วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Tenjo Sushi & Yakiniku สาขา The nine พระรามเก้า

                            วันเสาร์ที่ผ่านมา ระหว่างขับรถกำลังมุ่งหน้าจะไปศรีนครินทร์ ก็มีความรู้สึกอยากหาปิ้งย่างทานกับแฟน ในเวลาประมาณเกือบบ่าย 3 โมง ในตอนแรกตั้งใจจะไปทานกันที่ Real Ichi แต่เพื่อกันการไม่เสียเวลาเดินทางไปแล้วร้านปิดหรือว่าเต็ม พวกเราจึงโทรไปเพื่อจะทำการจองหรือสอบถามไว้ก่อน หลังจากพยายามโทรไปสองสาย ไม่มีพนักงานรับสาย เราจึงเปลี่ยนใจ หาร้านอื่นแทนกัน และแล้วก็นึกถึงร้าน Tenjo ขึ้นมาได้ เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่มีอาหารญี่ปุ่นให้บริการด้วย คล้ายคลึงกับร้านแรกที่ตั้งใจไว้ สาขาที่ใกล้ที่สุด ณ เวลานั้นคือ The nine พระรามเก้า จึงเป็นที่มาของการมาทานกันที่สาขานี้ครับ

                                สิ่งที่หายากยิ่งกว่าการหาร้านอาหารทาน นั่นก็คือการหาที่จอดรถ หลังจากขับวนอยู่ใน The nine ประมาณ 10 นาที พวกเราก็ได้ที่จอดรถกันจ้า หลังจากจอดเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารกันครับ ร้าน Tenjo ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 สามารถเลือกที่จะเดินบันไดธรรมดา หรือบันไดเลื่อน ตามแต่ความแข็งแรงของสภาพร่างกายของแต่ละคนเลยครับ


ป้ายไฟแนะนำเมนูและราคา

ทางเข้าหน้าร้าน
บรรยากาศหน้าร้าน

       
                    เมื่อเรามาถึงหน้าร้าน จะมีน้องพนักงานต้อนรับ คอยแนะนำความแตกต่างของแต่ละราคาใน Set ที่แตกต่างกันครับ ช่วงนี้มีโปรโมชั่นของบัตรเครดิต KTC ที่จะลด 25% ก่อนที่จะ +ค่าภาษี และ+ค่า Service charge นะครับ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก พวกเราจึงตัดสินใจที่จะทานกันในราคา 899++ ครับ ในราคานี้จะมีรวมเครื่องดื่มและขนมหวานเรียบร้อยแล้วครับ มีเวลาในการสั่งอาหาร 1 ชั่วโมง 30 นาที แต่สามารถนั่งทานได้ 1 ชั่วโมง 45 นาทีครับ และถ้านั่งทานเกินเวลา 10 นาทีแรก ทางร้านไม่คิดค่าบริการเพิ่มครับ

                         มองจากป้ายหน้าทางเข้าจะเห็นมีป้าย Haagen dazs แปะอยู่ อันนี้สำหรับท่านที่ทานในราคา 1299++ เท่านั้นนะครับ สำหรับราคาอื่นๆ จะเป็นไอศครีมกล่องให้ตักทั่วไปครับ เวลาที่พวกเราไปถึงภายในร้านลูกค้าไม่ค่อยมากครับ มีโต๊ะว่างให้บริการพอสมควร แต่โต๊ะสำหรับ 2 คน ก็ค่อนข้างเล็กนิดนึงครับ พื้นที่วางจานอาหารค่อนข้างน้อย แต่ไม่สามารถไปใช้โต๊ะอื่นได้ ตามที่เห็นในภาพครับ แค่วางเมนูก็เต็มโต๊ะแล้วจ้า


โต๊ะอาหาร สำหรับ 2 ท่าน

               บนโต๊ะจะมีใบรายการให้เราทำการเลือกสั่งอาหาร โดยให้ระบุจำนวนที่ต้องการครับ สามารถดูหน้าตาจานอาหารได้จากในเมนู หรือจะอ่านจากในกระดาษก็ได้ครับ หลังเขียนเสร็จแล้วก็ส่งให้น้องพนักงานได้เลยจ้า 


เมนู
ใบรายการ


ใบรายการ

ใบรายการ

ใบรายการ

ใบรายการ
โชยุ น้ำจิ้ม และเครื่องปรุงต่างๆ


                ระหว่างรออาหาร เราก็สามารถเดินไปกดเครื่องดื่มได้เลยครับ โดยน้องพนักงานจะวางแก้วน้ำกระดาษไว้ให้ที่โต๊ะ พร้อมสำหรับใช้งานจ้า


ตู้ไอศครีม

มีชาร้อนและ เตาแพนเค้กให้ทำเองด้วยนะครับ

เครื่องดื่ม
ถังน้ำแข็งอยู่ติดกับเครื่องกดน้ำอัดลม


เยลลี่ และซอสชอคโกแลต (ไม่ได้เปิดน้ำพุ) แต่มีให้บริการดิพในถ้วยแทน
ผลไม้ เยลี่ และพานาคอตต้า


