วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2563

ขาหมู ศิริชัย ห้วยขวาง

             ในช่วงที่ประเทศไทยเรากำลังตื่นตัวกับ Covid-19 หรือไวรัส Corona กันอย่างทั่วพื้นที่ เมื่อเราต้องหานมื้อเย็นทานกับแฟน 2 คน  จึงตัดสินใจไม่ไปใช้บริการร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า และมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่เปิดโล่งแทน ไหนๆช่วงนี้คนก็เดินไปจับจ่ายใช้สอยกันที่ตลาดน้อยลง เราจึงตัดสินใจไปหาอะไรทานกันที่สี่แยกห้วยขวาง

               หลังจากเดินดูร้านอาหารหลายๆร้านแล้ว ก็ตัดสินใจทานกันแบบง่ายๆ คนละจาน ที่ร้านขาหมูศิริชัย วันนี้ภายในร้านค่อนข้างโล่งครับ ลูกค้ามาใช้บริการไม่มาก


ขาหมูศิริชัย

                   บนโต๊ะหลายๆตัว จะมีชุดผักสด วางไว้ให้บริการสำหรับท่านที่เลือกทานเมนู ขนมจีนน้ำยา ให้เลือกหยิบผักกันได้ตามอัธยาศัยเลยครับ เลือกโต๊ะนั่งได้สักพัก น้องพนักงานก็นำเมนูมาให้เราทำการเลือกสั่งครับ


ชุดผักสด

เมนูอาหาร

                  ทางร้านมีเมนูอาหารค่อนข้างหลากหลายมากครับ ทั้งแบบจานเดียว ซีฟู้ด อาหารตามสั่ง ส้มตำ ไก่ย่าง ขนมจีนน้ำยา ก๋วยจั๊บ ต้มเลือดหมู หลังจากสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อย ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็ได้อาหารที่สั่งครับ


ก๋วยจั๊บน้ำข้น

ข้าวขาหมู

ยำไก่ย่าง

                สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นของเรากับแฟนนะครับ เริ่มจากก๋วยจั๊บ น้ำซุปทำออกมาได้หอมอร่อยดีครับ เครื่องในสะอาด เส้นก๋วยจั๊บหนึบ นุ่มกำลังดี โดยเฉพาะเลือดมาแบบร้อนๆ และนุ่มละมุนมากๆ เสียอย่างเดียว น้ำซุปไม่ร้อนครับ

                     ข้าวขาหมู รสชาติผักกาดดองอร่อยดีครับ เนื้อขาหมูก็ใช้ได้ ไส้ใหญ่แต่ไม่ค่อยหนาเท่าไร น้ำพะโล้ที่ราดบนข้าว ยังไม่เข้มข้น โดยรวมถือว่าทานได้ครับ ต่อด้วยยำไก่ย่าง ตอนสั่งลืมบอกระบุว่าอยากได้ช่วงไหนของไก่ ทำให้เราได้มาตรงส่วนอกแบบเต็มๆ ซึ่งส่วนตัวแล้วไม่ชอบทานเนื้อชืดๆครับ ถึงน้ำยำรสชาติจะออกมาอร่อยกำลังดี แต่ได้เนื้อไก่ส่วนที่ไม่ชอบ ทำให้ความอร่อยลดลงไปมาก

                 สรุปโดยรวมแล้ว ก๋วยจั๊บดีงามครับ เรียกว่าเป็นอีกร้านที่เวลาค่ำๆ อยากทานก๋วยจั๊บอร่อยๆ ไม่ต้องไปไกลถึงเยาวราชแล้ว แวะมาทานที่แยกห้วยขวางได้เลยจ้า มีโอกาสหน้าจะกลับมาลองทานขนมจีนน้ำยาครับ

เตี๋ยวเรือชามหยุด(ไม่อยู่)

                  หลังจากออกจากร้านครัวเถื่อนเถื่อน เราก็รู้สึกอยากหาของหวานอะไรอร่อยๆทานกันสักหน่อย ขณะกำลังขับรถผ่านโรงเรียนเซนต์โยฯบางนา สายตาแฟนและคู่แฝดก็มองเห็นร้านขายกล้วยทอดอัมพวาอยู่ด้านขวามือ ไม่รอช้าครับ เราจึงทำการเลี้ยวขวา เข้าไปหาที่จอดตรงลานร้านอาหารตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อทำการจอดรถทันทีจ้า


