วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2562

มินิรีวิว Momo Paradise เซ็นทรัลพระราม 9

                ด้วยขับรถผ่านทางขึ้นห้างเซ็นทรัลพระราม 9 แล้วเห็นป้ายโฆษณาร้าน Momo Paradise ซึ่งปกติเราไปทานแต่ที่สาขาซีคอนสแคว์กับเซ็นทรัลบางนา และท่านแม่ไม่เคยทานที่ร้านนี้เลย เพราะเป็นร้านที่มีเนื้อสัตว์เพียงหมูกับเนื้อวัว ไม่หลากหลาย แต่ท่านแม่ก็อยากลองทานสักครั้ง เราจึงตั้งใจจะไปทานกันในวันที่ 17 เมษายน เมื่อมาถึงหน้าร้าน ก็พบกับป้ายแจ้งรายการขนมหมด และป้ายแจ้งประกาศปิดปรับปรุงในวันรุ่งขึ้น


บรรยากาศหน้าร้าน

ป้ายแจ้งรายการขนมที่หมด

ใบแจ้งประกาศปิดปรับปรุง

                  ด้วยความที่ตั้งใจจะมาทานกันแล้ว ถึงรายการขนมที่ชอบจะหมด พวกเราก็ไม่เปลี่ยนใจกันครับ จึงเดินเข้าไปหาที่นั่งภายในตัวร้าน บรรยากาศภายในร้านด้านหลัง จะเห็นกองกล่องกระดาษ พนักงานน่าจะเริ่มเตรียมตัวทะยอยเก็บของสำหรับการปิดร้านในวันพรุ่งนี้ อากาศภายในร้านค่อนข้างร้อนกว่าด้านนอกพอควรครับ เก้าอี้ที่นั่งไม่ค่อยสบายสักเท่าไร สมควรกับการปิดปรับปรุงจริงๆครับ








                     สำหรับสาขาเซ็นทรัลพระราม 9 มีให้เลือกทานในราคาเดียว 560 บาท สามารถเลือกน้ำซุปได้ 2 อย่าง ทานขนม  ไอศครีมและเครื่องดื่ม ได้ทุกรายการครับ ระหว่างรอเตาและเนื้อสัตว์มาเสิรฟ์ที่โต๊ะ เราก็ไปเดินตักผัก และเครื่องดื่มกันก่อนครับ






                        ผักสดมีให้เลือกตักหลายรายการ รวมถึงมีสลัดผัก พร้อมน้ำสลัดให้เลือก 2 แบบครับ ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีค่อนข้างหลากหลาย มีตู้กดกาแฟไว้ให้บริการด้วย เมื่อกลับมาที่โต๊ะ น้องพนักงานก็นำเนื้อสัตว์มาเสริฟ์พอดีครับ


คุโรบูตะส่วนท้อง

คุโรบูตะ สันคอ

เนื้อเป็ด

น้ำซุปสุกี้และซุปชาบู

                      สำหรับคนไม่ทานเนื้อวัวแบบพวกเรา ที่สั่งทานได้จะเป็นเนื้อหมูคุโรบูตะส่วนท้อง ส่วนสันคอ เนื้อเป็ด และไก่ไม้ไผ่ครับ หมูคุโรบูตะเป็นของ CP ครับ รสชาติความสด อร่อยก็ตามเกณฑ์ปกติ เนื้อเป็ดไม่เหนียวนะครับ แต่ระวังถ้าลวกนานๆ อาจจะเริ่มเหนียวได้ครับ ส่วนไก่ไม้ไผ่ มาแบบไก่สับปรุงรส รสชาติอร่อยดีครับ ท่านแม่ชอบมาก ทานแล้วมีกรึบๆเอ็นเล็กน้อย

                        ในไลน์ผัก จะมีลูกชิ้นปลา หน้าตาคล้ายฮื่อก๊วย ตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยม วางไว้ให้บริการด้วยครับ สำหรับรสชาติ ท่านแม่ว่าใช้ได้ ส่วนแฟนชอบข้าวเปล่าและไข่ไก่ของทางร้านมากครับ นำมาทานคู่กับเนื้อหมูลวกแล้วเข้ากันสุดๆ

                      หลังจากทานน้ำซุปสุกี้กันสักพัก จะเริ่มรู้สึกเค็มๆในคอครับ ด้วยความเข้มข้นของน้ำซุปสุกี้ เราจึงเริ่มมองหาเมนูขนมหวานมาทาน เพื่อพักรสชาติเข้มข้นกันหน่อย