                 หลังจากได้เครื่องดื่มเป็นที่เรียบร้อย เราก็มาทำการปรุงน้ำจิ้มกันครับ ตรงนี้สามารถปรับแต่งรสชาติกันได้ตามอัธยาศัยเลย เพียงไม่นาน อาหารที่เราสั่งก็เริ่มทะยอยออกมาเสริฟ์กันครับ ด้วยโต๊ะค่อนข้างเล็กทำให้ที่วางน้อยไปด้วย เราจึงอาจจะต้องเร่งทานอาหารที่นำมาเสริฟ์กันค่อนข้างมาก เลยจำชื่ออาหารในแต่ละเมนูไม่ได้ครับ ต้องขออภัยมาในที่นี้ด้วย ที่อาจจะไม่ได้ระบุชื่อเมนูในแต่ละจานครับ


ซุปมิโสะ

ขิงดอง

ซาซิมิ Platinum






ปลาหมึก

กิมจิ

เริ่มลงมือย่างกันครับ

ยำผักรวม

ซูชิกุ้งยูซุ และแซลมอนยูซุ





สลัดปลาเงิน

Sushi

ซูชิกุ้งแม่น้ำ

สั่งเพิ่มครับ


เยลลี่ และพานาคอตต้า


ถั่วแระญี่ปุ่น


                        สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะครับ เริ่มจากของปิ้งย่างที่เป็นเจตนาเริ่มต้นในการหาร้านอาหารทานกันในวันนี้ รู้สึกว่ายังไม่สุดครับ อาจจะเพราะเราสองคนไม่มีความถนัดในการปิ้งย่างอาหารกันเอง ทำให้รู้สึกว่าหมูค่อนข้างเหนียวครับ รสชาติปกติทานได้ครับ แต่กลับมาชอบในอาหารที่พร้อมทานแล้วมากกว่า หลังจากปิ้งย่างเซ็ทแรกที่สั่งจนหมด เราจึงทำการแจ้งน้องพนักงานให้ทำการปิดเตา แล้วยกเตาออกเลยครับ

                        กิมจิและยำผักรวมของทางร้าน รสชาติปกติดีครับ ช่วยแก้เลี่ยนในการทานของปิ้งย่างได้ดี เครื่องเคียงขิงดองรสชาติอร่อยมากครับ วาซาบิมาแบบสีสันเหมือนจะไม่ค่อยจัดจ้าน แต่รสชาตินี่ดีงามเลยครับ แฟนชอบมาก วาซาบิคุณภาพดีครับ

                       ในส่วนของความสดของเนื้อปลาดิบ มาในคุณภาพที่ดีครับ โดยเฉพาะที่นี่มีซาซิมิกุ้งหวานด้วย ความสด หวาน ละลายในปากมาแบบเต็มๆครับ เมนูลนไฟ ก็ทำออกมาได้ดีงาม ซูชิหน้าต่างๆ ก็ไม่ได้เน้นอัดปริมาณข้าวให้ลูกค้าแต่อย่างใด มาในแบบกำลังพอดี ข้าวไม่น้อยเกิน จนทำให้เลี่ยนกับเนื้อปลา และก็ไม่ได้เยอะจนกินแล้วจุก แต่เมนูที่ต้องขอใช้คำว่า Recommend เลยว่า ถ้าไม่ได้สั่ง เรียกว่าพลาดมาก นั่นก็คือ เมนูซูชิกุ้งหวานยูซุครับ ทานแล้วรู้สึกได้เลยว่า สดชื่นมากๆ สำหรับฟัวกราส์ที่นี่ก็ให้มาเป็นชิ้นเป็นอันครับ ไม่ได้มาแบบเศษๆ ทานแล้วละลายในปากกำลังดี สำหรับฟัวกราส์ถ้ามาแบบชิ้นหนาเกินพอดี ทานไปก็จะทำให้เลี่ยนได้ไวมากเช่นกันครับ

                    สลัดปลาเงินโดยความเห็นส่วนตัวของแฟนนะครับ น้ำสลัดน้อยไปสักหน่อย อาจจะต้องขอน้องพนักงานมาเติมสักนิด ทางร้านให้ปลาเงินทอดมาแบบจุใจครับ มากันเต็มๆ เมนูของหวานยังไม่มีรายการไหนที่โดนใจเป็นพิเศษ

                         สรุปโดยรวมแล้ว ชอบในรสชาติอาหารของ Sushi&Sashimi มากกว่า Yakiniku ครับ ถ้าถามถึงความคุ้มค่า เมื่อเทียบคุณภาพอาหาร ปริมาณอาหาร และราคาค่าเสียหายที่ต้องจ่ายแล้ว ขอบอกว่าคุ้มค่าครับ มีโอกาสหน้าก็จะกลับมาทานอีกครั้งครับ และรอบหน้าคงไม่เปิดเตาครับ เพื่อจะได้เพิ่มพื้นที่ในการวางจานอาหารบนโต๊ะให้มากขึ้น 

                             แต่มีสิ่่งเดียวที่อยากให้เพิ่มเติมครับ ขอตะเกียบใหม่ได้ไหม ตะเกียบสแตนเลส ค่อนข้างคีบยากมากๆเลยครับ มันลื่น ทำให้ต้องเกร็งมือมากขึ้นในการคีบ เราก็ลืมถามน้องพนักงานว่ามีช้อนส้อมไหม ไว้รอบหน้าครับจะต้องไม่พลาดของอุปกรณ์ในการทานให้ง่ายขึ้น


บิลค่าเสียหาย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม