื่อไม่นานนี้ พวกเราได้มีโอกาสดูรายการทีวีรายนึง พาไปทานข้าวหมูแดงที่ร้าน นายฉั้ว ถึงจะไม่ใช่ร้านที่เปิดมายาวนาน 70 กว่าปี เหมือนสองร้านที่เปิดติดกัน แต่ร้านนี้ก็เปิดมา 40 กว่าปีแล้วครับ

                     พิกัดร้านอยู่ริมถนนติดกับทางเข้าตลาด ไม่มีที่จอดรถนะครับ สามารถจอดได้ที่ลานจอดรถขององค์พระปฐมเจดีย์ได้เลยครับ ถ้าเดินไม่ไกลก็ควรที่จะจอดที่ฝั่งหน้าองค์พระฯครับ เดินออกจากประตูองค์พระฯแล้วเลี้ยวขวา ไม่ไกลก็จะเห็นป้ายชื่อร้านครับ


ป้ายชื่อร้าน

เคาน์เตอร์ร้าน

หน้าร้าน

                  เมื่อเดินมาถึงร้าน ก็จะพบกับปริมาณลูกค้าที่ยืนเข้าคิวรอสั่งอาหารกลับบ้านครับ แต่โชคดีด้านข้างของร้านอาหาร ยังพอมีโต๊ะว่างให้เราเข้าไปนั่งได้อยู่ เพียงนั่งที่โต๊ะ พนักงานของร้าน(น่าจะเป็นลูกชายเจ้าของร้านครับ) เดินมารับรายการอาหารทันที และต้องขอชื่นชมในความสามารถเฉพาะบุคคลมากๆครับ ที่สามารถจดจำรายการอาหารได้อย่างแม่นยำ โดยที่ไม่ต้องคอยตะโกนบอกคนทำ หรือต้องจดเลยครับ และด้วยปริมาณลูกค้า ทำให้ใช้เวลาประมาณ 7-10 นาที เราก็ได้รับรายการตามที่เราสั่งครบถ้วนครับ


ข้าวหน้าไก่

ข้าวหมูแดง หมูกรอบ

พริกดอง

                 
                    ด้วยปริมาณลูกค้าที่ยังคงยืนรออย่างต่อเนื่อง และความกว้างของโต๊ะไม่ค่อยมาก ทำให้เราไม่ได้ถ่ายรูปมาครบทุกจานที่สั่งไปครับ สรุปรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของพวกเรานะครับ เริ่มจากข้าวไก่อบ เนื้อไก่นุ่มดีครับ แต่สำหรับเรา รู้สึกว่ามันแห้งไปหน่อยครับ ถ้ามันได้อีกนิด คงจะสุดยอดครับ

                   ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ น้ำราดอร่อยดีครับ อาจจะไม่ค่อยเข้มข้น แต่ก็กลมกล่อม หมูกรอบมันเยอะไปสักหน่อย ก็ก็กรุบกรอบดีครับ แต่ที่ติดใจในรสชาติและรู้สึกว่า สุดยอดเลย คือพริกดองครับ พริกดองที่ใส่ถ้วยวางไว้บนโต๊ะ รสชาติดีงามมากๆ ทางร้านดองเข้าเนื้อมาเป็นอย่างดี ตัวพริกไม่ได้มีความเผ็ดแม้แต้น้อย แต่กลับให้ความรู้สึกสดชื่น ช่วยรสความเลี่ยนได้เป็นอย่างดี

                    สำหรับความคุ้มค่า เมื่อเทียบปริมาณอาหาร คุณภาพอาหาร และราคาจานละ 40 บาท สำหรับความเห็นส่วนตัวนะครับ เห็นว่าคุ้มค่าดีครับ มีโอกาสผ่านมาที่นครปฐม จะต้องกลับมาซ้ำอีกแน่นอนครับ

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ สามแซบ ซ.ลาซาล59

                       เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เราได้เดินทางไปทำธุระแถวเส้นลาซาล แล้วอยากหาอะไรทานง่ายๆ ใช้เวลาไม่นานในช่วงเวลาเกือบเที่ยง แฟนจึงแนะนำว่า ให้ไปลองทานก๋วยเตี๋ยวเรือหม้อไฟกัน เพราะที่บ้านแฟนเคยมาทานกันแล้ว ชอบในความนุ่มของเนื้อหมูและความอร่อยกรุบกรอบของหมูกระจก เราจึงมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารกันครับ

                          พิกัดร้านตั้งอยู่ในซอยลาซาล 59 ขับเข้าไปลึกพอสมควร จะเห็นป้ายชื่อร้านก่อนถึงตัวร้าน พร้อมกับแจ้งว่า มีให้บริการที่จอดรถ โดยสามารถจอดได้ที่ลานจอดรถ NW อพารต์เมนท์ครับ ซึ่งจะตั้งอยู่หลังร้าน หลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อย ก็เดินไปร้านได้เลย


ด้านหน้าร้าน

ด้านข้างร้าน

เคาน์เตอร์หน้าร้าน

โซนปรุงก๋วยเตี๋ยว

       

                              ด้วยเรามาถึงในเวลาช่วงเที่ยง จึงมีพนักงานรับส่งอาหาร ยืนรอกันที่หน้าร้านเป็นจำนวนมาก แต่ภายในร้านก็ยังคงมีโต๊ะว่างอยู่พอสมควร หลังจากได้ที่นั่งเรียบร้อย บนโต๊ะจะมีเมนูวางไว้ให้บริการพร้อม จดใส่กระดาษแล้วยื่นให้น้องพนักงานได้เลยครับ


ภายในร้าน

เมนู

เครื่องปรุงและอุปกรณ์ในการทาน

                       ระหว่างรออาหาร แฟนก็เดินไปหยิบหมูกระจกมา 2 ถุง เป็นเวลาพอดีกับที่น้องพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสริฟ์ ก่อนที่รายการอาหารจะทะยอยตามออกมาครับ


น้ำวุ้น

หมูกระจก

หม้อไฟ

หม้อไฟ

น้ำเปล่า

วุ้นเส้น - ในชุดหม้อไฟ

เส้นหมี่-ในชุดหม้อไฟ

ชุดหม้อไฟ เลือกเส้นได้ 2 ชาม

เส้นเล็กแห้งน้ำตก

คลุกแล้วสีสันเข้มข้นมาก

เอาเครื่องในหม้อไฟมาราดบนวุ้นเส้น

เครื่องในหม้อไฟราดบนเส้นหมี่ เพิ่มเติมด้วยพริกป่น

น้ำซุปหม้อไฟ 

หมูกระจกกรุบกรอบ

                        สรุปรสชาติตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ ขอเริ่มจากเมนูหม้อไฟก่อน ในชุดจะสามารถเลือกเส้นได้ 2 ชาม ในหม้อมีเครื่องมาให้ครบครับ ทางร้านลวกตับมาได้เป็นอย่างดี สุกและนุ่มกำลังทานเลย เนื้อหมูชิ้นก็มาแบบนุ่มๆดีครับ ลูกชิ้นหมูก็โอเคดีครับ ในส่วนของน้ำซุปในหม้อไฟ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าเหมือนมีน้ำพริกเผาหรือพริกกะเหรี่ยง ทำให้น้ำซุปค่อนข้างมัน และเลือดยังไม่ค่อยเข้มข้น ส่วนความเผ็ดของหม้อไฟ ไม่มากครับ เรียกว่าแทบไม่รู้สึกเลยว่าเผ็ด แฟนจึงต้องเติมพริกป่นลงไปอีกเพียบ

                          แต่สำหรับเส้นเล็กน้ำตกนี่สิครับ ขอบอกเลยว่า เผ็ดจัดจ้านมากๆ เรียกว่าเข้มข้นเกินสำหรับคนธรรมดาแบบเราครับ ทานไปแสบปาก แสบคอไป เหมาะสำหรับคนชอบทานเผ็ดๆครับ หมูกระจกก็ดีงามครับ เอามาคลุกทานแกล้มลดความเผ็ดลงไปได้บ้าง ในส่วนของเครื่องดื่ม น้ำวุ้นก็อร่อยดีครับ มีวุ้นหนึบๆให้ทาน หอมใบเตย สรุปความคุ้มค่าโดยรวมนะครับ เมื่อเทียบปริมาณอาหาร คุณภาพอาหาร และความอร่อยที่ได้รับ กับค่าเสียหายที่จ่ายไปแล้ว ก็นับว่าคุ้มค่าครับ แฟนชอบมาก แต่ไม่ใช่ทางของเราครับ ด้วยแห้งก็เผ็ดเกินสำหรับเรา น้ำซุปก็เลือดน้อยไป ที่สำคัญทางร้านเน้นความแซบ ควรจะมีบริการกระดาษทิชชู่ไว้ให้พร้อมนะครับ 