                          เราได้ลองสั่งมาทานกันครบทุกเมนู ที่มีเหลืออยู่ภายในร้านนะครับ แต่ถ่ายภาพมาไม่ครบครับ ที่ท่านแม่ชอบมากที่สุด จะเป็นไดฟุกุรสคัสตารด์และไอศครีมนมข้าวญี่ปุ่นครับ สำหรับเราชอบไอศครีมชาโคลครับ รสชาติแปลกๆดี ละม้ายคล้ายถั่วดำ แต่ก็ไม่ใช่ ไอศครีมแทบทุกรสชาติ ไม่หวานมากครับ ทานแล้วเพลินดี 

                               ส่วนไดฟุกุ เนื้อแป้ง เหนียวนุ่ม กำลังดี ส่วนไส้ด้านในก็แล้วแต่คนชอบเลยครับ ส่วนตัวเราชอบไส้ถั่วแดงมากกว่า เสียดายที่วันนี้หมดครับ สรุปความคุ้มค่านะครับ สำหรับราคาท่านละ 560 บาท เราว่าก็สมเหตุสมผลกับคุณภาพเนื้อหมูที่ได้รับครับ และมีส่วนลด 165 บาท สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปครับ การบริการในวันนี้ไม่ค่อยโอเคเลยครับ อาจจะเป็นเพราะใกล้ปิดปรับปรุงร้านแล้ว ทำให้มีอะไรต้องจัดการทำมากขึ้น และทางร้านจะทำการปิดปรับปรุงประมาณ 2 เดือนครับ

                               ในตอนแรกก็งงกับบิลค่าบริการเหมือนกันครับ ราคา 560 บาทรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว แต่ยังไม่รวม Service Charge 10% นะครับ ทำให้การลดราคาสำหรับผู้สูงอายุจะต้องถอดค่าภาษีก่อน แล้วจึงมาทำการลดราคา จากนั้นก็คิดค่า Service Charge อีกครั้งครับ


บิลค่าเสียหาย

เปลว ก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณ สูตรนครปฐม

                   ร้านเปลว เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่เคยไปทานเมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่ร้านยังอยู่ใกล้กับร้านราดหน้า ที่บ้านเราติดใจในรสชาติต้มยำที่เข้มข้น จัดจ้าน แต่ก็ไม่ได้ไปทานบ่อยๆ ด้วยไม่มีที่จอดรถ และคิวค่อนข้างยาวมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้ ร้านเปลวเพิ่งออกรายการทีวีช่องหนึ่ง แฟนอยากลองทานบ้าง ด้วยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คิดว่าน่าจะมีคิวน้อยเลยขับรถออกมาทานกันครับ เราจอดรถริมถนนบริเวณหน้าโรงเรียนจันทร์หุ่น จากนั้นจึงเดินย้อนมาที่ร้าน










                      หน้าร้านมีขายลูกชิ้นหมูปิ้ง ทั้งเนื้อหมูล้วนและเอ็นหมูในราคาไม้ละ 10 บาท เครื่องเคียงของทอดที่เคยมีหลายอย่าง ไปวันนี้มีเพียงเกี๊ยวทอด ถุงละ 20 บาท กับหมูแผ่นใส่ถุง อันนี้ไม่ได้ถามราคามาครับ ส่วนแฟนก็ไปทำหน้าที่หยิบบัตรคิว พร้อมเขียนรายการอาหารลงไป เพื่อรอทางร้านเรียกคิวครับ 




                         การสั่งอาหารของทางร้านก็ยังคงสไตล์เดิมครับ เขียนรายการอาหารที่ต้องการทั้งใส่ถุงหรือทานที่ร้านลงในบัตรคิว แล้วต้องจำเลขบนบัตรคิวให้ดี เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ถ้าทานที่ร้าน สามารถเดินเข้าไปหาโต๊ะว่าง เพื่อทำการนั่งรอได้เลยครับ ทางร้านจะทำการเรียกคิวตามหมายเลข และถามหาหมายเลขดังกล่าว เพื่อทำการยืนยันรายการอาหารก่อนจะทำการปรุง โดยจะใช้เวลาในการปรุงไม่เกิน 3 นาทีครับ

                         ก่อนเดินเข้าไปหาโต๊ะว่าง พวกเราก็แวะสั่งลูกชิ้นหมูปิ้ง และเกี๊ยวทอดมาทานระหว่างรอก๋วยเตี๋ยว ในส่วนของเกี๊ยวทอดและลูกชิ้นจะต้องจ่ายเงินแยกทันทีที่นำมาเสริฟ์ที่โต๊ะนะครับ











