ในช่วงเวลาเย็นๆเกือบทุ่ม ถนนศรีนครินทร์ค่อนข้างมีรถปริมาณมาก ทำให้เราตัดสินใจที่จะหามื้อเย็นทานกันก่อนที่จะกลับไปที่พักที่รัชดา ด้วยความรู้สึกอยากทานบุฟเฟ่ต์สักร้าน เลยเลือกที่จะไปหาร้านทานกันที่ JAS Urban บนถนนศรีนครินทร์ หลังจากหาที่จอดรถเป็นที่เรียบร้อย ก็ไปทำการสำรวจเลือกหาร้านอาหารที่จะทานกันในวันนี้
ร้าน Gin Zaab ชาบู ก็เคยทานแล้วหลายครั้ง ไหนๆก็ไม่ค่อยหิวมากเท่าไร และอยู่ในช่วงควบคุมอาหาร เลยปรึกษากันว่า เราลองทานร้านใหม่ๆล่ะกัน ไว้เป็นทางเลือกในอนาคตด้วย เดินขึ้นมาที่ชั้น 2 ก็เจอร้านที่น่าสนใจอยู่ 2 ร้าน คือ ร้าน Gojira yakiniku ร้านปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์ ด้วยพวกเราไม่ทานเนื้อกันอยู่แล้ว ทำให้ราคาต่อท่านอยู่ที่ 398 บาท (Net แล้ว ไม่มีต้องเพิ่มค่าอะไรอีก) มีเนื้อหมูหลายอย่างให้เลือกทาน และมีกุ้งแม่น้ำ มี ซุป มีของหวานด้วย พร้อมเครื่องดื่ม กับอีกร้านคือ Sloth Sukiyaki ราคาต่อท่านที่ 390 บาท (Net แล้วไม่มีต้องเพิ่มค่าอะไรอีกเช่นกัน) สำหรับชุดธรรมดา ก็จะมีหมู 3 อย่าง สันคอ สันนอก และเบคอน จากนั้นก็บรรดาผัก และมีเครื่องดื่มพร้อม แต่ไม่มีขนมหวานในชุดธรรมดานะครับ
หลังจากตัดสินใจกันด้วยการ เป่า ยิ้ง ฉุบ ผลที่ออกก็คือ ทานกันที่ร้าน Sloth Sukiyaki ที่หน้าร้านจะมีป้ายสำหรับผู้ที่ใช้มือถือค่าย Dtac นะครับ สามารถใช้เป็นส่วนลดได้ 5% สำหรับค่าอาหารและเครื่องดื่ม โดยไม่สามารถใช้กับการทาน Premium Set นะครับ เมื่อเดินเข้าไปภายในร้านแล้ว แจ้งจำนวนลูกค้ากับทางน้องพนักงาน เราก็เลือกที่นั่งได้ตามอัธยาศัยนะครับ โต๊ะสำหรับทานอาหาร ค่อนข้างกว้าง นั่งสบาย มีหมอนอิงให้รองด้านหลัง เพื่อความสะดวกในการคีบทานอาหาร ไม่ต้องเมื่อย นั่งตัวตรงเอื้อมมือคีบตักอาหารครับ
|
บรรยากาศหน้าร้าน |
|
โปรโมชั่น สำหรับวันนี้ |
หลังจากนั่งเป็นที่เรียบร้อย น้องพนักงานจะถามว่า เราจะทานแบบไหน เมื่อเลือก Set ราคาที่ต้องการแล้ว จากนั้นจะเป็นการเลือกว่า จะทานแบบ ชาบู หรือ สุกี้ยากี้ ด้วยความเคยชิน เราจึงเลือกแบบเป็นชาบู โดยสามารถเลือกน้ำซุปทานได้ 2 แบบนะครับ เราก็เลือกเป็นแบบซุปคอมบุ (ใส) กับ ซุปปลาโอ (ดำ)
ระหว่างรอหม้อและอาหารที่นำมาเสริฟ์ เราก็มาทำการสำรวจของบนโต๊ะกันครับ บนโต๊ะก็มีทิชชู่กล่อง มีพริก กระเทียม ชุดอุปกรณ์การทานอาหาร พวกจาน ชาม ตะเกียบ ช้อน กระดาษรองข้างใต้ จะมีการแนะนำวิธีในการทานสุกี้ยากี้ครับ ว่าควรวางเรียงเนื้อสัตว์ กับผักยังไง วิธีการเลือกใช้ไฟ และการทำสุกี้ยากี้หมู
|
เครื่องปรุง มีเป็นพริก กับ กระเทียมครับ |
|
ป้ายเตือนการปรับอาหาร |
|
อุปกรณ์การทานอาหาร |
ผ่านไปประมาณ 3-4 นาที เครื่องดื่มก็นำมาเสริฟ์ครับ เนื่องด้วยที่นี่ใช้เป็นแก้วพลาสติก และทางร้านแจ้งไว้บนประกาศหน้าร้านครับ ว่าเราสามารถนำแก้วเครื่องดื่มกลับออกไปทานที่บ้านได้เลยนะครับ น้ำในเมนูก็จะมีให้เลือกระหว่าง น้ำอัดลม ชาลิปตัน และชาเขียวครับ สำหรับน้ำเปล่า อันนี้คิดค่าบริการนะครับ จากนั้นก็จะเป็นหม้อน้ำซุป น้ำจิ้ม และไข่ไก่เริ่มทะยอยมาครับ
|
ชาเขียวเย็น |
|
หม้อชาบู |
|
ไข่ไก่สด |
|
น้ำจิ้มพอนซึ กับน้ำจิ้มงา |
หลังจากนั้นไม่นาน อาหารก็เริ่มนำทะยอยนำออกมาเสริฟ์ครับ
|
ต้นหอม ผักชี |
|
วากาเมะ |
|
เบคอนและสันคอหมู |
|
เบคอน |
|
ยำสาหร่าย |
|
หมู/กุ้ง เด้ง |
|
ผัก 3 อย่าง |
|
ฟักทอง เห็ดหอม ข้าวโพด และเส้นบุก |
|
กะหล่ำปลีซอย |
|
เห็ดออรินจิ |
|
สันคอหมู |
|
น้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มสุกี้ |
|
กิมจิ |
|
น้ำชาลิปตัน |
ทันทีที่ของสดนำออกมาวางบนโต๊ะ อย่างแรกที่เราเริ่มสงสัยก็คือ ผัก 3 อย่าง ดูยังไงมันก็คือ ผัก 2 อย่าง จริงๆควรจะเป็นกิมจิ แทนผักเขียวๆสักช่องนึงไหม จึงถามน้องพนักงานว่า กิมจิหมดเหรอ น้องพนักงานบอกว่ามีค่ะ เราก็เลยบอกว่า งั้นทำไมผัก 3 อย่างของเราหน้าตาไม่เหมือนในเมนูเลย มีผักเขียวๆ เบิ้ลมา 2 ช่อง น้องพนักงานจึงนำกิมจิมาให้เราใหม่ 1 ถ้วย
ต่อมาครับ ปัญหาใหญ่ของทานการเนื้อหมูระดับ 8 นั่นก็คือ หมูสันคอ เรามองส่องยังไง มันก็คือ หมูสันนอกหรือเปล่า ถามน้องพนักงานอีกรอบ น้องพนักงานก็ยืนยันบอกว่า หมูสันคอค่ะ เอาวะ คนขายบอกว่า สันคอ ก็เลยลองจุ่มลงในหม้อชาบู ทานดู ความรู้สึกชืดๆ ระดับนี้ หมูสันนอกนี่นา ที่ผ่านมาก็กินหมูสันคอมาเยอะนะ ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน รอบนี้ขอถามระดับเหมือนจะเป็นหัวหน้าพนักงานครับ (แยกจากชุดเครื่องแต่งกายที่แตกต่างจากพนักงานคนอื่น)