บิลค่าเสียหาย


วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ร้านอาหารระเบียงกะเพรา ท่าเรือ จ.อยุธยา

                    ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี ครอบครัวเราจะมีทริปไหว้เจ้า สักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์ต่างๆ ในปีนี้ก็เช่นกัน ถึงแม้จะอยู่ในช่วงของโควิด แต่สถานที่ต่างๆก็มีมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดไว้เป็นอย่างดี รวมถึงพวกเราเองก็ป้องกันตัวเอง ด้วยการล้างมือบ่อยๆ สวมใส่หน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่างจากบุคคลอื่นๆ หลังจากที่ได้สักการะหลวงปู่โต ที่วัดสะตือเป็นที่เรียบร้อย ก็จะเป็นเวลาประมาณเกือบ 5 โมงเย็น ก่อนจะมุ่ง่หน้ากลับกรุงเทพฯ เราก็ตัดสินใจว่าจะหาอะไรทานกันก่อน เปิดหาข้อมูลร้านอาหารแล้วก็ถูกใจกับร้านอาหารระเบียงกะเพรา ด้วยตัดสินใจว่าเมนูนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร น่าจะทานกันได้อย่างแน่นอน จากวัดสะตือ ร้านอาหารจะอยู่ห่างประมาณ 6.8 km ใช้เวลาเดินทางประมาณสิบกว่านาที เราก็จะมาถึงร้านเป็นที่เรียบร้อยครับ ทางร้านมีที่จอดรถให้บริการทั้งหน้าร้าน และด้านข้างของทางร้าน


ป้ายชื่อด้านข้างร้าน

หน้าร้าน

ทางเข้าร้านห้องปรับอากาศ

                    ทางร้านมีให้บริการทั้งแบบด้านนอก และด้านในที่มีเครื่องปรับอากาศนะครับ ด้วยสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน เราจึงตัดสินใจเข้าไปใช้บริการด้านในกันครับ เมื่อเปิดประตูเข้าไป จะพบกับเครื่องสแกนวัดอุณหภูมิอยู่ด้านซ้ายมือ พร้อมสมุดให้ลงชื่อเข้าใช้บริการ ตามมาตราการความปลอดภัยของการแพร่กระจายเชื้อโควิดครับ

ป้ายหน้าร้าน

ป้ายหน้าร้าน

บรรยากาศด้านใน

โต๊ะของเราวันนี้

รายการอาหารแนะนำบนกำแพง

โซนเครื่องดื่มและไอศครีม

                    เมื่อก้าวเท้าเข้ามาภายในร้านนะครับ ความรู้สึกแรกก็คือ เป็นร้านอาหารที่ให้ความรู้สึกว่าสะอาดดีครับ มีให้บริการเครื่องดื่มหลากหลาย กาแฟสด น้ำปั่น เครื่องดื่มชงต่างๆ พร้อมไอศครีมมีทั้งแบบตักใส่โคน ใส่ถ้วย และแบบแท่งให้เราเลือกทานครับ

                          หลังจากเราแจ้งจำนวนลูกค้ากับทางเจ้าของร้านแล้ว ทางร้านทำการจัดเตรียมโต๊ะให้ใหม่ครับ ด้วยท่านแม่เป็นผู้สูงอายุที่ต้องใช้เก้าอี้ 2 ตัว ในการนั่งทานอาหารครับ เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อย ทางร้านก็ส่งเมนูอาหารมาให้เราเลือกสั่งกันครับ


เมนู

เมนู

เมนู


                      หลังจากสอบถามเมนูแนะนำกับทางร้าน และสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อย เราก็ไปล้างมือ และเข้าห้องน้ำกันก่อนครับ ทางร้านมีให้บริการห้องน้ำอยู่ทางด้านข้างของร้านนะครับ ห้องน้ำมีให้บริการทั้งหมด 4 ห้อง ความสะอาดถือว่าดีงามครับ เมื่อทำธุระกันเรียบร้อย บนโต๊ะก็มีเครื่องดื่มและอุปกรณ์ในการทานอาหารมาวางไว้พร้อมครับ