          
                     ภายในร้านมีโต๊ะวางไว้เรียงรายครับ เลือกนั่งกันได้ตามอัธยาศัย มีถังน้ำแข็ง แก้วน้ำ หลอด น้ำเปล่าในคูลเลอร์ไว้ให้บริการตัวเอง พร้อมน้ำกระเจี๊ยบบรรจุขวด ในราคาขวดละ 10 บาท ไว้ให้หยิบไปทานที่โต๊ะได้ครับ สักครู่เดียวของทานเล่นก็นำมาเสริฟ์ที่โต๊ะครับ










                      แฟนชอบรสชาติของลูกชิ้นเอ็นหมูปิ้ง เลยไปสั่งมาทานอีก 5 ไม้ ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยว ด้วยเราได้คิวที่ 84 แต่ตอนมาถึงเพิ่งจะเรียกคิวที่ 75 ในใจตอนแรกก็คิดว่าคงอีกนาน แต่ก็ไม่นานมากครับ ประมาณ 10 นาทีก็เรียกคิวเราแล้ว หลังยืนยันรายการอาหารและโต๊ะที่นั่งอยู่ ทางร้านก็ยกก๋วยเตี๋ยวมาให้ครับ

                     
บะหมี่แห้งโฟยำ

บะหมี่แห้งโฟยำ คลุกแล้วก็ยังเห็นน้ำด้านล่าง

เส้นเล็กโฟยำ

น้ำซุปสำหรับบะหมี่แห้ง

เกาเหลาต้มยำ ใส่ไข่ต้ม


                  สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเรากับแฟนนะครับ ขอเริ่มจากเครื่องเคียง เกี๊ยวทอดรสชาติโอเคดีครับ กรอบอร่อย มีไส้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ทานเพลินดี ส่วนลูกชิ้นหมูปิ้ง ชอบเอ็นหมูมากกว่าครับ ถึงแม้จะราคาแอบแรงไปสักหน่อย ไม้ละ 10 บาท ได้เพียง 3 ลูก ทานคู่กับน้ำจิ้ม หรือจะทานเปล่าๆเลยก็อร่อยครับ

                         บะหมี่โฟแห้งยำ ตอนแรกที่พนักงานยกมา เราก็งงๆครับ ว่านี่แห้งหรือเปล่า เพราะมีน้ำยำราดมาค่อนข้างมาก คล้ายจะเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำได้เลย หลังจากคลุกๆแล้ว ก็ยังคงมีน้ำมาก เกินคำว่าขลุกขลิก รสชาติต้มยำเปรี้ยวนำโดดเลยครับ เช่นเดียวกับเส้นเล็กโฟยำของแฟน รสชาติก็เปรี้ยวนำ เส้นบะหมี่และเส้นเล็ก ลวกมานิ่ม เหนียว กำลังดี ใส่ถั่วคั่วมาให้ถึงใจ แต่รสชาติโดยรวมแล้วไม่ค่อยโดนครับ

                    เกาเหลาต้มยำ ใส่ไข่ต้ม รสชาติต้มยำธรรมดาดีกว่าเย็นตาโฟครับ เพราะไม่เปรี้ยวโดด รสชาติโอเค กลมกล่อม เนื้อหมูเด้งอร่อยดีครับ เหนียว หนึบ ชิ้นใหญ่ ส่วนที่แฟนติดใจมาก เป็นน้ำซุปฟรีสำหรับก๋วยเตี๋ยวแห้งครับ ด้วยน้ำซุปหอม หวานกำลังดี และมีกระดูกหมูชิ้นใหญ่แถมมาให้ด้วย และน้ำกระเจี๊ยบรสชาติเข้มข้น เปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย อร่อยครับ

                       สรุปค่าเสียหายไม่รวมเครื่องเคียงคือ 160 บาท เมื่อเทียบกับปริมาณและคุณภาพที่ได้รับ ถือว่าไม่แพงครับ แต่ส่วนตัวเราสองคน รู้สึกเหมือนกันว่า ชอบรสชาติต้มยำของทางร้าน อาดัง มากกว่าครับ ท่านใดมีโอกาสผ่านมาแถวห้วยขวางอย่าลืมลองแวะมาทานนะครับ 

กู๊ดวิว อยุธยา

                   ด้วยช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่บ้าน ออกเดินทางไปไหว้พระที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีมิสเตอร์ทีเป็นผู้นำทริปนี้ ผูุ้ร่วมทริปมีทั้งหมด 10 คน ใช้รถ 2 คัน และพวกเราเริ่มออกเดินทางในเวลาเที่ยง หลังจากสักการะวัดพุทไธศวรรย์ และอนุสาวรีย์พระนเรศวร ก็เป็นเวลาประมาณเกือบบ่ายสองโมง ด้วยความหิว และไม่ต้องการที่จะไปติดกับขบวนเล่นน้ำภายในตัวจังหวัด ทำให้เราต้องหาร้านอาหารทาน โดยเน้นที่เส้นรอบนอกแถวบริเวณวัด 

                 มิสเตอร์ทีแนะนำให้ไปทานที่ร้าน กู๊ดวิว ด้วยพวกเราขับผ่านตอนไปยังวัดพุทไธศวรรย์ น่าที่จะเดินทางไปสะดวก การจราจรไม่หนาแน่น ก่อนที่จะเดินทางไป เราทำการโทรเช็คก่อนว่า เปิดให้บริการหรือเปล่า เมื่อได้รับคำตอบว่า วันนี้เปิดให้บริการ ก็ว่าจะทำการจองโต๊ะ แต่ทางพนักงานไม่รับจองครับ ให้ไปที่หน้าร้านได้เลย

               ระหว่างการเดินทางไปยังร้าน ก็ทำการเปิดดูรีวิว เพื่อจะหาเมนูแนะนำจากตามเว็ปต่างๆ แต่เราก็กลับพบกับคำเตือนจากการรีวิวของหลายท่าน ที่กล่าวว่าที่นี่บริการไม่ค่อยดี และอาหารไม่ค่อยอร่อยสักเท่าไร แต่ด้วยความหิว ทำให้พวกเราตัดสินใจลองทานกันดูล่ะกัน

            
ป้ายทางเข้า

เมนูแนะนำ

โซนนั่งทานด้านนอก

โซนนั่งทานด้านใน

ตู้ไอศครีม

โต๊ะของพวกเราด้านใน

                    ด้วยอากาศที่ค่อนข้างร้อนถึงร้อนมาก พวกเราจึงตัดสินใจที่จะนั่งทานกันด้านในดีกว่าไปนั่งตากแดดริมน้ำ จากนั้นน้องพนักงานก็นำเมนูมาให้เราทำการเลือกสั่งอาหาร หลังจากนำอุปกรณ์การทานมาส่งให้ ตามด้วยเครื่องดื่ม จากนั้นไม่นานรายการอาหารเริ่มทะยอยออกมาเสริฟ์ครับ







     
ยำปลาดุกฟู

ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน

ข้าวผัดปู

พริกน้ำปลา

ปลาช่อนลุยสวน

แกงคั่วหอยขม

ห่อหมกมะพร้าวอ่อน

เอ็นหอยผัดฉ่า

ด้านในของห่อหมก

ยำถั่วพลู

ขาหมูเยอรมัน

ปลาหมึกย่าง

น้ำจิ้มซีฟู้ด

ผักสด

เฉาก๊วย ผึ้งน้อย

เฉาก๊วยนมสด

เค้กไอศครีม

มอคค่าเค้ก

สตอเบอรี่เค้ก
                      สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของครอบครัวเรานะครับ ขอเริ่มจากยำปลาดุกฟู รสชาติปกติครับ น้ำยำทำออกมารสชาติเปรี้ยวนำ ตามด้วยฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน พริกแกงที่ราดค่อนข้างเผ็ดน้อยถึงน้อยมาก เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเครื่องแกงเข้มข้น กะทินำเครื่องแกง ปลาเนื้ออ่อนมาแบบตัวใหญ่ ความสดใช้ได้ครับ แต่ถ้าเทียบกับราคาจานละ 450 บาท ค่อนข้างแอบแพงไปนิดนึงครับ

                     ข้าวผัดปูจานใหญ่ ถ่ายรูปไม่ทันตอนมาทีแรก แต่หาเนื้อปูไม่ค่อยเจอครับ ออกแนวข้าวผัดไข่มากกว่า รสชาติปกติ ผัดข้าวออกมาร่วนใช้ได้ โดยรวมพอทานได้ 

                     ปลาช่อนลุยสวนและยำถั่วพลู เมนูนี้รสชาติน้ำยำ ทำออกมาได้ดีมากครับ รสชาติครบรส อร่อยกลมกล่อม เนื้อปลาก็มีความสดหวาน ทอดออกมากำลังดี ส่วนถั่วพลูกรอบอร่อยครับ

