เมื่อมีความอยากพาท่านแม่ไปทานบุฟเฟ่ต์ปูทะเลไม่อั้น เราจึงเริ่มทำการหาข้อมูล จากแรกเริ่มที่จะพาไปทานตามร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ด จนถึงตามโรงแรม แล้วก็มาพบกับแพคเกจบุฟเฟ่ต์อาหาร 3 มื้อพร้อมที่พักโฮมเสตย์ ภายในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีให้เลือกเป็นจำนวนมาก ทั้งบริเวณแหลมสิงห์ไปจนถึงขลุง นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มาแรงแซงทางโค้ง เพราะจะได้ไปพักผ่อน สัมผัสบรรยากศธรรมชาติและยังได้ทานอาหารบุฟเฟ่ต์ 3 มื้อ ในราคาประมาณ 1500-2200 บาท/ท่าน/คืน ตามแต่สถานที่พักนะครับ
หลังจากทำการสืบค้นข้อมูลโฮมสเตย์หลายที่ อ่านดูรีวิวหลายเว็ปไซด์ รวมถึงถามข้อมูลจากคนในพื้นที่ เนื่องด้วยเรามีข้อจำกัดที่ ผู้สูงอายท่านแม่ของเรา ไม่สะดวกในการลงเรือ ทำให้เราตัดที่พักที่จะต้องจอดรถไว้ที่ท่าเรือ แล้วทำการลงเรือต่อไปยังสถานที่พักออกไป
ข้อจำกัดต่อมา สถานที่พักต้องสะอาดและไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ สำหรับที่นอนขอเป็นมีเตียง เพราะถ้าเป็นฟูกวางบนพื้น จะลำบากมากในเวลาที่จะนั่ง-นอน และลุกขึ้นมา ต้องมีห้องน้ำในที่พักและต้องเป็นแบบโถนั่ง ถึงจะเป็นธรรมชาติ อากาศสำหรับบางท่านอาจจะเย็นสบาย แต่ด้วยผู้สูงอายุในทริปของเรา ขอเน้นว่า ต้องมีแอร์ และแอร์ต้องมีความเย็นด้วย ที่พักที่มีคนทำการคอมเม้นเรื่องดังกล่าวในเวปไซด์ เราก็ทำการตัดทิ้งออกไปอีกรอบ
มีที่พักหลายที่ มีจุดเด่นในเรื่องการให้บริการคาราโอเกะ ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีของคอร้องเพลง ที่ให้บริการยาวนานถึงเที่ยงคืน แต่สำหรับผู้สูงอายุในทริปของเรา ถือเป็นข้อต้องห้าม เพราะเป็นการรบกวนการนอน เราจึงตัดที่พักที่มีการให้บริการคาราโอเกะเกินสี่ทุ่มออกไป
มาถึงจุดๆนี้ เริ่มที่จะถอดใจ เพราะรู้สึกว่าทริปของเรามีข้อจำกัดไม่น้อย หลังจากการตัดรายชื่อที่พักออกไปเรื่อยๆ จากเริ่มที่มีรายชื่อหลายสิบที่พัก จนเหลือเพียงไม่ถึงสามสี่ที่ ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งไม่ค่อยมีการแนะนำในเวปไซด์ มีคนเคยไปพักและทำการรีวิว ผ่านมา 2-3 ปี เป็นส่วนมาก ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เวลาที่ผ่านไป อะไรหลายๆอย่างที่เคยดี จะยังคงดีต่อเนื่องอยู่หรือเปล่า
และแล้วก็ได้คำแนะนำมาจากคุณน้า ที่ไปพักที่ "มณีแดงโฮมสเตย์" กับทางที่ทำงาน เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ คุณน้าแนะนำว่า ที่นี่มีบ้านพักสะอาดอยู่บนพื้นดิน สามารถขับรถไปจอดที่หน้าบ้านพักได้เลย มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย อาหารอร่อยและไม่อั้นจริงๆ พนักงานบริการเป็นอย่างดี และนั่นคือคำตอบ ที่เราตัดสินใจมาเลือกพักที่นี่
|
มณีแดงโฮมสเตย์ - ด้านหน้าเป็นที่ติดต่อห้องพัก |
เมื่อได้ที่พักที่ต้องการ ขั้นตอนต่อไปก็คือการจอง ที่พักโฮมเสตย์ที่จันทบุรี ถ้าท่านหวังว่าจะเดินมาหาที่พักข้างหน้า(วอคอิน) ต้องบอกว่า ในคืนวันศุกร์-เสาร์ เป็นไปได้ค่อนข้างยากนะครับที่จะยังมีว่างไว้บริการท่าน เพราะฉะนั้นขอแนะนำว่า ให้จองล่วงหน้าจะปลอดภัยกว่าจ้า
เริ่มจากเราเข้าไปที่หน้าเวปไซด์ของมณีแดงโฮมเสตย์ ทำการโทรติดต่อเพื่อที่จะทำการจองที่พัก เมื่อเราแจ้งวันที่ต้องการเข้าพัก ทางปลายสายแจ้งว่าว่างและแนะนำว่าให้แอดไลน์ ติดต่อขอข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจทางไลน์จะสะดวกกว่า หลังจากทักไปทางไลน์ ก็ได้รับข้อมูลดังนี้
|
คำแนะนำ 1 |
|
คำแนะนำ 2 |
|
คำแนะนำ 3 |
หลังจากสอบถามข้อมูล ขอดูรูปบ้านพักแบบต่างๆ เราก็ตกลงเลือกบ้านอบอุ่น เนื่องด้วยบ้านอบอุ่นอยู่บนพื้นดิน และอยู่ค่อนข้างห่างจากโรงทานอาหาร ซึ่งเราสบายใจว่าเสียงดังจากคาราโอเกะในตอนกลางคืนไม่น่าจะมาถึงแน่นอน จากนั้นแจ้งจำนวนผู้เข้าพัก ทางเจ้าหน้าที่ไลน์ของมณีแดง จะทำการแจ้งยอดเงินมัดจำ 50% ของราคาทั้งหมด และให้เราทำการโอนเงินมัดจำไปที่ทางบัญชี ของเราจะเป็นราคาท่านละ 1700 บาท เมื่อทำการถ่ายรูปใบโอนส่งกลับไป ก็จะได้รับข้อความยืนยันการจองจากทาง มณีแดงโฮมสเตย์ เป็นอันจบกระบวนการจองที่พักครับ
และแล้ววันเดินทางของเราก็มาถึง เนื่องด้วยเราเดินทางในช่วงเกือบปลายเดือนสิงหาคม ทำให้ยังคงอยู่ในช่วงฤดูฝน และหลายๆท่านคงทราบดีว่า เส้นทางมุ่งหน้าไปทางจันทบุรี ถ้าเกิดมีฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก รถที่วิ่งบนถนนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะเคยเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากพัดรถที่วิ่งบนถนนหายกันมาแล้ว แต่ด้วยความโชคดีของเรา วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม วันออกเดินทาง ฟ้าโปร่งใสออกแนวเรียกว่าร้อนแสบผิวกันเลยทีเดียว
เราเลือกเส้นทางไปจันทบุรี ผ่านทางเส้นบ้านบึง เพราะเป็นเส้นทางแนะนำจากทาง google map แอพยอดนิยมในความรู้สึกส่วนตัว ออกเดินทางจากรัชดาในเวลาประมาณ 7 โมงนิดหน่อย ตั้งจุดแวะพักเส้นทางไว้ที่ ที่พักเดินทางมอเตอร์เวย์ เพื่อทานอาหารเช้า เกือบ 8 โมงเช้าเราก็มาถึงที่พักเดินทาง มีความรู้สึกไม่อยากทานพวกเบอเกอร์ในวันนี้ เพราะร้านยอดนิยมทั้ง 3 ร้านมีลูกค้ารอคิวสั่ง รอรับอาหารกันยาวเหยียด เลยตัดสินใจเข้าร้านอาหารง่ายๆ ร้านข้าวแกงและก๋วยเตี๋ยว
และนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด เนื่องจากรสชาติข้าวแกงของร้านที่เลือกเข้าไปทาน เรียกว่า กลืนลงคอหอยยากเหลือหลาย ต้มเลือดหมู เครื่องในยังคงความเป็นเครื่องในไว้เป็นอย่างดี ทั้งกลิ่นและรสชาติ เหมือนไม่ได้ล้างอะไรกันมาก่อน จึงขอผ่านไม่ลงรูปร้านอาหารร้านนี้ครับ ขอเก็บไว้สะเทือนใจกันภายในครอบครัว และจะจำไว้ว่า เมนูสิ้นคิดแบบ ข้าวเปล่ากับไข่เจียว/ไข่ดาว เป็นอะไรที่ปลอดภัยที่สุด
หลังจากออกจากที่พักคนเดินทางเราก็มุ่งหน้ายาวกันไปที่จันทบุรี เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนไปพักผ่อน เราจึงเลือกที่จะไป
วัดเทพธารทอง เพื่อไปทำบุญและถวายสังฆทานกันก่อนเข้าตัวเมือง และเมื่อมาถึงตัวเมืองจันทบุรี สิ่งที่ขาดไม่ได้ ก็ต้องเป็นการไปสักการะ
ศาลพระเจ้าตากสินมหาราชและศาลหลักเมือง เสร็จพิธีก็เวลาประมาณเที่ยง ด้วยความหิว จึงรีบมุ่งหน้าไปยังที่พัก เพื่อทานอาหารเที่ยงตามโปรแกรม
ที่พัก มณีแดง โฮมสเตย์ ถ้าวิ่งตามเส้นทางสุขุมวิทที่เป็นเส้นทางหลัก จะอยู่ห่างจากตัวเมือง เป็นระยะทางเพียง 29 กิโลเมตรนิดหน่อยครับ ใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาที ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ และเมื่อมาถึงที่พัก เราก็จะพบกับอาคารทรงจั่วตั้งเด่นสง่า อยู่หลังวงเวียน นั่นคือ สถานที่ติดต่อห้องพัก เมื่อทำการแจ้งชื่อผู้ทำการจอง ทางที่พักจะให้เราชำระเงินส่วนที่เหลือพร้อมวางเงินมัดจำค่ากุญแจ 200 บาท
ทางเจ้าหน้าที่ผู้ชายท่าทางใจดี ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพักอาศัย (ภายหลังถึงทราบว่าคือ คุณ มณี เจ้าของโฮมเสตย์แห่งนี้) โดยเริ่มจากให้ดูแผนที่ และอธิบายอย่างละเอียด ว่าจุดที่เราอยู่ในแผนที่คือลอบบี้ติดต่อห้องพัก ด้านหลังจะเป็นอาคารสัมนา มีบริการจักรยานให้เลือกใช้ฟรี ตั้งแต่เช็คอินจนถึงเช็คเอ๊าท์ออกจากที่พัก สามารถขี่จักรยานชมวิวหรือออกกำลังกาย และทุกสถานที่สามารถขับรถยนต์วนได้ และมีที่จอดรถตามข้างทางจุดต่างๆ สำหรับบ้านอบอุ่น ถ้าห้องน้ำภายในที่พักไม่พอกับการใช้งาน สามารถมาใช้ห้องน้ำด้านหลังอาคารสัมนา ซึ่งอยู่ข้างๆกันได้ และที่นี่ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาพัก
รวมถึงแนะนำร้านกาแฟก่อนถึงโรงทานอาหาร ซึ่งที่โรงทานอาหารแห่งนี้ จะเป็นสถานที่สำหรับทานอาหารทั้งมื้อเที่ยง เย็น และมื้อเช้าก่อนกลับ ขั้นตอนการทานอาหาร เพียงแจ้งชื่อผู้จองบ้านพักกับทางเจ้าหน้าที่ในโรงทานอาหาร เจ้าหน้าที่จะนำไปที่โต๊ะที่มีชื่อเราวางไว้เรียบร้อย พร้อมอาหารชุดแรก อาหารที่นี่เป็นบุฟเฟ่ต์ทุกเมนู สามารถสั่งเติมได้ตลอด และแนะนำว่า เราควรมาถึงที่พักก่อนเวลาบ่าย 2 โมง เพราะจะได้ทานอาหารเที่ยงเสร็จทันเวลาไปชมเหยี่ยวแดง ซึ่งจะมีบริการทั้งแบบแพแห้งและแพเปียก โดยแพแห้งจะมีโต๊ะ เก้าอี้ หลังคา บริการให้เรานั่งชมธรรมชาติไปตามแม่น้ำ และแพเปียกจะเป็นแบบท่อ PVC ซึ่งจะมีจุดที่สามารถลงไปเล่นน้ำได้ ทางที่พักมีบริการชูชีพให้เพียงพอ และแพทั้ง 2 ชนิด สามารถรับรองลูกค้าได้ถึง 110 ท่าน เรียกว่า ขนาดใหญ่และมีความปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่าน้ำหนักจะเกิน และขอให้มารวมกันที่หน้าอาคารติดต่อห้องพัก ในเวลา บ่าย 2.45 นาที เพื่อเตรียมตัวขึ้นรถไปที่จุดลงแพสำหรับชมเหยี่ยวแดง
|
สถานที่ติดต่อห้องพัก |
|
รายละเอียดบ้านพัก |
|
แผนที่ภายใน มณีแดงโฮมสเตย์ |
|
เคาน์เตอร์ติดต่อที่พัก - คุณ มณี (ผู้ชายเสื้อดำ) เจ้าหน้าที่ผู้ให้คำแนะนำเป็นอย่างดี |
หลังจากได้กุญแจบ้านพัก และผู้ร่วมทริปของเรามีความสงสัย จึงถามถึงความแตกต่างของบ้านพักแต่ละแบบ ซึ่งทางคุณ มณี ก็ได้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆว่า บ้านพักอบอุ่น จะเป็นบ้านพักที่มีเตียง และอยู่บนพื้นดิน โดยจะติดกันทั้งหมด 5 ห้อง ในแต่ละห้องจะมี เตียงเดี่ยว 2 เตียง ซึ่งจะพักมาตราฐานได้ 4 ท่าน แต่เรามา 5 ท่าน จึงทำการเสริมเตียงคู่ไปอีก 1 เตียง
บ้านโฟม บ้านกลางน้ำ บ้านอารยะ สามแบบนี้ จะอยู่บนน้ำ แต่ละหลังผนังจะไม่ติดกัน และมีน้ำกั้นแยกส่วนกันชัดเจน โดยทุกบ้านจะมีบริเวณหน้าบ้านให้นั่งชิลๆได้ แตกต่างกันไป ทั้งแบบระเบียงปูน และมีชุดโต๊ะเก้าอี้ แต่จะพิเศษที่บ้านอารยะ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น(วีลแชร์) เพราะจะมีทางลาดสามารถเข็นไปถึงภายในที่พัก รอบด้านจะมีราวไว้ให้พยุงตัว ในห้องน้ำก็จะมีราวไว้ให้พยุงตัวขึ้น-ลง
ในใจตอนแรกก็ว่าจะมุ่งหน้าไปที่โรงอาหารเพื่อทานอาหารกัน แต่ผู้ร่วมทริปแนะนำว่า เราควรไปเลือกจักรยานกันก่อนดีกว่า ในเวลานี้แขกผู้มาพักยังมาเชคอินกันจำนวนไม่มาก เราน่าจะมีโอกาสเลือกจักรยานที่ถูกใจได้มากขึ้น จึงตัดสินใจไปที่โรงจักรยานกันก่อน และทำการเลือกจักรยาน เมื่อลงมาถึง สายตาก็มองเห็นจักรยานพิเศษอยู่คันนึง ที่เป็นที่นั่งคู่พร้อมมีที่กันแดดด้านบน แต่มีสายโซ่ล็อคไว้ เมื่อทำการถามพนักงานแถวนั้น ได้ความว่า เป็นของเจ้าของรีสอร์ตจ้า จักรยานที่นี่แทบทุกคันจะมีเกียร์ สภาพก็สมบุกสมบันกันตามการใช้งาน แต่มีพนักงานคอยช่วยสูบลม และสอนการปรับเบาะให้สูงต่ำ ให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน
หลังจากเลือกจักรยานกันเป็นที่พอใจ ก็ขี่ไปจอดที่หน้าบ้านพัก เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า จักรยานดังกล่าวมีคนใช้งานแล้วนะ
|
โรงจอดรถจักรยาน บริการฟรี เลือกกันตามอัธยาศัย |
|
โฉมหน้าจักรยานทั้ง 4 คัน ที่ถูกเลือก (ท่านแม่ ไม่สะดวกในการงอเข่าขี่จักรยาน เลยไม่เอาจ้า) |
เมื่อเสร็จภารกิจเลือกจักรยาน เป้าหมายต่อไปของเราคือโรงทานอาหาร อาหารมื้อแรกของโปรแกรมที่พัก ด้านหน้าของทางเข้า มีบริการทำทางลาด อำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น ที่โรงอาหารจะต้องทำการถอดรองเท้าก่อนเข้าไป
|
ทางเข้าโรงทานอาหาร |
|
ด้านหน้ามีป้ายบอกกิจกรรมภายใน มณีแดงโฮมสเตย์ |
|
โต๊ะทานอาหาร |
|
ที่ชั้นวางน้ำแข็งจะมีป้ายชื่อผู้จองบ้านพัก |
|
มีบริเวณสำหรับเด็กให้เล่น |
จะมีบริการโซนส้มตำ ที่เราสามารถสั่งน้องพนักงานได้เลยว่าต้องการแบบไหน รสชาติจัด ใส่ปู ใส่ไข่เค็ม ใส่ปลาร้า หรือจะเป็นตำไทย มีทั้งเส้นมะละกอและข้าวโพด ต่อด้วยโซนก๋วยเตี๋ยว ที่ถือว่าเป็นทีเด็ดของที่นี่กันเลยทีเดียวครับ เพราะพนักงานจะบริการลวกเส้น ใส่ผัก แล้วส่งชามกลับมาให้เราทำการเลือกคีบใส่เครื่องกันอย่างจุใจ ทั้งเกี๊ยวทอด ปลาหมึก กุ้ง หมู ลูกชิ้นหมู และฮื่อก๊วย ใส่กันเป็นที่พอใจก็ส่งชามกลับไปทางพนักงานราดน้ำแกงคืนกลับมา เป็นอันเสร็จเรียบร้อย นำไปปรุงรสชาติเพิ่มเติมตามใจชอบ
|
โซนส้มตำ |
|
เครื่องส้มตำ |
|
มีข้าวโพดสำหรับตำด้วย |
|
เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว |
|
มีบริการครบทั้งเส้นหมี่ เล็ก บะหมี่ วุ้นเส้น |
|
เครื่องสำหรับใส่ในก๋วยเตี๋ยว |
|
เครื่องสำหรับใส่ก๋วยเตี๋ยว |
|
มีน้ำบริการด้านข้าง |
|
ข้าวต้มมัด และอุปกรณ์สำหรับทานก๋วยเตี๋ยว |