อุปกรณ์ในการทานอาหาร

กระดาษทิชชู่




ชาส้ม - ชาเย็นตรามือใส่นม

น้ำเปล่าและน้ำแข็ง

ชาเขียว

น้ำมะนาวร้อน

                       ในตอนที่เราเข้ามาใช้บริการ ภายในร้านมีลูกค้ากลุ่มเดียวก็คือพวกเราครับ แต่หลังจากได้รับเครื่องดื่มแล้ว ก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่ม ทำให้รายการอาหารออกมาไม่ไวมากนะครับ 


พริกน้ำปลา

ข้าวผัดกระเพราไก่สับ ไม่ใส่พริก

แกงส้ม กุ้งสด

กระดูกอ่อนทอดกระเทียม

กะเพราไก่สับ

เอ็นไก่ทอดงาขาว

ผัดฉ่าทะเล

น้ำจิ้มปลากระพงทอดน้ำปลา

น้ำจิ้มซีฟู้ด

ปลากระพงทอดน้ำปลา

ข้าวราดกะเพราหมูสับ

ฉู่ฉี่ปลาม้า

น้ำมะนาวโซดา


                     สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของครอบครัวเรานะครับ ขอเริ่มจากเมนูที่ชอบมากที่สุด ก็คือปลากระพงทอดน้ำปลาครับ ทางร้านทำออกมาได้ดีมากๆ ปลาทอดออกมากรอบอร่อย น้ำปลาหวานที่ราดบนตัวปลา ก็รสชาติดี กลมกล่อม น้ำจิ้มเครื่องเคียงที่มีมะม่วงซอยใส่มาด้วย ก็รสชาติดีครับ ทานคู่กับเนื้อปลาทอดร้อนๆ เข้ากันเป็นอย่างดี น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเฉพาะของทางร้าน หน้าตาอาจจะดูแปลกๆ แต่รสชาติไม่ธรรมดาเลยครับ เผ็ด จัดจ้าน มาแบบครบรสได้อย่างไม่น่าเชื่อครับ

                   เมนูฉู่ฉี่ปลาม้า ในตอนแรกอยากจะสั่งเป็นปลาเนื้ออ่อนครับ แต่ทางร้านบอกว่าหมด และแนะนำเป็นปลาม้าแทน ต้องบอกว่าอร่อยมากๆครับ มิสเตอร์ที ผู้ไม่ทานเผ็ด กลับทานได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆที่รสชาติมาแบบเผ็ดจัดจ้าน เพราะความอร่อย หวาน สด ของเนื้อปลาม้า ที่มีความละมุน ทำให้มองข้ามรสชาติเครื่องแกงที่เผ็ด ราดอยู่ด้านบนไปได้แบบสบายๆ ทานคู่กับข้าวเปล่าร้อนๆ แปบเดียวหมดจานครับ

                      ข้าวเปล่าของทางร้าน หุงมาดีมากๆครับ มีความหอม และนุ่ม พวกเราสั่งมา 1 หม้อ จะตักได้ประมาณ 4 จานครับ (มากัน 5 คน แต่ก็มีสั่งราดข้าวมาแล้ว 2 จาน เลยสั่งกันแค่หม้อเดียวพอครับ) จากนั้นต่อด้วยเมนูทะเลผัดฉ่า รสชาติทำออกมาได้จัดจ้านถึงใจครับ แกงส้มเองก็ตำพริกแกงกันใหม่ๆ เครื่องแกงเข้มข้น สมเป็นร้านอาหารไทยในเมืองอยุธยาจริงๆครับ เสียดายที่ในหม้อแกงส้มของเรา ใส่ผักมาน้อยไปสักหน่อย ทำให้ดูโหรงเหรงครับ ในหม้อมีกุ้งอยู่ประมาณ 5-6 ตัว
                        
