ทุกครั้งที่มาทำธุระ หรือผ่านมาที่จังหวัดนครปฐมในช่วงเช้าถึงกลางวัน เรามักจะมาแวะทานอาหารกันที่ร้านปฐมโภชนา ซึ่งตอนนี้มีมากมายหลายสาขา แต่สาขาประจำที่แวะกันทุกครั้งจะเป็นสาขาที่ตั้งอยู่ตรงตึกแถว ตรงแยกมหาวิทยาลัย ศิลปากร วันนี้เรามาถึงในเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ ในร้านก็ยังมีลูกค้าประปราย มองเข้าไปภายในร้าน เห็นมีแมลงวันค่อนข้างหนาตา บินกันว่อนแทบทุกโต๊ะ เลยตัดสินใจเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้กับพัดลมมากที่สุด อย่างน้อยพัดลมน่าจะพัดให้แมลงวันบินหายไปได้บ้าง
เมื่อก่อนมาร้านปฐมโภชนาจะไม่พลาดที่จะสั่งก๋วยเตี๋ยวทานกัน ด้วยความที่พวกเราไม่ทานเนื้อกัน ทำให้เลี่ยงมาสั่งทานข้าวกันแทน เมนูประจำก็จะเป็นข้าวรวมมิตร แต่เนื่องจากตอนไปถึงเป็ดหมดจ้า ทำให้เราต้องกินข้าวรวมมิตรแบบไม่มีเป็ดกันแทน ราคาจากจานละ 70 บาท จึงมาเหลือที่จานละ 60 บาทครับ
หมูกรอบทางร้านปฐมโภชนา รสชาติอร่อยดีเลยนะครับ กรอบ ไม่เหนียว มีเนื้อให้สัมผัสได้แบบเต็มๆ ไม่ได้มีแต่มัน และเราสามารถบอกทางร้านได้ด้วยว่า ต้องการมันน้อย มันมาก ทางร้านจัดให้ได้ครับ ทำให้เราสั่งหมูกรอบสับ มาอีกจาน แต่ไม่ได้ถ่ายภาพมา เนื่องจากโดนน้องพนักงานเสริฟ์ที่เอาหมูกรอบมาส่ง ราดด้วยน้ำจิ้มครับ เลอะตั้งแต่แขน ยันเสื้อและกางเกง เรียกว่า สัมผัสรสชาติอย่างถึงเนื้อถึงตัว คือ ทางน้องพนักงานกล่าวขอโทษไหม อันนี้ต้องขอบอกว่า ไม่ได้ยินครับ น้องเค้าอาจจะขอโทษเบามากๆ แล้วตัวกระผมหูไม่ดีเอง เลยไม่ได้ยิน แต่ที่แน่ๆ ต้องขอตัวลุกไปล้างในห้องน้ำ ตอนกลับมา แฟนบอกว่า น้องเค้าเอาผ้าเช็ดโต๊ะชุบน้ำมาให้เราเช็ดตัว เสื้อผ้า คือ เอ่อ ... ขอเป็นทิชชู่ชุบน้ำ หรืออะไรยังจะรู้สึกดีกว่า เอาผ้าเช็ดโต๊ะชุบน้ำมาให้นะครับ
หลังจากทานเสร็จพร้อมมีกลิ่นซีอิ๊วติดตัวไปสักพัก เราก็ไปถึงจุดหมายวัดไร่แตงทอง หลังสักการะหลวงปู่หลิว ถวายสังฆทานพระสงฆ์ เป็นที่เรียบร้อยเราก็เดินทางกลับกันครับ ขากลับก็เป็นเวลาประมาณเกือบ 4 โมงเย็น ทำให้เปิดรายการทีวีต่างๆ หาร้านอาหารเย็นทานกันที่นครปฐม แล้วก็มาสะดุดตากับร้านก๋วยเตี๋ยวไอน้ำ ร้านนี้เคยดูในหลายรายการ เป็นร้านขายปากหม้อน้ำ เหมือนๆกับทางเส้นแปดริ้ว และเส้นพนมสารคาม จึงตัดสินใจแวะไปทานกันก่อนกลับครับ
เมื่อเปิดดูเส้นทางใน google map ก็พบว่า เป็นเส้นทางขากลับเข้ากทม. พอดีด้วย และที่สำคัญอยู่ใกล้ๆกับร้านปฐมโภชนาเมื่อกลางวันที่มาทานกันเลยทีเดียว ร้านอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยศิลปากรพอสมควร ทางร้านมีที่จอดรถไว้ให้บริการพร้อม