|
เผือกแกงบวช |
|
เนื้อเผือกมาเต็มๆ |
กลับมาที่บนโต๊ะ จะมีอาหารชุดแรกวางไว้บริการพร้อมจาน ช้อน ส้อม ซึ่งรายการอาหารมีดังต่อไปนี้ แกงส้มชะอมไข่หม้อไฟ ต้มยำเนื้อปลากระพงหม้อไฟ ห่อหมก ไก่ทอด และข้าวต้มมัด ทุกรายการสามารถสั่งเพิ่มได้ตลอดนะครับ
ต้มยำเนื้อปลากระพงหม้อไฟ
|
ไก่ทอด-ห่อหมก-ส้มตำปลาร้าไข่เค็ม-ส้มตำไทย-ตำข้าวโพดไข่เค็ม |
|
แกงส้มไข่ชะอม หม้อไฟ |
|
ข้าวต้มมัด |
|
เกาเหลาน้ำ กุ้ง-ปลาหมึก |
|
บะหมี่น้ำ - ใส่เครื่องจนแทบจะมองหาเส้นไม่เจอ |
|
ตำข้าวโพดปลาร้า |
|
เส้นเล็กน้ำ ใส่น้ำพริกเผา |
|
บะหมี่แห้ง |
|
ข้าวต้มมัด-เหนียมนุ่ม ไส้กล้วย |
|
แกงบวชเผือก |
อาหารมื้อกลางวัน อร่อยแทบทุกอย่างเลยครับ แกงส้มรสชาติเข้มข้น ไหลบัวนี่อ่อน ทานคู่กับกุ้งสดและไข่ชะอมเพลินสุดๆ ต้มยำปลากระพงรสชาติปกติครับ อ่อนไปนิด แต่เนื้อปลาสด เด้ง โดยเฉพาะห่อหมกรสชาติกลมกล่อมมากๆ เผ็ดอ่อนๆ ทานเปล่าๆ หรือจะทานคู่กับข้าวสวยก็อร่อย สั่งเพิ่มไปประมาณ 6 ห่อ ที่ผิดหวังจะเป็นเมนูปีกไก่ทอดครับ น่าจะเพราะเตรียมอาหารไว้ก่อน ทำให้ปีกไก่เนื้อเหนียวมาก
ส้มตำ ทำออกมารสชาติดีทุกจานเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นตำไทย ปู ปลาร้า ไข่เค็ม รสชาติอร่อย โดยเฉพาะตำข้าวโพด เนื้อข้าวโพดมีความหวานอร่อยยิ่งทานคู่กับไข่เค็ม เข้ากันเป็นอย่างที่สุดครับ
ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ขอให้เป็นพระเอกเลยครับ รสชาติน้ำซุปหวานกลมกล่อม มีไช้เท้าหั่นเป็นแว่นๆอยู่ในน้ำซุป โดยเฉพาะเราสามารถเลือกใส่เครื่องได้อย่างจุใจ ชอบอะไรก็ใส่กันตามอัธยาศัย เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม อร่อย แต่เมื่อได้ลองทานเส้นเล็ก ต้องบอกว่าสุดยอดครับ เส้นเหนียวนุ่ม ทานคล่องคอ ยิ่งสั่งเส้นเล็กน้ำใส่น้ำพริกเผา เพิ่มความหอม มัน ยิ่งกลมกล่อม เพลินจนหมดไปหลายชามครับ
สำหรับของหวาน ข้าวต้มมัด รสชาติปกติครับ นุ่มกำลังดี แต่ที่ถูกใจเป็นพิเศษก็คือแกงบวชเผือกครับ รสชาติไม่หวานมาก เนื้อเผือกหนึบๆ ยิ่งทานยิ่งอร่อยเผลอไปแพพเดียวหมดไปหลายถ้วยเหมือนกัน หลังทานอาหารเสร็จก็เป็นเวลาประมาณ บ่าย 2 โมงนิดหน่อย เมื่อมองแดดที่กำลังระอุ ร้อนแสบผิวสุดๆ จึงตัดสินใจกลับที่พัก ไปนั่งพักเอนหลังตากแอร์ แล้วค่อยออกมาหากิจกรรมทำย่อยอาหาร ก่อนทานมื้อเย็นในเวลา 18.30 น.
|
แกงจืดหม้อ 2 |
|
ทอดมันจาน 2 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น