กล้วยทอดอัมพวา

ร้านกล้วยทอดอัมพวา

                  หลังจากทำการซื้อกันเป็นที่เรียบร้อย สายตาก็มองไปยังฝั่งตรงข้าม เห็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านใหม่เปิดให้บริการ ดูท่าทางน่าอร่อย จึงไม่รอช้าครับ เดินข้ามถนนไปยังร้านทันที


ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ

บรรยากาศภายในร้าน

โซนก๋วยเตี๋ยว

                     ถึงแม้อากาศจะแดดร้อนมากมาย แต่ภายในร้านตกแต่งได้ร่มรื่นดีครับ ถึงเราจะนั่งกันด้านหน้าร้านเลย แต่ก็ไม่รู้สึกถึงอากาศร้อนสักเท่าไรครับ มาถึงแล้วก็ต้องลองสั่งชิมกันสักหน่อย


เครื่องปรุง

เมนู

                  หลังสั่งก๋วยเตี๋ยวกับทางน้องพนักงาน ก็ใช้เวลาไม่นานนะครับ รายการอาหารของเราก็เริ่มทะยอยนำออกมาเสริฟ์กัน

กากหมู

ก๋วยเตี๋ยวเรือ+กากหมู

หมูลวกจิ้ม

ก๋วยเตี๋ยวเรือ

ขนมถ้วย

                   สรุปรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเราสามคนนะครับ เริ่มจากพระเอกของวันนี้เลย กากหมูครับ ทางร้านทอดออกมาได้ดีงามสุดๆ แฟนและคู่แฝด 2 คน สั่งกากหมูทานกันไป 3 ถ้วย ไม่รวมก๋วยเตี๋ยวเรืออีกคนละ 2 ชาม ส่วนของก๋วยเตี๋ยวเรือ รสชาติน้ำซุปเข้มข้นดีครับ เครื่องก็ใส่มาให้พอสมควร ไม่ได้น้อยจนน่าเกลียด สำหรับราคาชามละ 19 บาท ถึือว่าไม่แพงจนเกินไปครับ น่าเสียดายที่เพิ่งอิ่มจากร้านครัวเถื่อนๆกันมา ไม่อย่างนั้นน่าจะได้ทานก๋วยเตี๋ยวเรือกันมากกว่านี้แน่นอนครับ

                    บนโต๊ะมีขนมถ้วยวางไว้ให้บริการนะครับ เพื่อความรู้สึกที่ดีของลูกค้าท่านต่อไป ถึงทางร้านจะคิดราคาเป็นฝา แต่เราก็ควรทานให้ครบคู่นะครับ อีกฝาจะได้ไม่ต้องเปิดวางทิ้งไว้เฉยๆ รสชาติขนมถ้วยถือว่าใช้ได้เลยครับ  หอม หวาน มัน 

                 สรุปความคุ้มค่า เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่น่ากลับมาทานซ้ำอีกแน่นอนครับ ด้วยหมูตุ๋นที่นุ่ม อร่อย น้ำซุปเข้มข้น กากหมูดีงามจนต้องซื้อกลับบ้าน เสียอย่างเดียวตอนเราสั่งรายการอาหาร ได้ไม่ค่อยตรงที่เราสั่งสักเท่าไร เช่นสั่งแห้งได้น้ำ ไม่ใส่ผัก แต่ผักมาเต็มชาม แต่ไม่เป็นไรครับ ครั้งหน้ามาทานซ้ำ ว่าจะเขียนรายการเมนูเองไว้เลย 

                    ท่านใดมีโอกาสผ่านมาแถวซอยแบริ่ง อย่าลืมแวะมาลองทานกันนะครับ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่ไม่ควรพลาด คู่ควรแก่การมาลองทานครับ

ครัวเถื่อนเถื่อน แบริ่ง 37

                       เรายังคงอยู่กันแถวลาซาลกันต่อครับ หลังจากที่ไปทานร้านส้มตำแล้วไม่ประทับใจ แฟนก็แนะนำต่อครับ ว่าวันก่อน เปิดดูยูทูป เห็นนักกินท่านนึงมาแข่งกินอาหารที่ร้าน ครัวเถื่อนเถื่อน ซ.แบริ่ง 37 ดูแล้วเมนูไข่ข้นเค้าน่ากินจังเลย ไม่รอช้าครับ

                  มุ่งหน้าไปยังซอยแบริ่ง 37 กันต่อ สังเกตุร้านได้จากป้ายร้านสีเหลืองๆนะครับ ทางร้านมีที่จอดรถอยูด้านหลังของร้าน สามารถเลี้ยวเข้าไปได้เลย ร้านครัวเถื่อนเถื่อนเป็นร้านอาหารขนาดเล็กๆ ไม่ใหญ่ มีโต๊ะให้นั่งทานอยู่ด้านหลังร้านประมาณ 2-3 โต๊ะครับ


ป้ายหลังร้าน

ด้านหน้าร้าน

ครัวภายในร้าน

ตู้แช่เย็นหลังร้าน

                            ถึงอากาศด้านนอกจะมีแดดแรงเพียงใด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับการทานอาหารมื้อนี้ของเราครับ แฟนทำการสั่งอาหารทันที ที่เลือกโต๊ะนั่งเป็นที่เรียบร้อย ใช้เวลาประมาณ 10 นาที รายการอาหารของเราก็ออกมาเสริฟ์ครับ ที่ใช้เวลาพอสมควร เพราะหน้าร้านมี line man มานั่งรออาหารอยู่ครับ


กุ้งผัดพริกสดราดข้าว

ข้าวไข่ข้นราดซอสตับ

แหวกดูด้านในกันครับ

ลูกชิ้นหมู น้ำจิ้มบุรีรัมย์

                             สำหรับรสชาติอาหารตามความเห็นส่วนตัวของเรานะครับ เริ่มจากกุ้งผัดพริกสด รสชาติผัดพริกทำออกมาได้โอเคดีครับ เข้มข้น เสียดายที่ข้าวหุงออกมาค่อนข้างแฉะ ทำให้เสียรสชาติในการทานอาหารไปพอสมควรเลย ต่อด้วยข้าวไข่ข้นราดซอสตับ เช่นเดิมครับ ข้าวน่าจะมาจากหม้อเดียวกัน ข้าวค่อนข้างแฉะเหมือนกันเลย ส่วนซอสตับ รสชาติทำออกมาได้เข้มข้นดีครับ แต่เสียดายที่มีเปลือกไข่ปนลงมาเล็กน้อย และเปลือกกระเทียมชัดมาก เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบทานเปลือกกระเทียมครับ พอเจอสัมผัสนี้เข้าไป ความอร่อยหายไปเลย

                                 ในส่วนของตับ ดีงามมากครับ นุ่ม หอม หวานกำลังดีเลย ทานแล้วเพลินดีครับ ที่สำคัญทางร้านให้มาแบบชิ้นใหญ่ๆเลยครับ สำหรับไข่ข้นก็รสชาติปกตดีครับ ต่อด้วยลูกชิ้นทอดครับ ตัวลูกชิ้นก็รสชาติปกติดี แต่น้ำจิ้มมะขามบุรีรัมย์ที่ทางร้านแนะนำ ยังไม่ค่อยเด็ดเท่าไรครับ น่าจะเผ็ดได้อีก

                                     สรุปการตามรอยครั้งนี้ ยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไรครับ รสชาติอาหารไม่ถึงกับเลวร้าย แต่ก็ไม่ได้อร่อยจนน่าจะมาซ้ำอีกครั้ง อาจจะเพราะผิดหวังกับข้าวที่หุงออกมาแล้วแฉะ ตรงนี้น้องทางร้านบอกว่า หม้อหุงข้าวมีปัญหา เลยทำให้ข้าวที่เพิ่งหุงสุกมาใหม่ๆ ค่อนข้างแฉะสักนิด 

ร้านแซบสะเด็ด ลาซาล

                   สืบเนื่องจากวันเสาร์ที่ผ่านมา เรากับแฟนไปทำธุระกันที่ซอยลาซาลกันในช่วงเช้า กว่าจะเสร็จธุระก็เกือบสิบโมง ด้วยความหิวบวกหน้ามืดแล้ว จึงเริ่มหาอะไรทานกัน แล้วแฟนก็แนะนำว่า ไปกินไก่ย่างวิเชียรบุรี ที่ซอยฝ้ายคำดีกว่า ร้านนี้เค้ารสชาติส้มตำเด็ดมากๆ (เมื่อก่อนแฟนทำงานแถวซอยฝ้ายคำ มาทานบ่อยๆ เลยมั่นใจในความอร่อยแบบสุดๆ) ระหว่างทางขับรถไป แฟนก็ตั้งท่าจะโทรไปถามว่าวันนี้ร้านเปิดหรือเปล่า แต่ด้วยระยะทางใกล้ถึงแล้ว เราเลยบอกแฟนว่า ไม่ต้องโทรหรอก จะเลี้ยวเข้าซอยแล้วเนี่ย