ภายในร้านมีที่ให้เลือกนั่งหลายแบบครับ มีทั้งแบบโต๊ะธรรมดา โต๊ะหิน และโต๊ะแบบญี่ปุ่น เนื่องจากเรามีผู้สูงอายุมาด้วย จึงเลือกแบบม้าหิน จะได้นั่งสบาย ลุก-นั่งสะดวก สำหรับเมนู อันนี้เตรียมเป็นการบ้านมาระหว่างการเดินทางครับ ทำให้ทราบว่า เราสามารถเลือกไส้ตัวปากหม้อ และเลือกน้ำซุปได้ตามใจชอบเลย
หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ก็ถึงเวลาสั่งเครื่องดื่ม ตั้งแต่เข้ามาภายในร้านก็เห็นมีป้ายน้ำมะพร้าวปั่น ทำให้สนใจครับ แต่ปรากฏว่าไม่มี เลยเปลี่ยนเป็นสั่งน้ำมะนาวปั่นกันทุกคน เพื่อดับอากาศที่กำลังร้อนอบอ้าว ใช้เวลาสักพัก เครื่องดื่มก็เริ่มทะยอยมาส่งครับ
|
น้ำมะนาวปั่น |
น้ำมะนาวปั่นมาส่งทีละ 2 แก้ว คาดว่าน่าจะปั่นได้ทีละ 2 แก้วครับ เพราะรสชาติเหมือนกันทีละ 2 แก้ว ชุดแรก ออกมาเค็มหนักมือมากครับ ชุดสองโอเคหน่อย เค็มน้อยลง จากนั้นก็ตามด้วยอาหารเริ่มทะยอยมาเสริฟ์ครับ
|
รวมทุกไส้เว้นไม่เอาหน่อไม้ |
|
ไส้กุ๋ยช่ายล้วน |
|
ไส้หมูสับ กับใบกุ๋ยช่าย |
|
น้ำซุปใส ลูกชิ้นล้วน |
|
ซุปต้มยำ |
|
ซุปต้มยำ หมูเด้งอย่างเดียว |
|
แคปหมู |
|
ก๋วยเตี๋ยวแห้งทอด ตำตำ |
|
เอาเส้นจุ่มลงไปในน้ำซุป |
|
เต้าหู้ทอด |
|
ไส้หมูสับกับกุ๋ยช่าย |
สรุปรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวนะครับ ตัวน้ำซุปใส รสชาติกลมกล่อมกำลังดี สำหรับซุปต้มยำ รู้สึกว่ายังไม่ถึงครับ สำหรับตัวแป้งปากหม้อ ค่อนข้างหนาครับ และไส้ก็ได้ค่อนข้างน้อย แต่เมื่อเทียบกับราคาแล้ว ก็สมเหตุผลครับ เพราะแป้งสั่งเพิ่มเพียงจานละ 10 บาทนะครับ และก๋วยเตี๋ยวก็ราคาชุดละ 45-50 บาท เป็นราคาที่ไม่แพงครับ เน้นอิ่มก็สั่งแป้งเพิ่มได้เรื่อยๆ
ก๋วยเตี๋ยวแห้งทอด ตำตำ อันนี้รสชาติน้ำยำ ที่ราดมาอร่อยดีครับ กลมกล่อม เสียดายตอนสั่งลืมถามน้องพนักงานว่า เลือกไส้ที่จะเอาไปทอดได้หรือเปล่า เราได้ใส้กะหล่ำปลี กับถั่วงอก ซึ่งเป็นไส้ที่ไม่ค่อยชอบสักเท่าไร จานสุดท้าย เต้าหู้ทอด อันนี้รสชาติอร่อยดีมากๆ ทอดมาได้กรอบนอกนุ่มใน ได้สัมผัสด้านในถึงเนื้อเต้าหู้เต็มๆ ทานเปล่าๆ หรือจะจิ้มกับน้ำจิ้มก็รสชาติดีครับ ถ้ามีโอกาสผ่านมาเส้นนครปฐมแนะนำให้มาลองทานร้านก๋วยเตี๋ยวไอน้ำกันครับ แต่สำหรับความรู้สึกส่วนตัว ร้านปากหม้อน้ำที่พนมสารคาม ยังคงอร่อยกว่าครับ แต่ราคาก็แพงกว่าที่นี่พอสมควร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น