                      แกงคั่วหอยขม รสชาติแกงไม่จัดเช่นเดียวกับฉู่ฉี่ หอยขมค่อนข้างเหนียวไปสักหน่อย โดยรวมทานได้ครับ

                       ห่อหมกมะพร้าวอ่อน ด้านในค่อนข้างมีน้ำจำนวนมาก ทำให้รสชาติเครื่องแกงจางลงไปพอควร เครื่องด้านในมีกุ้ง ปลาหมึก เนื้อมะพร้าวอร่อยดีครับ ส่วนรสชาติโดยรวมปกติ ทานได้

                      เอ็นหอยผัดฉ่า เมนูนี้มองตอนแรกนึกว่าหอยเชลส์ แต่ความเหนียว หนึบ ทำให้ชัดเจนว่าคือ เอ็นหอย รสชาติผัดฉ่าไม่ค่อยจัดจ้านครับ โดยรวมปกติ ทานได้

                      ขาหมูทอด เมนูนี้ค่อนข้างผิดหวังครับ ทอดออกมาค่อนข้างแข็ง หนังก็เหนียว และที่ร้านไม่มีน้ำจิ้มซีอิ๊วดำให้ครับ ทำให้ขาดความอร่อยเข้าไปอีก

                    ตามด้วยของหวานครับ เฉาก๊วย ผึ้งน้อย จะเป็นแบบในน้ำเชื่อม เป็นเฉาก๊วยผึ้งน้อยของแท้ สังเกตได้จากเนื้อเฉาก๊วยที่เป็นรูปหกเหลียม และเฉาก๊วยนมสด ตอนแรกนึกว่าทางร้านจะเติมนมสดลงไปในเฉาก๊วยผึ้งน้อย แต่ความจริงคือ เป็นของอีกยี่ห้อนึงครับ เนื้อเฉาก๊วย ก็หนึบพอใช้ได้ แต่ติดตรงที่นมสดที่ใช้ เหมือนไม่ใช่นมสดเลยครับ เป็นเหมือนครีมเทียมมากกว่า

                    เค็กไอศครีม เป็นของหวานที่เห็นป้ายตั้งแต่หน้าร้าน ทำให้อยากลองทานค่อนข้างมาก แต่ทางร้านมีจำหน่ายเพียงบางรสชาตินะครับ ไม่ได้มีครบตามเมนู ที่ได้ลองทานในวันนี้คือ มอคค่าและสตอเบอรี่ การจำหน่าย น้องพนักงานก็จะนำเค้กออกมาจากตู้ไอศครีม แล้วตัดแบ่งตามชิ้นให้กับลูกค้าครับ รสชาติมอคค่า โอเคทานได้ครับ ส่วนสตอเบอรี่ ออกแนวเหมือนเป็นการแต่งกลิ่นสตอเบอรี่มากกว่า 

                 สรุปนะครับ เมื่อเทียบราคากับคุณภาพและปริมาณอาหารที่ได้รับ ให้ความรู้สึกว่าค่อนข้างแพงครับ สำหรับการบริการ ที่หลายๆท่านแจ้งว่าสื่อสารกับน้องพนักงานไม่ค่อยรู้เรื่อง อันนี้เป็นความจริงครับ ด้วยน้องพนักงานส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานต่างด้าว ทำให้หลายๆครั้งเค้าไม่เข้าใจที่เราถาม และเราเองก็ฟังคำตอบไม่รู้เรื่องครับ ถ้าถามว่าร้านนี้มีอะไรที่ถูกใจหรือเปล่า ขอตอบว่า ถูกใจเก้าอี้ที่นั่งครับ ด้วยเป็นเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ แข็งแรง นั่งสบาย ถึงจะไม่่มีที่พิงครับ และสำหรับเมนูกุ้งเผา เราก็ทำการสอบถามครับ น้องพนักงานก็บอกจำนวนตัวกุ้งต่อกิโลพร้อมราคาให้เราทราบนะครับ แต่พอดีไม่ม่ีใครอยากทานก็เลยไม่ได้สั่งกันครับ ส่วนการใช้บริการครั้งต่อไป สำหรับเราคงขอผ่านครับ ด้วยเมนูอาหารหลายๆอย่างรสชาติไม่ถูกใจ แต่ความอร่อยของแต่ละท่านก็ไม่เท่ากันครับ


บิลค่าเสียหาย

บทความที่ได้รับความนิยม