                        ต่อด้วยเมนูของทอดครับ เอ็นไก่ทอดงาขาว และกระดูกอ่อนทอดกระเทียม ทางร้านทำออกมาได้ดีครับ ทอดออกมากรุบกรอบกำลังดีเลย  โดยเฉพาะกระเทียมทอดในจานกระดูกอ่อน เป็นที่ถูกใจของมิสเตอร์ทีเป็นอย่างมา นำมาคลุกทานกับข้าวเปล่าแล้ว อร่อยดีครับ
                   
                      เมนูอาหารสุดท้าย ที่เราค่อนข้างผิดหวังครับ นั่นก็คือ ผัดกะเพราะครับ ไม่ว่าจะเป็นไก่สับแบบไม่ใส่พริก ไก่สับใส่พริก หมูสับใส่พริก ทั้ง 3 แบบ รสชาติค่อนข้างธรรมดามากครับ ไม่มีความจัดจ้าน และกลิ่นกะเพราไม่ค่อยมีครับ ด้วยคาดหวังเองครับ ว่าชื่อร้านระเบียงกะเพรา เมนูนี้น่าจะเป็นเมนูเด็ด แต่ผิดคาดครับ เมนูอื่นๆอร่อยกว่ามากครับ และทางร้านมีหลายเมนูที่จะออกไปทางเค็มครับ เหมาะที่จะทานคู่กับข้าว มากกว่าทานเล่นๆแต่กับนะครับ ด้วยเป็นร้านขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้การปรุงอาหารจะต้องใช้เวลานะครับ แต่ไม่ถึงกับช้ามาก 
        
                       ในส่วนของเครื่องดื่ม ทางพนักงานทำมาได้อร่อยดีครับ โดยเฉพาะเมนูมะนาวโซดา มะนาวร้อน ชงออกมาได้ กลมกล่อม เปรี้ยวสดชื่นดีครับ ในส่วนของกาแฟเอสเพรสโซ่ร้อน รสชาติทำออกมาปานกลางครับ มีอมเปรี้ยวเล็กน้อย แต่เสียดายที่กาแฟไม่ค่อยร้อน เป็นความเห็นส่วนตัวของคุณน้าผู้เป็นคอกาแฟครับ ส่วนเครื่องดื่มเย็นชาส้มและชาเขียว รสชาติกลมกล่อม อร่อยปกติดีครับ 
 
                          สรุปความคุ้มค่านะครับ สำหรับพวกเราในวันนี้ มีความเห็นตรงกันทั้ง 5 คนว่า เมื่อเทียบปริมาณอาหาร คุณภาพอาหาร และความอร่อยที่ได้รับ มีความคุ้มค่าที่น่าจะมาทานกันซ้ำอีกครั้งครับ เรียกว่าเก็บชื่อร้านนี้ไว้เป็นร้านที่ควรมาทาน เมื่อมาเส้นทางแถวนี้เลย และได้ทำการแจ้งกับทางเจ้าของร้านว่า จะมาทานกันอีกในวันรุ่งขึ้น โดยขอสั่งเมนูอาหารบางอย่างไว้ก่อนเลย เพราะเมนูปลาทอด ต้องใช้เวลาทำนานครับ ถึงทางร้านจะเปิดให้บริการในเวลา 9.00 แต่พวกเราจะมาถึงในเวลาประมาณ 8.45 ทางร้านก็ยินดีให้บริการเช้าขึ้นครับ (ปล.ทางร้านรับเฉพาะเงินสดและเงินโอนนะครับ และตอนนี้มีร่วมโปรโมชั่นเครื่องดื่มฟรี กับทาง DTAC ด้วยนะครับ พวกเราใช้สิทธ์ไปกับเมนูน้ำมะนาวร้อนครับ จึงไม่มีเมนูนี้ในบิลครับ)

                  (ในวันต่อมา พวกเรามีสั่งเมนูที่อยากแนะนำให้สั่งมาทานกันนะครับ  ลองทานแล้ว ถูกใจครับ ได้แก่ผัดเผ็ดหมูป่า แกงคั่วหอยขม ปูหลน และแกงเลียงครับ เป็นเมนูที่ต้องบอกว่า ถ้าไม่สั่งมาทานจะถือว่าพลาดครับ เสียดายที่วันต่อมาไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ครับ เนื่องจากมากันหลายคน ทำให้ไม่สะดวกครับ)


นามบัตร

บิลค่าเสียหาย


                       

บทความที่ได้รับความนิยม