ทางน้องหัวหน้ารับเรื่องแล้วก็เดินหายเข้าไปทางครัวที่จัดเตรียมอาหาร พร้อมเดินกลับมาแจ้งว่า ถูกต้องแล้วค่ะ นี่คือหมูสันคอ แต่พอดี สันคอก้อนที่กำลังหั่นให้ลูกค้าเป็นก้อนที่ไม่มีมันเลยค่ะ เป็นเนื้อล้วนๆ ก็เลยได้เป็นแบบนี้ออกมา ถ้ามองเทียบกับรูปแล้ว ก็คนละเรื่องครับ หน้าตาก็เหมือนรูปหมูสันนอก รสชาติก็เหมือนหมูสันนอก แต่ในเมื่อทางร้านยืนยันอีก เราก็คงต้องทานตามนั้นล่ะครับ แล้วน้องหัวหน้าคนเดิม ก็เดินกลับมาใหม่พร้อมหมู 2 จาน
|
หมูคุโรบูตะ |
สิ่งที่น้องหัวหน้าพนักงานติดมือกลับมาคือ หมูสันคอคุโรบูตะ น้องแจ้งว่า อันนี้เป็นของ Set ที่ราคาแพงกว่าที่ทางลูกค้าเลือกทานนะคะ แต่ทางร้านนำออกมาให้ทาน จะด้วยเหตุผลประการใด อันนี้เราก็ขอขอบคุณน้องนะครับ ให้ความรู้สึกว่า เราได้กินหมูสันคอกันสักที หลังจากทานไปสักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่าชาบูไม่ค่อยตอบโจทย์เราสักเท่าไร เพราะทานได้แต่เบคอนกันล่ะทีนี้ เอ่ยปากสั่งหมูสันคอ ก็จะได้เป็นหมูสันคอที่ไม่มีมันเลย หน้าตาหมูสันนอก จะสั่งสันคอหมูคุโรบูตะ ก็เกรงใจทางร้าน เพราะต้องเอาในราคาที่แพงกว่ามาให้
จึงตัดสินใจเปลี่ยนแนวในการทานล่ะกัน ในเมื่อร้านอาหารก็ชื่อ sukiyaki หลังจากสอบถามทางพนักงาน ถึงราคาถ้าเราทำการเปลี่ยนหม้อ น้องพนักงานแจ้งว่า ค่าบริการเปลี่ยนน้ำซุป / หม้อ ราคา 50 บาท เป็นราคาที่ไม่แพงนะครับ สำหรับการเปลี่ยน และเราก็ได้หม้อสุกี้ยากี้มาใหม่แทน ราดด้วยน้ำมันพืช
|
ผัดด้วยเนย |
เมื่อกะทะสุกี้ยากี้เราพร้อมในการทานแล้วก็เริ่มสั่งอาหารมากันอีกรอบ โดยทานตามวิธีที่แนะนำในกระดาษที่วางรองจาน อยู่บนโต๊ะ จุ่มเนื้อหมูลงไปผัดด้านละไม่เกิน 5 วินาที ทำทั้งหมดภายใน 15 วินาที ทานตอนที่ยังมีเนื้อสีชมพูจางๆ จากนั้นนำเนื้อหมูมาจุ่มลงในไข่ไก่สด แล้วรับประทานทันที ความรู้สึกที่ได้รับ อืม...อร่อยแฮะ ถ้าน้ำซุปเริ่มจางลง ทางร้านก็มีกาน้ำซุปสุกี้ยากี้ให้เติม ถ้าน้ำเข้มข้นเกิน ออกเค็มไป ก็เติมน้ำเปล่าลงไปครับ ทานวนไปเรื่อย ขอเติมหัวหอมใหญ่กันได้เรื่อยๆนะครับ
ระหว่างทานอาหาร ทางน้องพนักงานก็จะนำบิลพร้อมใบแจ้งเวลาในการทาน ว่าเราสามารถทานได้ถึงกี่โมงมาให้นะครับ ระยะเวลาในการทานคือ 2 ชั่วโมงนะครับ
ขอสรุปรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวนะครับ สำหรับชาบูรสชาติธรรมดามาก ในราคา 390 บาท เรามีเนื้อสัตว์เพียงแค่ หมูสันคอ (ที่หน้าตาและรสชาติหมูสันนอก) หมูสันนอก เบคอน หมู/กุ้งเด้ง จากนั้นรายการอื่นๆ คือผักครับ เบคอนรสชาติทานได้ หั่นมาหนาบ้าง บางบ้าง แล้วแต่อารมณ์คนหั่นมั้งครับ บางจานที่เจอนี่หนาขนาดเกือบครึ่งเซนกันเลยทีเดียว กะหล่ำปลีฝอยจานแรกที่ได้จะเห็นว่า ผักนี่เหี่ยวมาเลยครับ อาจจะหั่นไว้นาน ไม่ค่อยมีคนสั่งหรือเปล่า จานต่อมาที่สั่งเริ่มที่จะสดขึ้นมาครับ เส้นบุกที่สั่งได้มาเป็นบุกรูปปลาหมึกครับ ถามน้องพนักงาน คำตอบที่ได้ก็คือ นี่ล่ะค่ะ เส้นบุก บุกเหมือนกัน ผลก็คือทางเราขอคืนจานนี้ครับ เพราะอยากทานเป็นเส้น ไม่ได้อยากทานเป็นรูปปลาหมึก สรุปไม่ประทับใจเมนูชาบูเลยครับ ที่อร่อยที่สุดในชาบู คงเป็นไข่ไก่สดครับ สดดี
ขอต่อที่ ผัก 3 อย่าง ติดใจจริงๆ คือ ผักออกมาเหี่ยวแห้งมาก และที่สำคัญคือเราได้ 2 อย่าง ไมไ่ด้ 3 อย่าง ทั้งๆที่กิมจิก็มี รสชาติกิมจิ แอบเครียดเล็กน้อยครับ สำหรับยำสาหร่าย รสชาติพอทานได้ และเมื่อหลังจากเรามาทานเมนูตามชื่อร้าน สุกี้ยากี้ อันนี้ดีขึ้นครับ รสชาติน้ำซุปอร่อยดี ทานแบบขลุกขลิก เอาเบคอนมาจุ่มผัด ทานกับไข่ไก่แล้ว ฟิน อร่อยมาก แต่เมนูนี้ทานปริมาณมากขึ้น จะเริ่มรู้สึกเค็มในคอขึ้นเรื่อยๆ เป็นธรรมดานะครับ เพราะฉะนั้นควรทานน้ำเยอะๆตามไปทีหลังด้วย ไม่อย่างนั้น ตื่นเช้ามา จะรู้สึกว่าคอแห้งผาก
เครื่องดื่ม น้ำชาเขียวที่นี่รสชาติค่อนข้างจางนะครับ ทำให้หลังจากแก้วแรกแล้ว เราเปลี่ยนเป็นชาลิปตันแทน ถึงแม้รสชาติจะออกหวานนิดนึง แต่ก็ดีกว่าชาเขียวครับ ตบท้ายด้วยสไปรท์แก้เลี่ยนจากรสชาติเค็มของสุกี้ยากี้
ถ้าหมูสันคอ เป็นสันคอที่รสชาติไม่ใช่หมูสันนอก มีของหวานให้ทานในเมนูบุฟเฟ่ต์เพื่อตัดรสความเค็มของน้ำสุกี้ยากี้ มีโอกาสคงจะกลับมาทานที่ร้านนี้อีกครั้งครับ ถ้าท่านเป็นคนชอบทานผักมากกว่าเนื้อสัตว์ ร้านนี้คงจะตอบโจทย์ได้ครับ เพราะเมนูผักมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ นับได้หลายรายการ สำหรับราคาเซ็ท 390 บาทครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น