                     และแล้วเราก็มาถึงร้านส้มตำไก่ย่างวิเชียรบุรี ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงหน้าร้านพอสมควร แฟนบอกว่าเพิงไก่ย่างหายไป เค้ายังขายอยู่หรือเปล่า หลังจากหาที่จอดรถได้ ก็มองๆเข้าไปภายในร้าน ก็เห็นมีที่ย่างไก่ แสดงว่าใช่แล้วล่ะ 


ภายในร้าน

เครื่องปรุง น้ำจิ้ม ข้าวเหนียว หยิบบริการตัวเอง

ครัวกำลังย่างไก่

ภายในร้าน

บนโต๊ะมีอุปกรณ์การทานไว้พร้อม และป้ายแจ้งบริการน้ำดื่มด้วยตัวเอง

                    ตอนเรามาถึง ภายในร้านยังไม่มีลูกค้าเท่าไรนัก จึงสามารถเดินเลือกโต๊ะนั่งได้ตามอัธยาศัยเลยครับ เมื่อเลือกโต๊ะนั่งได้แล้ว แฟนก็เดินไปหยิบเมนูอาหารมาให้เราทำการเขียนรายการอาหาร


รายการเมนู
                  
                       หลังจากส่งใบรายการอาหารแล้ว แฟนก็เริ่มไปตักน้ำจิ้ม หยิบข้าวเหนียวและจาน บริการตัวเองครับ


น้ำจิ้ม

ข้าวเหนียว

นั่งรออาหารกันครับ

                     หลังจากนั้นใช้เวลาไม่นานครับ รายการอาหารที่เราทำการสั่ง ก็ะเริ่มทะยอยออกมาเสริฟ์


ตำลาวไม่ใส่พริก

ผักบุ้ง-ผักสด

ไก่ย่าง 1 ตัว

ตำปลาร้ารสจัด

                         จริงๆเรามีสั่งตับหวานด้วยอีก 1 จานนะครับ แต่ลืมถ่ายรูปครับ ขอกล่าวถึงรสชาติอาหารกันก่อนเลยนะครับ ส้มตำลาว ปลาร้ารสชาติอร่อยดีนะครับ ตำออกมาแบบไม่ใส่พริกก็จริง แต่ก็ครบรส ต่อด้วยไก่ย่างวิเชียรบุรีครับ ทันทีที่แฟนตักใส่ปากคำแรก แฟนบอกว่าไม่เหมือนเดิม ส่วนตัวเรา ผู้ไม่เคยทานร้านนี้มาก่อน ก็รู้สึกว่า เนื้อสัมผัสของไก่ค่อนข้างด้านแหละชืดๆครับ เป็นไก่แบบที่ไม่ค่อยชอบเป็นการส่วนตัว 

                        สำหรับตับหวาน ทางร้านทำออกมาค่อนข้างแข็งครับ เนื้อสัมผัสของตับแห้งมากๆ ทำให้สั่งใส่ถุงเลยทันที ทานไม่ไหวจริงๆครับ ส่วนส้มตำปลาร้ารสจัดของแฟน รสชาติไม่ค่อยถูกใจแฟน ชิมไปคำเดียวแล้วก็วางช้อนเลย และก็ยังคงมีความคาใจ หยิบมือถือโทรไปเบอร์ที่เคยมี และได้ทราบข่าวว่า ร้านประจำของตัวเอง ย้ายร้านไปแล้วจ้า 

                       สรุปนะครับ ค่าเสียหายมื้อนี้ 260 บาท สำหรับเราส้มตำรสชาติใช้ได้นะครับ ส่วนไก่ย่างไม่ได้เป็นแบบที่ชอบเป็นการส่วนตัวครับ ชอบแบบเนื้อฉ่ำๆ นุ่มๆ มากกว่า ถ้าท่านใดไม่เคยมาทานที่ร้านไก่ย่างวิเชียรบุรีมาก่อน ผมว่ามาทานร้านนี้น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ แต่ถ้าเป็นท่านที่เคยทานไว้แล้ว อาจจะรู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ตรงนี้แล้วแต่คนชอบนะครับ แต่สำหรับส่วนตัว รอบหน้าคงจะไปตามหาร้านประจำของแฟนครับ ว่าย้ายไปที่แห่งใด เราจะตามไปชิมครับ

บทความที่ได้รับความนิยม